ในเดือนแห่งความรักแบบนี้ นอกจากที่เราจะดูแลน้องหมาให้มีสุขภาพจิตใจที่แข็งแรงในบทความ 5 วิธีดูแลสุขภาพจิตใจเจ้าตูบให้แจ่มใสไปชั่วชีวิต กันไปเมื่อสัปดาห์ก่อนแล้ว สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เลี้ยงอย่างเรา ๆ ต้องให้ความใส่ใจและดูแลเป็นพิเศษเลยก็คือ การดูแลสุขภาพร่างกายของน้องหมาให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพราะเมื่อน้องหมามีสุขภาพร่างกายที่ดี ไม่เจ็บป่วย ก็จะส่งผลทำให้น้องหมามีช่วงอายุที่ยาวนานขึ้น และอยู่เป็นเพื่อนกับผู้เลี้ยง ทุกคน ๆ ในครอบครัวนั่นเองค่ะ

     คอลัมน์เทคนิคการเลี้ยงการดูแล ครั้งนี้ ปังปอนด์ก็เลยจะชวนเพื่อน ๆ มาดูแลสุขภาพร่างกายของเจ้าตูบให้แข็งแรงฟิตปั๋ง หัวใจพองโตในเดือนแห่งความรักกันค่ะ ว่าแต่เราจะมีวิธีดูแลสุขภาพร่างกายของน้องหมากันยังไงบ้าง ไปดูกันเลย ...

 

รู้ไหม? ... น้องหมาก็ต้องการการดูแลหัวใจนะ

 

     ถ้าหากพูดถึงโรคร้ายที่เป็นสาเหตุทำให้น้องหมาเสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งก็คงหนีไม่พ้น โรคหัวใจและหลอดเลือด สำหรับโรคหัวใจในน้องหมานั้นแบ่งได้ 2 ประเภท คือ  โรคหัวใจที่เป็นแต่กำเนิด เช่น ผนังกั้นห้องหัวใจเป็นรู การค้างของหลอดเลือดแดง ลิ้นหัวใจตีบ ฯลฯ  และประเภทที่สองคือ โรคหัวใจที่เกิดขึ้นในภายหลัง เช่น ลิ้นหัวใจอักเสบ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจโตและผนังกล้ามเนื้อหัวใจบาง  ฯลฯ โดยทั่วไปมักพบว่า โรคหัวใจในน้องหมานั้นจะพัฒนาขึ้นในช่วงกลางชีวิต หรือในน้องหมาที่มีอายุมากกว่า 4-10 ปีขึ้นไป ซึ่งเราสามารถสังเกตอาการได้ง่าย ๆ  คือ น้องหมาจะเหนื่อยง่าย หอบ ไอแห้ง ๆ หายใจลำบาก ท้องกางขยายขึ้น (กรณีมีของเหลวสะสม-ท้องมาน) ตัวบวมน้ำ ฯลฯ

     ฟังดูแล้ว โรคหัวใจที่เกิดขึ้นกับน้องหมานั้นดูน่ากลัว แต่จริง ๆ แล้วโรคหัวใจบางชนิด ผู้เลี้ยงก็สามารถป้องกันการเกิดโรคได้ เช่น ไม่เพาะพันธุ์น้องหมาที่เป็นโรคหัวใจเพราะโรคหัวใจบางชนิดอาจถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ส่งต่อไปยังลูกสุนัขได้ และหากแม่พันธุ์สุนัขเป็นโรคหัวใจจะมีความเสี่ยงในระหว่างการคลอดลูกได้ การป้องกันโรคพยาธิหนอนหัวใจอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงดูแลรักษาสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ควรปล่อยให้น้องหมามีคราบหินปูนมากหรือมีการอักเสบในช่องปาก เพราะอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคติดเชื้อในหัวใจได้ค่ะ

     เรื่องหัวใจของน้องหมาไม่ใช่เรื่องเล็กเลยใช่ไหมคะ? ดังนั้น ผู้เลี้ยงจึงต้องใส่ใจเลี้ยงดูแลสุขภาพร่างกายและหัวใจของน้องหมากันเป็นพิเศษ เพื่อเราจะได้รู้เท่าทัน ป้องกันและเตรียมรับมือกับโรคต่าง ๆ ในอนาคตของน้องหมา โดยเราสามาถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ

 

ให้อาหารคุณภาพดี บำรุงหัวใจ

 

    ในเดือนแห่งความรักแบบนี้ เชื่อว่า คนรักน้องหมาหลาย ๆ คนก็คงอยากที่จะดูแลหัวใจของน้องหมาให้แข็งแรงและมีสุขภาพดีกันใช่ไหมล่ะคะ? ... สำหรับการดูแลสุขภาพร่างกายและหัวใจของน้องหมานั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการใส่ใจเลือกอาหารที่ครบคุณค่าทุกหมู่ ทั้งโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร่ และน้ำ ให้กับน้องหมา เพราะการให้อาหารที่ครบคุณค่าทุกหมู่และเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จะช่วยส่งผลต่อสุขภาพที่ดีของน้องหมาระยะยาวค่ะ

     สำหรับอาหารที่จะช่วยบำรุงระบบการทำงานของร่างกายและหัวใจของน้องหมานั้น แนะนำให้ผู้เลี้ยงเลือกให้อาหารสำเร็จรูปสูตรที่มีส่วนผสมของ แอลคานิทีน , ทอรีน , โครเมี่ยม พิโคลิเนท ที่จะช่วยทำให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น กรดไขมันโอเมก้า 3 , 6 มีฤทธิ์ช่วยระบบหลอดเลือดและหัวใจ ช่วยในการทำงานของระบบประสาท วิตามินซีและวิตามินอี ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงแร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีประโยนช์ ได้แก่ ธาตุเหล็ก , สังกะสี , ซีลิเนียม ฯลฯ ที่ช่วยทำให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างสมบูรณ์ค่ะ

     ส่วนในคนรักน้องหมาบางกลุ่มก็อาจจะเลือกให้อาหารประเภท BARF (Biologically Appropriate Raw Foods) ซึ่งเป็นการนำอาหารสดและดิบมอบให้แก่น้องหมา ข้อดีของการให้อาหารสดกับน้องหมาคือ มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหารและสุขภาพช่วยในเรื่องการป้องกันโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ ,ไต , มะเร็ง , ข้อต่ออักเสบ ฯลฯ ช่วยให้ผิวหนังและเส้นขนของน้องหมามีสุขภาพดีขึ้น และยังทำให้ผู้เลี้ยงแน่ใจได้ว่า วัตถุดิบที่นำมาเป็นอาหารให้น้องหมานั้น ไม่มีวัตถุกันเสีย , สีผสมอาหารและสารปรุงแต่งปนเปื้อนอีกด้วยค่ะ ...

 

พาออกกำลังกาย สร้างภูมิต้านทาน

     น้องหมาจะมีสุขภาพดี ฟิต & เฟิร์มได้ ต้องไม่ขาดการออกกำลังกาย ! ... ผู้เลี้ยงที่อยากให้น้องหมามีสุขภาพแข็งแรง สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การหมั่นพาน้องหมาไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายจะสามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ทำให้น้องหมามีสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก ไม่เจ็บป่วยง่าย โดยการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับน้องหมานั้น สิ่งทีผู้เลี้ยงจะต้องคำนึงถึงก็คือ ช่วงอายุของน้องหมา กิจกรรม และประเภทการออกกำลังกายที่เหมาะสมค่ะ

     สำหรับ น้องหมาสายพันธุ์ใหญ่จะมีวิธีการออกกำลังกายที่ค่อนข้างหลากหลาย เช่น วิ่งหรือเดินอย่างอิสระ ที่จะช่วยทำให้น้องหมามีกระดูกที่แข็งแรง ว่ายน้ำ ที่ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อขาและ ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายซึ่งจะช่วยชะลอการเกิดโรคกระดูกและข้ออักเสบ กระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง เพื่อฝึกสปริงตัวเพราะน้องหมาจะใช้สะโพกเป็นแรงในการกระโดด (แต่ก็ควรระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุด้วยนะคะ) เล่นชักเย่อ เพื่อฝึกความแข่งแรงของช่วงกราม เล่นเก็บลูกบอล จานร่อน หรือ ของเล่นฝึกทักษะในด้านต่าง ๆ ฯลฯ งการออกกำลังกายด้วยวิธีเหล่านี้เป็นวิธีที่เหมาะกับลักษณะทางกายภาพและพฤติกรรมของน้องหมาพันธุ์ใหญ่ที่จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ช่วยควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่พอดีค่ะ (อ่านบทความเพิ่มเติม ไขข้อสงสัยสุนัขพันธุ์ใหญ่ต้องออกกำลังกายหนัก ๆ จริงหรือ?)

     ในน้องหมาพันธุ์เล็ก การออกกำลังกายควรเป็นการออกกำลังกายเบา ๆ เช่น ว่ายน้ำ , เล่นโยนลูกบอล , เล่นซ่อนแอบสิ่งของ , การวิ่งเบาๆ , ฝึกทักษะคำสั่งต่าง ๆ ฯลฯ โดยทุกครั้งจะต้องอยู่ในการควบคุมของเจ้าของ และควรพาน้องหมาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับนาฬิกาชีวิตของน้องหมาให้จดจำและรู้หน้าที่ว่าจะต้องออกกำลังกาย โดยที่เราไม่ต้องบังคับค่ะ นอกจากนี้ก็ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่หักโหมหรือมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ เช่น การเล่นชักเย่อ การดึงสปริง กิจกรรมที่ต้องกระโดดจากที่สูง ฯ เพราะน้องหมาอาจตกลงมาทำให้น้องหมาได้รับบาดเจ็บ เช่น กระดูกขาหัก สะบ้าเคลื่อน ซึ่งทำให้เจ็บป่วยเรื้อรังในอนาคตได้ค่ะ
 

พบสัตวแพทย์ ตรวจสุขภาพทุก 6 เดือน

     สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ... ผู้เลี้ยงควรพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เป็นประจำอย่างน้อยทุก ๆ 6 เดือน เพื่อให้สัตวแพทย์ตรวจเช็คร่างกาย ทำให้เจ้าของน้องหมาได้รู้ถึงแนวโน้ม ความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในน้องหมา เพื่อสามารถเตรียมป้องกัน รักษาน้องหมาได้อย่างถูกวิธีและยังช่วยเพิ่มโอกาสให้น้องหมาหายขาดจากโรคต่าง ๆ ได้เร็วขึ้นค่ะ

     นอกจากการตรวจสุขภาพเป็นประจำแล้ว ผู้เลี้ยงก็ควรตรวจเช็คโปรแกรมสุขภาพ และพาน้องหมาไปฉีควัคซีน – ถ่ายพยาธิ ตามที่สัตว์แพทย์ได้กำหนดโปรแกรมไว้ โดยพยายามจดบันทึกวันนัดหมายที่จะพาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์เอาไว้ เพื่อป้องกันการหลงลืมวันครบกำหนด เพราะอาจส่งผลให้น้องหมาเจ็บป่วย หรือขาดวัคซีนที่จำเป็นต่อร่างกายไปได้

     สำหรับในกรณีที่ยังไม่ครบกำหนดพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์ แต่สังเกตพบน้องหมาเริ่มมีสัญญาณของอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ เช่น อาเจียน ถ่ายเหลว ไม่ยอมกินอาหาร มีอาการซึมเศร้า ไม่ร่าเริง ผู้เลี้ยงก็ควรรีบพาน้องหมาไปพบสัตว์แพทย์ทันทีเพื่อตรวจเช็ค หาสาเหตุของความผิดปกติที่เกิดขึ้นกันด้วยนะคะ ... ให้น้องหมาอยู่ในมือคุณหมอ ยังไงก็อุ่นใจและปลอดภัยกว่าต้องมานั่งกังวลนะคะ (อ่านเพิ่มเติมในบทความ โปรแกรมดูแลสุขภาพสำหรับสุนัข)

     

หมั่นกรูมมิ่ง ดูแลขนให้สวยเสมอ

     นอกเหนือจากการดูแลเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย ที่จะทำให้น้องหมาฟิต & เฟิร์ม จากภายในแล้ว การดูแลสุขภาพร่างกายภายนอกของน้องหมาก็เป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องใส่ใจไม่แพ้กันเลยค่ะ ... ผู้เลี้ยงควรจับน้องหมามากรูมมิ่ง ดูแลความสะอาดร่างกายอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ต่อครั้ง เพื่อให้ร่างกายของน้องหมาสะอาดอยู่เสมอ เพราะในแต่ละวันน้องหมามักจะเล่นซุกซน ขุดดิน รื้อข้าวของ ทำให้สัมผัสโดนกับฝุ่น ควัน เศษผง และสารเคมีต่าง ๆ ที่อาจจะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ทำให้เกิดการแพ้ และทำผิวหนังอักเสบได้ค่ะ

    การกรูมมิ่งน้องหมาที่ถูกต้อง แนะนำว่า ให้ผู้เลี้ยงแปรงขนน้องหมาทุกครั้ง (ทั้งน้องหมาสายพันธุ์ขนสั้นและขนยาว) ก่อนจับน้องหมาอาบน้ำเพื่อขจัดขนเก่าที่ตายแล้วออกไป เพื่อลดปัญหาขนพันกันในขั้นตอนการอาบน้ำ โดยเลือกแชมพูและคอนดิชันเนอร์สูตรอ่อนโยนที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ หรือระคายเคืองต่อผิวหนังของน้องหมา อาจบำรุงผิวหนังและขนของน้องหมาด้วยผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น น้ำมันเคลือบเส้นขน สเปรย์บำรุงขนที่ไม่ทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตย์ ฯลฯ ก็ได้ค่ะ และหลังอาบน้ำเสร็จก็อย่าลืมใช้ไดร์เป่าผมมาเป่าขนของน้องหมาให้แห้งสนิท โดยเฉพาะกับน้องหมาที่มีขนสองชั้น และใช้สำลีเช็ดร่อยรอยย่นในน้องหมาที่มีผิวหนังยับย่นให้แห้งสนิททุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดความอับชื้นที่เป็นสาเหตุของโรคผิวหนังกันด้วยนะคะ
 

      น้องหมาจะมีสุขภาพดี แข็งแรง ทำได้ไม่ยาก เพียงแค่ผู้เลี้ยงใส่ใจดูแลน้องหมาในทุก ๆ รายละเอียด หมั่นตรวจสุขภาพน้องหมาเป็นประจำเพื่อหาแนวทางการป้องกันและรับมือกับโรคต่าง ๆ เพียงเท่านี้ น้องหมาของผู้เลี้ยงก็จะสุขภาพดี มีอายุยืนยาวไปอีกหลายปีแล้วล่ะค่ะ ... ยังไงเพื่อน ๆ ก็อย่าลืมนำวิธีข้างต้นไปใช้กับน้องหมากันนะคะ

 

บทความโดย: Dogilike.com
http://www.dogilike.com/

ภาพประกอบ :
https://www.flickr.com/photos/56832361@N00/202297138
https://www.flickr.com/photos/ian-arlett/8761047888
https://www.flickr.com/photos/jnl/48331634
https://www.flickr.com/photos/pkhamre/9538014267
https://www.flickr.com/photos/foundanimalsfoundation/8448403913