สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาว Dogilike พบกับ ปังปอนด์แสนซน...คนรักน้องหมาและเช้าวันแรกของการทำงาน หลังจากที่เราได้หยุดยาว สาดน้ำ รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ในช่วงสงกรานต์กันไปแล้วนะคะ เพื่อนๆ แต่ละคนคงสนุกกันมากๆ เลยใช่ไหมเอ่ย? ปังปอนด์เองก็ได้มีโอกาสกลับไปเติมพลังที่ต่างจังหวัดมาเหมือนกันค่ะ เล่นน้ำมาซะชุ่มช่ำใจพร้อมลุยงานค่ะ ฮึ่บ! 

     เอาหละค่ะ! เรามาเริ่มข่าวแรกของการทำงานกันเลยดีกว่าค่ะ^^ วันนี้ปังปอนด์มีข่าวน้องหมาบูลด็อกถูกทิ้งมารายงานเพื่อนๆกันค่ะ ไม่ใช่ทิ้งแค่ตัวเดียวนะ แต่ตั้ง 6 ตัวเลยค่ะ OMG!

     ลูกหมา 6 ตัว สายพันธุ์บลูด็อก หน้าตาน่ารักน่าชังที่เพื่อนๆเห็นกันอยู่นี้ เพิ่งมีอายุเพียง 1 เดือนเท่านั้นค่ะ กำลังซนเลยหละ เป็นเพศผู้ 3 ตัว เพศเมีย 3 ตัว น้องหมาทั้งหมดถูกทิ้งโดยเจ้าของใจร้าย ยัดใส่กระเป๋าเดินทาง โดยเขาได้รูดซิปกระเป๋าและทิ้งไว้ข้างถังขยะ เพื่อหนีภาระการเลี้ยงดู!     

     ลูกหมาบูลด็อกที่น่าสงสารทั้ง 6 ตัวนี้ เป็นของ โฮเวิร์ด เดวิส อายุ 53 ปี รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา เหตุผลที่เข้าทำแบบนี้เพราะเขาไม่สามารถดูแลลูกสุนัขทั้ง 6 ตัวนี้ได้ และเพื่อทิ้งภาระการเลี้ยงดู ค่าใช้จ่าย ค่าอาหาร หรือรวมไปถึงของใช้ต่างๆ สำหรับลูกสุนัข เขาจึงเลือกวิธีที่จะกำจัดลูกหมา โดยการจับลูกหมาทั้งหมดมายัดใส่กระเป๋าเดินทาง รูดซิปปิดกระเป๋าอย่างมิดชิด และนำไปทิ้งไว้ข้างถังขยะ แต่เป็นโชคร้ายของเขา ที่ลบป้ายชื่อแสดงตัวตนเจ้าของกระเป๋าเดินทางใบนี้ ที่ห้อยติดอยู่กับกระเป๋าไม่หมด จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตามตัวเขาเจอ และนำตัว เดวิส มาดำเนินคดีในที่สุด

     จอห์น ไดนอน กรรมการบริหารสมาคมมนุษยธรรม กล่าวว่า “มันแย่มาก ที่เขาเลือกที่จะทิ้งลูกสุนัขที่น่ารักขนาดนี้”

    ตอนนี้ลูกสุนัขได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าหน้าที่สมาคมมนุษยธรรม และพวกเขาจะย้ายลูกสุนัขพันธุ์บูลด็อกทั้ง 6  ตัว ไปยังรัฐมิชิแกน เพื่อหาบ้านที่มีความพร้อมที่จะรับเลี้ยงเจ้าบูลด็อกน้อยอย่างถาวรต่อไปค่ะ

     ส่วน เดวิส เขามีนัดต้องขึ้นศาลเพื่อรับฟังข้อกล่าวหา เรื่องการกระทำความผิดทางอาญาจากการละทิ้งสัตว์เลี้ยงของเขาในครั้งนี้

     ดูสิคะ น้องหมาบูลด็อกทั้ง 6 ตัวนี้ ทั้งน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้ นาย เดวิส ยังทิ้งกันได้ลงคอ น้องหมาปลอดภัยไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วเนอะ ว่าแต่น้องหมาน่ารักๆ แบบนี้ ปังปอนด์ก็อยากได้มาเลี้ยงบ้างสักตัวน้า แล้วเพื่อนๆ หล่ะอยากได้สักตัวไหมคะ? >///<

บทความโดย: Dogilike.com

ที่มา: http://www.dailymail.co.uk/

ภาพประกอบ: http://www.dailymail.co.uk/