สำหรับคนรักสุนัข ไม่ว่าจะเจอน้องหมาสายพันธุ์ไหน ๆ ก็ต้องมองว่าน่ารักเป็นธรรมดา แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ คนรักน้องหมาหลาย ๆ คนก็เริ่มหันมาสนใจน้องหมาไซส์ยักษ์อย่าง น้องหมาสายพันธุ์ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ , อลาสกัน มาลามิวท์ , ซามอยด์ ฯลฯ กันมากขึ้น โดยที่หลาย ๆ คนที่มีความพร้อมก็หาซื้อน้องหมาเข้าไปเลี้ยงภายในบ้าน แต่สำหรับคนรักน้องหมาที่ยังไม่แน่ใจก็ควรต้องสำรวจตัวเองกันก่อนว่า เราพร้อมที่จะรับภาระค่าใช้จ่าย การเลี้ยงดูน้องหมา ซึ่งส่วนมากจะเป็นน้องหมาที่ถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศ มีลักษณะความเป็นอยู่ที่แตกต่างจากประเทศไทยที่ต้องการการดูแลที่สูงกว่าน้องหมาพันธุ์สายพันธุ์ทั่ว ๆ ไปแล้วหรือไม่ !

     เทคนิคการเลี้ยงการดูแล ในวันนี้ ปังปอนด์ก็เลยจะชวนเพื่อน ๆ ที่กำลังอยากเลี้ยง หรือ กำลังตัดสินใจกันอยู่ว่า จะรับน้องหมาไซส์ยักษ์เข้ามาเลี้ยงในบ้านมาสำรวจความพร้อมกันค่ะว่า เราจะสามารถดูแลน้องหมาไซส์ยักษ์ที่มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 8-9 ปีนี้ได้ไหม จะมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลย ...

 

มีสถานที่เพียงพอสำหรับการเลี้ยง

 

     เรียกได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ เลยค่ะ สำหรับการมีพื้นที่ สถานที่ที่เพียงพอสำหรับน้องหมาไซส์ยักษ์ เพราะน้องหมาพันธุ์ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ , อลาสกัน มาลามิวท์ , ซามอยด์ , เชาเชา ,  เซนต์เบอร์นาร์ด ฯลฯ เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่มีขนาดตัวที่มีความใหญ่มากกว่าน้องหมาปกติทั่วไป จึงต้องการพื้นที่ในการอยู่อาศัยที่ค่อนข้างกว้างขวางพอสมควร

     ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจเลี้ยงน้องหมาไซส์ยักษ์เหล่านี้ เพื่อน ๆ จึงควรสำรวจตัวเองดูก่อนว่า เรามีพื้นที่เพียงพอที่จะเลี้ยงน้องหมาเหล่านี้ไหม มีพื้นที่กว้างพอให้น้องหมาเดิน วิ่งเล่น นอนได้อย่างสบาย ที่จะไม่ทำให้น้องหมารู้สึกอึดอัดหรือเปล่า? เพราะหากนำน้องหมาไซส์ยักษ์มาเลี้ยงในบ้านที่มีพื้นที่เล็ก หรือไม่เพียงพอกับน้องหมา ก็อาจจะทำให้น้องหมาเหล่านี้รู้สึกต้องอยู่ในพื้นที่แคบ ถูกกักขังตลอดเวลา ทำให้น้องหมาเกิดความเครียดที่มักจะส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย ทำให้น้องหมาเจ็บป่วยได้

     สำหรับพื้นที่เหมาะเลี้ยงน้องหมาไซส์ยักษ์ควรเป็นพื้นที่ที่โล่ง โปร่งสบาย เงียบสงบที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก มีร่มเงาเพียงพอ เพราะส่วนมากน้องหมาเหล่านี้จะเป็นน้องหมาที่ถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น  มีลักษณะความเป็นอยู่ที่แตกต่างจากประเทศไทยที่มีสภาพอากาศร้อนชื้นตลอดทั้งปี การจัดพื้นที่ให้น้องหมาอยู่ในที่ร่ม หรือสร้างห้องที่มีเครื่องปรับอากาศขึ้นมาสำหรับเลี้ยงน้องหมาก็ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับน้องหมาเหล่านี้เช่นกันค่ะ

ปรึกษา บอกกล่าวเพื่อนบ้านก่อนตัดสินใจเลี้ยง

      เป็นหนึ่งข้อสำคัญที่เจ้าของน้องหมาหลาย ๆ คนมักจะละเลยกันไป สำหรับการปรึกษา หรือบอกกล่าวเพื่อนบ้านก่อนนำน้องหมาไซส์ยักษ์เข้ามาเลี้ยงภายในบ้าน เพราะการเลี้ยงน้องหมาไซส์ยักษ์จะแตกต่างจากการเลี้ยงน้องหมาพันธุ์เล็กและพันธุ์ใหญ่ทั่วไป เนื่องจากน้องหมาเหล่านี้นอกจากจะมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าน้องหมาปกติแล้ว เรื่องเส้นขน กลิ่นตัวของน้องหมา สิ่งขับถ่าย เช่น อึ ฉี่ ของน้องหมา หรือแม้กระทั่งเสียงเห่าก็ยังมีมากกว่า ซึ่งอาจสร้างความรำคาญหรือไม่พอใจให้กับเพื่อนบ้านได้

     ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจเลี้ยงน้องหมาไซส์ยักษ์ เพื่อน ๆ ก็ควรต้องปรึกษา หรือบอกกล่าวเพื่อนบ้านกันก่อนว่า เราจะนำน้องหมาไซส์ยักษ์เข้ามาเลี้ยงภายในบ้าน โดยอาจจะสร้างข้อตกลงต่าง ๆ และบอกกับเพื่อนบ้านให้ชัดเจนว่า เราจะเลือกตำแหน่ง บริเวณตั้งกรงน้องหมาไว้ในบริเวณที่ไม่อยู่ติดหรือใกล้กับเพื่อนบ้านมากเกินไปเพื่อลดปัญหาเรื่องเสียงเห่าและกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่อาจรบกวนเพื่อนบ้านได้

     ส่วนสำหรับผู้เลี้ยงที่เลี้ยงน้องหมาแบบปล่อย ไม่ขังกรง เพื่อต้องการให้น้องหมาได้วิ่งเล่นปลดปล่อยพลังงานได้ ก็ควรบอกเพื่อนบ้านให้ชัดเจนว่า หากน้องหมาอึ ฉี่ หรือมีขนร่วง เราก็จะจัดการทำความสะอาด เช่น กวาดเก็บขนและอึของน้องหมา ล้างฉี่ที่ไหลไปบริเวณหน้าบ้านทุก ๆ ครั้งเพื่อสุขอนามัยที่ดีของเพื่อนบ้านและคนอื่น ๆ ภายในชุมชน ซึ่งการบอกกล่าว การสร้างข้อตกลงแบบนี้ก็จะสามารถลดการเกิดปัญหาเรื่องน้องหมาระหว่างเพื่อนบ้านได้เป็นอย่างดี และทำให้คนอื่น ๆ มองว่า เราเป็นเจ้าของที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม พร้อมรับมือ แก้ไขกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ค่ะ

 

น้องหมาไซส์ยักษ์มีค่าใช้จ่ายสูง
 

     เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่า เจ้าของที่จะตัดสินใจเลี้ยงน้องหมาไซส์ยักษ์นั้นต้องมีทุนที่ค่อนข้างหน้า เพราะน้องหมาเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายในการดูแลสูง เนื่องจากมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าน้องหมาปกติจึงต้องการการดูแลในทุก ๆ ด้าน ทั้งค่าอาหารที่เจ้าของต้องเลือกสรรอาหารเกรดที่มีคุณภาพสูง เพราะร่างกายของน้องหมาเหล่านี้มีความต้องการแร่ธาตุและสารอาหารจำเป็นต่าง ๆ ในปริมาณที่สูงกว่าน้องหมาสายพันธุ์เล็กหรือสายพันธุ์ใหญ่ธรรมดา ซึ่งอาหารที่ได้รับความนิยมจะเป็นอาหารเกรดพรีเมียม เกรดซูเปอร์พรีเมียม อาหารสุนัขเกรดโฮลิสติก ไปจนถึงอาหารสุนัขเกรดอัลตรา โฮลิสติก หรือออร์แกนิค โดยค่าอาหารต่อเดือนของน้องหมาพันธุ์ใหญ่ยักษ์นี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3,000-5,000 บาท/ตัว/เดือน ซึ่งยังไม่รวมค่าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงขน บำรุงกระดูกต่าง ๆ ที่มีราคาที่แตกต่างกันไปค่ะ

     นอกจากนี้ยังต้องมีค่าใช้จ่ายเรื่องการกรูมมิ่ง ดูแลขน เพราะน้องหมาพันธุ์ใหญ่ยักษ์ส่วนมากจะมีขนสองชั้นที่หนาและยาว จึงต้องใช้เวลาในการอาบน้ำ เป่าขนนานหลายชั่วโมงถึงจะแห้งสนิท ซึ่งราคาเริ่มต้นของการอาบน้ำน้องหมาไซส์ใหญ่ยักษ์นี้จะเริ่มต้นต่อครั้งที่ประมาณ 1,200 บาทขึ้นไป

     รวมถึงเจ้าของยังต้องเจอค่าวัคซีน ค่ายา ค่ารักษา ในยามที่น้องหมาเจ็บป่วยอีกด้วย สำหรับค่าฉีดวัคซีนในน้องหมาพันธุ์เล็ก กลาง ใหญ่ และน้องหมาไซส์ใหญ่ยักษ์จะมีค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนที่เท่ากัน โดยในปีแรกค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนอาจจะมากหน่อยเพราะน้องหมาต้องฉีดวัคซีน กระตุ้นซ้ำหลายเข็ม แต่ปีถัด ๆ ไปก็จะน้อยลง แต่สำหรับค่ายา ค่าผ่าตัด และค่ารักษายามเจ็บป่วยอื่น ๆ ของน้องหมาไซส์ใหญ่ยักษ์จะมีราคาที่สูงกว่าน้องหมาพันธุ์เล็ก และน้องหมาพันธุ์ใหญ่มาก เนื่องจากราคาค่ายา ค่ารักษาจะคิดตามน้ำหนักตัวของน้องหมาแต่ละตัวไปค่ะ อ่านเพิ่มเติมบทความ เจาะลึก 5 ค่าใช้จ่ายของน้องหมาไซส์ใหญ่ยักษ์ !

 

หมาไซส์ยักษต้องการเวลาจากเจ้าของ

     สำหรับการเลี้ยงน้องหมาไซส์ยักษ์ เจ้าของจำเป็นจะต้องมีเวลาดูแลน้องหมาทุก ๆ วัน โดยควรมีเวลามาดูแลให้ความรัก สัมผัสตัวน้องหมาให้น้องหมารู้สึกว่า เรารักเค้า เพราะถึงแม้ว่า น้องหมาจะตัวใหญ่ ดูเข้มแข็ง แต่จริง ๆ แล้วน้องหมาไซส์ยักษ์ก็ต้องการความรักไม่ต่างจากน้องหมาทั่ว ๆ ไป โดยหลัก ๆ เจ้าของควรจะต้องแบ่งเวลาในการดูแลน้องหมา 2 ส่วน คือ

    1.มีเวลาพาน้องหมาไซส์ยักษ์ออกกำลังกาย
 

     โดยเจ้าของจะต้องมีเวลาพาน้องหมาออกกำลังกายทุกวันอย่างน้อย ๆ สักครึ่งชั่วโมงถึง 1 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งการออกกำลังกายที่ดีที่สุดสำหรับน้องหมาที่มีรูปร่าง โครงสร้างที่ใหญ่แบบนี้คือ การว่ายน้ำ หรือวิ่งพบพื้นหญ้าที่มีความอ่อนนุ่ม ซึ่งจะช่วยลดการกระทบกระแทกของข้อต่อและกระดูก และยังช่วยสร้างกล้ามเนื้อ ช่วยกระตุ้นระบบการย่อยอาหาร การขับถ่ายให้เป็นปกติ ทำให้น้องหมามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้นอีกด้วย และนอกจากนี้ก็ต้องหมั่นฝึกทักษะ คำสั่งต่าง ๆ ให้น้องหมารู้จักระเบียบวินัย เพื่อพัฒนาสมอง ป้องกันโรคอัลไซเมอร์เมื่อน้องหมาเริ่มแก่ตัวขึ้นค่ะ

      2.มีเวลาดูแลร่างกายน้องหมาไซส์ยักษ์
 

     ถึงแม้ว่า เจ้าของหลาย ๆ คนจะเลือกพาน้องหมาไซส์ยักษ์ไปใช้บริการกรูมมิ่งดูแลขนที่ร้านกรูมมิ่ง แต่เจ้าของก็ควรที่จะต้องตรวจเช็กสภาพร่างกายภายนอกส่วนต่าง ๆ ของน้องหมาอยู่เสมอ โดยวิธีที่ง่ายที่สุดคือ การจับน้องหมานอนตะแคงแล้วตรวจดูสภาพผิวหนังและเส้นขนของน้องหมา ว่า มีบาดแผลหรือความผิดปกติส่วนไหนหรือไม่ และควรดูแลตัดเล็บน้องหมาเป็นประจำ แปรงขนน้องหมาทุกวันเพื่อสางสิ่งสกปรกต่าง ๆ ออกไป ใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดปากเช็ดหน้าเพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงแปรงฟันน้องหมาไซส์ยักษ์ทุกวันเพื่อลดการสะสมของแบคทีเรียและคราบหินปูนที่จะส่งผลให้น้องหมามีปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันได้ในอนาคตค่ะ

     การมีเวลาให้กับน้องหมาถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าหากเจ้าของไม่แบ่งเวลามาให้ความรัก ดูแลใส่ใจน้องหมา ก็อาจทำให้น้องหมาเครียด กัดแทะทำลายข้าวของภายในบ้านเนื่องจากไม่ได้ปลดปล่อยพลังงานออกมาได้ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ก็คงไม่ต่างอะไรจากการถูกยักษ์บุกบ้านเลยค่ะ เพราะน้องหมาเหล่านี้ต่างก็มีขนาดตัวที่ใหญ่อยู่แล้ว เวลากัดแทะอะไรข้าวของก็จะพังได้ง่ายกว่าการถูกน้องหมาพันธุ์เล็ก หรือพันธุ์ใหญ่ปกติ ทางทีดีแล้วผู้เลี้ยงจึงต้องแบ่งเวลาพาน้องหมาเหล่านี้ไปทำกิจกรรมนอกบ้าน หรือผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาก็อาจจะใช้วิธีให้ของเล่นฝึกทักษะด้านต่าง ๆ ก็สามารถช่วยได้เช่นกันค่ะ
 

      ต้องบอกว่า การที่จะเลี้ยงน้องหมาไซส์ยักษ์เป็นอะไรที่ต้องมีความพร้อมมาก ๆ เลยนะคะ ทั้งความพร้อมทางด้านการเงิน การดูแล และที่สำคัญต้องมีเวลาให้กับน้องหมามากกว่าน้องหมาปกติ รู้อย่างนี้แล้วเพื่อน ๆ ที่กำลังคิดจะเลี้ยงน้องหมาสายพันธุ์ใหญ่ยักษ์ต้องวางแผนและตัดสินใจดี ๆ กันก่อนนะคะ เพราะน้องหมาเหล่านี้ไม่ได้อยู่กับเราเพียงแค่ไม่กี่เดือน แต่หมายถึงว่า เราจะต้องพร้อมที่จะดูแลเขาไปตลอดทั้งชีวิตค่ะ ...

บทความโดย: Dogilike.com
http://www.dogilike.com/


ภาพประกอบจาก :

https://www.pinterest.com/explore/big-dog-house/
http://www.unleashedcreationspetspa.com/news.html
https://www.pinterest.com/pin/435512226438920687/
https://www.thedodo.com/enormous-dogs-big-babies-1049558639.html