ในช่วงพักหลัง ๆ มานี้ จะเห็นได้ว่า ทั่วโลกเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการเลี้ยงน้องหมาแบบไม่ฝืนสัญชาตญาณธรรมชาติของสุนัขและใส่ใจสุขภาพของน้องหมาอย่างแท้จริงกันมากขึ้น เนื่องจากรูปแบบการเลี้ยงน้องหมาที่ปัจจุบันเจ้าของยุคใหม่มักจะเลี้ยงน้องหมาเหมือนลูก เช่น ให้น้องหมานั่งบนรถเข็น ให้น้องหมาใส่รองเท้า ฯลฯ ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของน้องหมา และยังทำให้สัญชาตญาณธรรมชาติของน้องหมาค่อย ๆ หายไป

        อย่างล่าสุด ประเทศนอร์เวย์ซึ่งเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก และประชากรมีคุณภาพชีวิตดีที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ก็ได้ให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพของสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสุนัขมากขึ้นพอ ๆ กับสวัสดิภาพความเป็นอยู่ของประชากรในประเทศ โดย Norwegian Kennel Club (NKK) บอกว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ประชากรในประเทศนอร์เวย์นิยมเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว ส่งผลให้ธุรกิจสัตว์เลี้ยงทั้งบริการและสินค้าสำหรับสุนัขเกิดขึ้นมากมายเพื่อตอบโจทย์เจ้าของสุนัขยุคใหม่

     ซึ่งทางรัฐบาลประเทศนอร์เวย์เห็นว่า การให้สุนัขใส่เสื้อผ้า ให้สุนัขนั่งในรถเข็น จับสุนัขใส่รองเท้า ฯลฯ เหล่านี้เป็นค่านิยมการเลี้ยงที่ฝืนความเป็นอยู่ตามธรรมชาติของสุนัข จึงได้มีการรณรงค์และขอความร่วมมือจากประชาชน เจ้าของสุนัขทั่วประเทศ ให้หันกลับมาเลี้ยงสุนัขตามแบบธรรมชาติคือ รณรงค์ไม่สวมเสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า หรือจับสุนัขใส่รถเข็น เพื่อให้สุนัขรู้สึกเป็นอิสระและเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด
 

     รวมถึงเมื่อไม่นานมานี้ ทางรัฐบาลของประเทศนอร์เวย์เองก็ยังจัดตั้งหน่วยงาน และมีเจ้าหน้าที่ที่คอยทำหน้าที่ให้ความคุ้มครองกับสุนัขโดยเฉพาะ และยังมีกฏหมายว่า สุนัขทุกตัวจะต้องฝังไมโครชิป ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทุกปี และเจ้าของสุนัขจะต้องพาสุนัขเดินเล่นออกกำลังกาย 3 ครั้ง/วัน เพื่อให้สุนัขได้ออกมาเปิดหูเปิดตา ไม่ต้องอุดอู้อยู่แต่ภายในบ้านอีกด้วยค่ะ
 

     ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เรามาสำรวจตัวเองกันดีกว่าค่ะว่า ตอนนี้เราเลี้ยงน้องหมาแบบฝืนสัญชาติญาณธรรมชาติของน้องหมาโดยไม่รู้ตัวกันอยู่หรือเปล่า รวมถึงเรียนรู้ข้อดีและข้อเสียของวิธีการเลี้ยงน้องหมาที่เป็นที่นิยมในหมู่เจ้าของ เพื่อเราจะได้ประเมินกันว่า ควรจะเลี้ยงน้องหมาในรูปแบบไหนเพื่อสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ดีของน้องหมากันค่ะ ซึ่งหลัก ๆ แล้วจะมีอยู่ 3 ข้อดังนี้

ให้น้องหมานั่งรถเข็น ใส่กระเป๋าหรือเป้อุ้ม
 

ข้อดี

   การให้น้องหมานั่งรถเข็น ใส่กระเป๋า เป้อุ้มสุนัขจะนิยมใช้กับน้องหมาพันธุ์เล็กอย่าง ชิวาวา ยอร์คเชียร์เทอเรีย ปอมเมอเรเนียน ฯลฯ ซึ่งการให้น้องหมานั่งบนรถเข็น ใส่กระเป๋าหรือเป้อุ้มสุนัขจะมีประโยชน์อย่างมากเมื่อเจ้าของจำเป็นต้องพาน้องหมาไปเดินงานแฟร์สัตว์เลี้ยง หรือสถานที่ ๆ มีน้องหมาหลากหลายสายพันธุ์จำนวนมาก ข้อดีคือ จะช่วยลดการเผชิญหน้า ลดปัญหาน้องหมากัดกัน และสามารถควบคุมน้องหมาให้อยู่ในสายตาของเจ้าของได้ตลอดเวลา

ข้อด้อย

     สำหรับการให้น้องหมานั่งบนรถเข็น ใส่กระเป๋าหรือเป้อุ้มสุนัขในอีกมุมหนึ่ง ก็ถือเป็นการฝืนธรรมชาติของน้องหมาอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะโดยปกติแล้วน้องหมาเป็นสัตว์ที่ต้องดำรงชีวิตด้วยการเดิน วิ่งสำรวจพื้นที่ ล่าเหยื่อ และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว การให้น้องหมานั่งบนรถเข็น ใส่เป้อุ้มจึงเป็นเหมือนการปิดกั้นน้องหมาที่จะได้เดินสำรวจเรียนรู้ธรรมชาติดมกลิ่น เดินสำรวจบนพื้นและสิ่งต่าง ๆ รอบตัวไป และการให้น้องหมาอยู่บนรถเข็น ใส่กระเป๋า หรือเป้อุ้มสุนัขบ่อยครั้งก็ยังส่งผลในระยะยาวต่อสุขภาพน้องหมา เพราะเวลาน้องหมาอยู่บนรถเข็นที่ถูกเจ้าของเข็นไปมา หรือให้น้องหมาอยู่ในกระเป๋า จะทำให้กระดูกและข้อต่อของน้องหมาได้รับบาดเจ็บเพราะต้องฝืนยืนทรงตัวตลอดเวลา ส่งผลให้เป็นโรคสะบ้าเคลื่อน ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด เดินกระเผลก รวมถึงการให้น้องหมาอยู่ในเป้อุ้มสุนัขก็ยังรัดและรั้งอวัยวะส่วนต่าง ๆ มีผลต่อข้อสะโพก ทำให้น้องหมาขาแบะได้อีกด้วยค่ะ
 

ให้น้องหมาใส่รองเท้า
 

ข้อดี

     สำหรับการให้น้องหมาใส่รองเท้า เรียกได้ว่า ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงกันในหมู่คนรักน้องหมาจำนวนมากว่า จำเป็นต้องใส่รองเท้าให้น้องหมาหรือไม่และการใส่รองเท้าให้น้องหมาจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของน้องหมาหรือเปล่า? ซึ่งต้องขออธิบายก่อนเลยค่ะว่า อุ้งเท้าของน้องหมาเป็นอวัยวะสำคัญอย่างยิ่งในชีวิตประจําวันเพราะน้องหมาใช้เป็นเครื่องป้องกันตัวเอง ใช้ล่าสัตว์ ใช้เคลื่อนไหวและใช้ในการสื่อสาร โดยอุ้งเท้าส่วนบนของน้องหมาจะเต็มไปด้วยปลายประสาทจำนวนมาก ทำให้ไวต่อความรู้สึก การสัมผัส เราสามารถสังเกตได้จากน้องหมาส่วนมากมักจะหวงอุ้งเท้าของตัวเองค่ะ

     ซึ่งการให้น้องหมาใส่รองเท้านั้นมีข้อดีคือ รองเท้าสำหรับน้องหมาจะช่วยเรื่องความสะอาด ลดความเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อโรค สารเคมีที่เป็นอันตรายตามสิ่งแวดล้อม ช่วยไม่ให้น้องหมาสัมผัสความร้อนจากพื้นที่จะทำให้อุ้งเท้าของน้องหมาพุพองได้ รวมถึงช่วยให้อุ้งเท้าของน้องหมาอบอุ่นและป้องกันหิมะกัดได้ค่ะ  

ข้อด้อย

         แต่สำหรับข้อด้อยของการให้น้องหมาใส่รองเท้าก็มีค่ะ คือ ทำให้น้องหมาเกิดความเครียดเพราะต้องก้าวเดินแบบผิดธรรมชาติ ทำให้น้องหมาพลาดประเมินอันตรายจากการสัมผัสสิ่งแวดล้อมรอบตัวและพลาดการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว และหากใส่รองเท้าให้น้องหมาในช่วงอากาศร้อนและต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะทำให้เท้าของน้องหมา ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญที่ใช้ระบายความร้อนของร่างกาย ทำหน้าที่ระบายความร้อนได้ไม่ดีและอาจส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น รบกวนระบบภายในต่าง ๆ เสี่ยงเป็นฮีทสโตรกจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ค่ะ

     แต่ถ้าหากผู้เลี้ยงต้องการให้น้องหมาใส่รองเท้าจริง ๆ ก็ควรประเมินก่อนว่า สภาพอากาศในวันนั้นร้อนเกินไปสำหรับการใส่รองเท้าหรือไม่และไม่ควรใส่ต่อเนื่องเป็นเวลานาน แต่ควรให้น้องหมาใส่รองเท้าเฉพาะเวลาที่จำเป็นเท่านั้น เช่น น้องหมาต้องเดินในสถานที่ที่สกปรก พื้นเปื้อน ฝนตก ฯลฯ และควรเลือกซื้อรองเท้าที่ได้มาตราฐานการผลิต ใช้วัสดุที่สามารถระบายความร้อนได้ดี ไม่อับ มีพื้นยาง ปุ่มกันลื่นเพื่อการยึกเกาะที่ดี ส่วนในน้องหมาสายพันธุ์ใหญ่ ผู้เลี้ยงก็จำเป็นต้องดูแลน้องหมาเมื่อต้องใส่รองเท้าเป็นพิเศษ เพราะน้องหมาสายพันธุ์ใหญ่จะมีน้ำหนักตัวมาก การใส่รองรองเท้า อาจจะทำให้น้องหมาเคลื่อนไหวได้ไม่ถนัด และสามารถเกิดอุบัติเหตุวิ่งแล้วลื่นล้ม ส่งผลกระทบต่อกระดูกและสะโพกได้ค่ะ
 

ให้น้องหมาใส่เสื้อผ้า
 

ข้อดี

     เจ้าของน้องหมายุคปัจจุบันนิยมหาเสื้อผ้ามาสวมใส่ให้กับน้องหมาเพื่อความสวยงาม และเป็นการสร้างคุณค่าให้น้องหมาดูน่ารักและเป็นที่ชื่นชอบแก่ผู้พบเห็น ซึ่งการใส่เสื้อผ้าให้น้องหมานั้นมีข้อดีคือ เสื้อผ้าสำหรับน้องหมาจะช่วยความอบอุ่นในน้องหมาสายพันธุ์เล็ก หรือน้องหมาสายพันธุ์ไร้ขน อย่างพันธุ์ไชนีส เครสเต็ด ช่วยเรื่องปกป้องผิวหนังและเส้นขนไม่ให้เปรอะเปื้อนในน้องหมาที่มีนิสัยซุกซน และช่วยเรื่องสุขภาพอนามัยที่ดีในน้องหมาที่เจ็บป่วยหรือมีบาดแผลตามลำตัว การใส่เสื้อผ้าก็จะช่วยป้องกันไม่ให้น้องหมาเลียแผล ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้นั่นเองค่ะ  

ข้อด้อย

     ตามรายงานของต่างประเทศบอกว่า จริง ๆ แล้วเสื้อผ้าสำหรับน้องหมาถือเป็นสิ่งของไม่จำเป็นสำหรับน้องหมาเลยค่ะ เพราะร่างกายของน้องหมาสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมและอุณหภูมิต่าง ๆ ได้ อย่างในน้องหมาที่เกิดในประเทศที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ น้องหมาเหล่านี้ก็จะสามารถปรับตัวเข้ากับธรรมชาติได้ และสามารถมีชีวิตรอดแม้ไม่ใส่เสื้อผ้าและไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อสุขภาพของน้องหมาอีกด้วยค่ะ เพื่อน ๆ ลองนึกดูง่าย ๆ นะคะว่า ในสมัยก่อน น้องหมาก็ไม่มีเสื้อผ้าใส่แต่เค้าก็ยังอยู่ได้เพราะนั่นเป็นสัญชาตญาณของสัตว์ป่า สามารถอยู่รอดตามธรรมชาติด้วยอุณหภูมิที่หนาวเย็นได้นั่นเองค่ะ และนอกจากนี้ในบางครั้ง การใส่เสื้อผ้า ชุดแฟนซีต่าง ๆ ก็จะทำให้น้องหมารู้สึกอึดอัดและไม่สบายตัว สังเกตได้จากการที่น้องหมาบางตัวพยายามใช้อุ้งเท้าเขี่ย ใช้หน้าหรือเอาตัวไถไปกับพื้นเหมือนพยายามจะถอดเสื้อผ้าที่เจ้าของสวมใส่ให้ออกค่ะ

     แต่ถ้าหากน้องหมามีความจำเป็นที่จะต้องใส่เสื้อผ้าจริง ๆ เช่น น้องหมาป่วย น้องหมาที่มีบาดแผลตามลำตัว ผู้เลี้ยงก็ต้องเลือกเสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้านุ่ม สวมใส่สบาย ไม่ควรเลือกเนื้อผ้าหยาบเพราะจะทำให้เสียดสีกับผิวหนังของน้องหมาได้ รวมถึงจะต้องหมั่นเปลี่ยนเสื้อผ้า ซักให้สะอาดทุกครั้งหลังใส่ ตากแดดให้แห้งเสมอเพื่อไม่ให้เกิดความอับชื้น หมักหมมของเชื้อโรคด้วยนะคะ
 

     สำหรับการเลี้ยงน้องหมาในรูปแบบ Back To The Basic หรือการเลี้ยงน้องหมาแบบธรรมชาติ ไม่ฝืนสัญชาตญาณของสุนัขนั้น อาจจะยังไม่เป็นที่นิยมของบรรดาเจ้าของน้องหมาในเมืองไทย เพราะเจ้าของน้องหมาต่างก็อยากที่จะให้น้องหมาของตัวเองน่ารัก ดูดีและมีคุณค่าในสายตาของคนอื่น ๆ แต่ถึงอย่างไรแล้ว เราก็สามารถทำให้น้องหมาน่ารักได้โดยไม่ต้องปรุงแต่ง เสริมเสื้อผ้า รองเท้า เพียงแค่หมั่นพาน้องหมาไปออกกำลังกายก็จะทำให้น้องหมามีอารมณ์ดี และอาจจะฝึกทักษะ คำสั่งต่าง ๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าให้น้องหมาเสริมเข้าไปด้วย เท่านี้น้องหมาของเพื่อน ๆ ก็จะน่ารักและเป็นที่รักของผู้พบเห็นแล้วล่ะค่ะ


 

บทความโดย: Dogilike.com
http://www.dogilike.com/

ภาพประกอบจาก :

https://www.flickr.com/photos/petsadviser-pix/8108081609

https://www.flickr.com/photos/kyz/3492995047