สด ใหม่ ฉับไว ข่าวหมาทุกเช้า ทุกวัน Dailydog กับปังปอนด์แสนซน ... คนรักน้องหมาที่พร้อมเสิร์ฟข่าวสด ข่าวร้อน อัพเดตกระแสโลกทุกเช้าก่อนใครเลยจ้า ><"

     มีเพื่อนๆ คนไหนชอบดูภาพน้องหมาน่ารักๆ บ้างมั้ยเอ่ย ... ที่ประเทศญี่ปุ่นเขาบอกว่าคนที่ชอบดูภาพน้องหมาน่ารักๆ จะมีสมาธิและฉลาดขึ้น เอ! ยังไงกัน เราไปดูกันค่ะ
 

    ประเทศญี่ปุ่นได้ทำชุดการทดสอบ 3  แบบขึ้นมาเพื่อทดสอบว่าถ้ามนุษย์ดูภาพลูกสุนัข ลูกแมว และเด็กทารกแล้วจะสามารถทำให้มนุษย์มีสมาธิได้มากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ ซึ่งการทดสอบล่าสุดของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า หลังจากกลุ่มอาสาสมัครผู้ทดสอบที่ได้ดูภาพของลูกสุนัขน่ารัก และทารกแล้วจะมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ดีกว่าผู้ที่ไม่ได้ทดสอบถึงร้อยละ 44 ซึ่งหมายความว่าจะทำให้ผู้ที่ดูรูปภาพมีประสิทธิภาพในการทำงานต่างๆ ที่ทำอยู่มีคุณภาพมากขึ้นนั่นเองค่ะ

      โดยการศึกษานี้จัดทำโดยนักวิจัยมหาวิทยาลัยฮิโรชิ ได้ทำแบบทดสอบ 3 แบบ แบบแรกทดสอบกับอาสาสมัครจำนวน 48 คน อายุระหว่าง 18 – 22 ปี ทั้งชายและหญิง โดยให้ดูภาพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพอาหาร  คนแก่ เด็ก สัตว์ แล้วเล่นเกมส์ ซึ่งการทดสอบนี้ผลที่ออกมาปรากฏว่า  อาสาสมัครเล่นเกมส์ได้ดีขึ้นถึงร้อยละ  44  แต่สำหรับผู้ที่ดูรูปภาพสุนัขแก่ และแมวโตเต็มวัยจะมีสมาธิในการเล่นเกมส์ที่ดีขึ้นเพียงร้อยละ 5 เท่านั้น
 

     ในการทดลองที่ 2 ออกแบบเพื่อทดสอบเรื่องการมีสมาธิกับนักเรียน 16 คน โดยให้เด็กนักเรียนดูรูปลูกสุนัข อาหาร เช่น พาสต้า สเต็ก และซูชิ  ซึ่งนักเรียนที่ดูภาพลูกสุนัข และลูกสัตว์ชนิดอื่นๆ มีสมาธิดีขึ้น ในขณะที่นักเรียนที่ดูภาพสัตว์แก่ และอาหารไม่เกิดผลอะไรเลย
 

     ส่วนการทดลองสุดท้าย เป็นเรื่องสมาธิเช่นเดียวกัน โดยการทดลองครั้งนี้ทดลองกับอาสาสมัคร 36 คน แบ่งเป็นชาย 18 คน และหญิง 18 คน โดยให้ตอบสนองกับภาพที่เห็นบนหน้าจอ ด้วยวิธีการให้ดูรูปต่างๆ เช่น ภาพลูกสุนัข  สุนัขแก่ อาหารเรียกน้ำย่อย และผลที่ออกมาคือ ผู้ที่ดูรูปลูกสุนัข หรือลูกสัตว์ มีสมาธิมากกว่าผู้ที่ดูสัตว์แก่ หรืออาหาร

     การทดสอบทั้งหมดได้ผลสรุปว่า การทดสอบจะช่วยเรื่องของการกระตุ้นความจำ ส่งผลต่อการรับรู้บริบทในภาพกว้าง ส่งผลให้มีสมาธิ ทำให้ฉลาดขึ้นนั่นเอง
 

     แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะ คิดว่าการดูภาพน้องหมาเด็กน่ารักๆ ลูกแมวน่ารักๆ แล้วจะช่วยให้เรามีสมาธิ และฉลาดขึ้นจริงหรือเปล่าเอ่ย ... ยังไงเพื่อนๆ ก็ลองทดสอบดูแล้วมาแชร์กันได้นะคะ
 

บทความโดย: Dogilike.com
 
ที่มา:
http://www.dogster.com

ภาพประกอบ:
http://www.dogster.com