สด ใหม่ ฉับไว ข่าวหมาทุกเช้า ทุกวัน Dailydog กับปังปอนด์แสนซน ... คนรักน้องหมาที่พร้อมเสิร์ฟข่าวสด ข่าวร้อน เกาะกระแสโลกทุกเช้าก่อนใครเลยจ้า><" 

     อึ้ง ทึ่ง เสียว มาก ๆ ค่ะ สำหรับน้องหมาเช้านี้ เพราะว่าพบน้องหมาถูกทารุณโดนยิงด้วยปืนบีบีกัน ซึ่งเอ็กซเรย์พบกระสุนกว่า 100 นัด เลยค่ะ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร แล้วน้องหมาจะมีชีวิตรอดหรือเปล่า เราไปติดตามกันค่ะ ...
 

     สัตวแพทย์ของศูนย์พักพิงสัตว์ลินคอล์น ประเทศสหรัฐอเมริกา ต่างตกใจกับภาพเอ็กซเรย์ของ Lady สุนัขสายพันธุ์ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์ สีดำ อายุประมาณ 1 ปี ที่พลเมืองดีพบและช่วยชีวิตนำตัวส่งศูนย์พักพิงสัตว์ โดยภาพเอ็กซเรย์เผยให้เห็นกระสุนปืนบีบีกันจำนวนกว่า 100 นัด กระจายอยู่ทั่วร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณศีรษะที่มีกระสุนรวม ๆ แล้วมากกว่า 50 นัด ...
 

 
     “เราแน่ใจว่ากระสุนในร่างกายของ Lady ไม่ได้มีเพียง 1-2 นัด เราจึงตัดสินใจเอ็กซเรย์ดู และเราก็ต้องตกใจเมื่อพบกระสุน 80-100 นัด ฝังอยู่ในร่างกายของมัน ทั้งใบหน้า หลัง และขา แต่มันโชคดีที่กระสุนไม่ได้โดนอวัยวะสำคัญอย่างดวงตา และอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องเอากระสุนออก หากร่างกายของมันไม่ได้รับผลกระทบ แต่ถ้าหากเกิดการติดเชื้อที่ผิวหนัง ทางทีมสัตวแพทย์ก็อาจจะต้องผ่าตัดเอากระสุนทั้งหมดออก”  Dr. Dean Domeyer

     “มันเป็นสุนัขที่มีสุขภาพดีมาก แต่ถึงอย่างไร เราก็จะต้องตรวจดูอาการของมันเป็นระยะ ๆ แม้ว่าในตอนนี้ Lady จะได้รับการอุปถัมภ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังต้องพามันเข้าตรวจร่างกายเพื่อสุขภาพของมันในอนาคต”
 

 
     “มันเป็นสุนัขที่โชคดีมาก มันเหลือเชื่อที่กระสุนไม่โดนอวัยวะสำคัญ ๆ ต่อไปนี้มันจะมีชีวิตที่มีความสุขอย่างแน่นอน ในเวลาเพียงหนึ่งวัน มันก็เดินตามผมแล้ว มันเป็นเพียงสุนัขที่ต้องการความรัก และผมก็รักมัน” Peter Blanton เจ้าของใหม่ผู้รับอุปถัมภ์ Lady

     ส่วนทางด้านตำรวจก็กำลังเร่งติดตามหาเบาะแสคนร้ายที่กระทำความผิดมาดำเนินคดีในข้อหาทารุณสัตว์ต่อไป

 
 
     โอ้โห! กระสุนบีบีกันฝังอยู่เต็มตัวเจ้า Lady เลยนะคะ โชคดีมาก ๆ ที่กระสุนไม่โดนอวัยวะสำคัญ หลังจากนี้ก็ต้องติดตามดูอาการของมันต่อไปเพราะถ้าเกิดการอักเสบหรือติดเชื้อก็ต้องผ่าเอากระสุนทั้งหมดออก และยังไงก็ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายที่ลงมือยิงเจ้า Lady มาดำเนินคดีได้ไว ๆ นะคะ

บทความโดย: Dogilike.com

 
ที่มา:
http://www.dailymail.co.uk

ภาพประกอบ:
http://www.dailymail.co.uk