สำหรับคนรักสุนัขแล้ว เรื่องของสุขภาพของสุนัขเป็นสิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญมาเป็นอันดับแรก ผู้เลี้ยงสุนัขส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับการเลือกซื้ออาหารที่เหมาะสำหรับสุนัขที่ตนเองเลี้ยง และนอกเหนือจากอาหารที่เหมาะสำหรับสุนัขแล้ว ผู้เลี้ยงเองก็ยังมองหาอาหารเสริม หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่จะช่วยดูแลสุขภาพของสุนัขให้แข็งแรงและห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ

     ... และเพื่อเป็นการเอาใจคนรัก(สุขภาพ)สุนัข วันนี้ Dogilike Review ก็มีข้อมูลเกี่ยวกับ "น้ำมันปลาแซลมอน" ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของสุนัขที่เพื่อนๆ รักมาฝากค่ะ ไปดูกันเลย

     "น้ำมันปลาแซลมอน" (Salmon Oil) ฟังจากชื่อก็คงพอจะทราบกันแล้วนะคะว่า ได้มากจากปลาแซลมอนแน่ๆ ... ใช่แล้วล่ะค่ะ น้ำมันปลาแซลมอน เป็นอาหารเสริมที่สกัดมาจากเนื้อปลาแซลมอน ซึ่งอุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็นต่อร่างกายทั้งโอเมก้า 3 (EPA , DHA) ซึ่งจะมีปริมาณสูงในปลาที่อยู่ในเขตน้ำเย็นเท่านั้น

     - กรดดีโคซาเฮกซาอีโนอิก หรือ DHA ( Decoxahexaenoic Acid ) เป็นกรดไขมันชนิดที่เป็นสารที่ร่างกายสุนัขไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จะพบมากจากอาหารที่บริโภคคือจากปลาทะเล

     - กรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก หรือ EPA ( Eicosapentaenoic Acid ) เป็นกรดไขมันที่มีคุณสมบัติลดการสร้างลิโปโปรตีนในตับและลดปริมาณของคอเลสเตอรอลในกระแสโลหิต จึงป้องกันการเกิดโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ นอกจากนี้ผลของการศึกษาพบว่าปลาต่างๆ ทั้งปลาทะเลและปลาน้ำจืดมีองค์ประกอบของ EPA สูง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของไขมัน 0.15-10 เมื่อเปรียบเทียบการวิเคราะห์หาปริมาณของอีพีเอในอาหารหมู่เดียวกัน

 

ความพิเศษของน้ำมันปลาแซลมอน

     หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่า น้ำมันปลาแซลมอนซึ่งเป็นปลาทะเลน้ำลึก พิเศษกว่าน้ำมันปลาปกติทั่วไปยังไง ... สำหรับความพิเศษของน้ำมันปลาแซลมอน จะอยู่ที่ปลาแซลมอนนั้นเป็นปลาที่ให้สารอาหารสูง แต่มีไขมันต่ำ และมีปริมาณของโอเมก้ามากกว่าในปลาทั่วไปถึง 4.7% นอกจากนี้ในน้ำมันปลาที่สกัดมาจากปลาแซลมอนนั้น ยังมีเบต้าแครอทีน ซึ่งจะช่วยบำรุงผิวหนังและขนของสุนัขให้เงางามแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย และยังช่วยรักษาอาการอักเสบของผิวหนังในกรณีที่สุนัขเป็นโรคผิวหนังอีกด้วยล่ะค่ะ


 

ประโยชน์ที่จะได้รับจากน้ำมันปลาแซลมอน

     กรดไขมันโอเมก้า 3 (EPA , DHA) ในน้ำมันปลาแซลมอนจะช่วยบำรุงหล่อลื่นสุขภาพของผิวหนัง และขนของสุนัขให้เงางาม แข็งแรง ไม่ร่วงง่าย ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของฟันและเล็บ การทำงานของระบบหัวใจ มีสายตาที่ดี และช่วยเสริมการพัฒนาของสมองโดยเฉพาะในลูกสุนัขซึ่งได้จากกรด DHA

     นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องการทำงานของระบบข้อต่อต่างๆ และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานที่เหมาะสมที่สุดสำหรับร่างการของสุนัขซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงสำหรับโรคที่ก่อให้เกิดการอักเสบของผิวหนังและอาการคัน นอกจากนี้น้ำมันปลาแซลมอนยังช่วยเพิ่มรสชาติให้แก่อาหารประจำวันของสุนัขให้มีความน่ากินมากขึ้นอีกด้วยล่ะค่ะ


 

วิธีให้น้ำมันปลาแซลมอนกับสุนัข

     ให้ผู้เลี้ยงนำน้ำมันปลาแซลมอนราดไปบนอาหารของสุนัข ไม่ว่าจะเป็นอาหารสำเร็จรูปแบบเม็ด อาหารกระป๋อง หรือแม้แต่อาหารปรุงเอง อาหารสดดิบ (BARF) ให้สุนัขกินเป็นประจำ ประมาณ 4 สัปดาห์ โดยผู้เลี้ยงจะสังเกตได้จากขนและผิวหนังของสุนัขที่มีสุขภาพดีขึ้น (จะเห็นได้ชัดมากๆ กับสุนัขที่เป็นโรคผิวหนังค่ะ)

     ส่วนปริมาณการให้น้ำมันแซลมอนกับสุนัขนั้น ถ้าหากเพื่อนๆ ให้อาหารมากกว่า 1 มื้อต่อวัน ให้แบ่งเฉลี่ยไปตามสัดส่วนนี้ค่ะ

น้ำหนัก  1-10 กก.        1 ช้อนชา/วัน
น้ำหนัก  10-20 กก.      2 ช้อนชา/วัน
น้ำหนัก  20-50 กก.      3 ช้อนชา/วัน
น้ำหนัก  50 กก.ขึ้นไป   4 ช้อนชา/วัน

     ในช่วงแรกผู้เลี้ยงอาจจะให้สุนัขกินน้ำมันปลาแซลมอนทุกวัน เป็นเวลา 1 เดือน จากนั้นในเดือนต่อมาก็ลดเหลือวันเว้นวัน และให้สุนัขหยุดกินไปอีกประมาณ 2 เดือน ... จากนั้นค่อยให้เริ่มกินใหม่ค่ะ


 

ผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากที่สุนัขกินน้ำมันปลากแซลมอน

     น้ำมันปลาแซลมอนถือว่าเป็นอาหารเสริมที่ดีสำหรับสุนัข ดังนั้นจึงสามารถใช้ได้ตั้งแต่ลูกสุนัขจนถึงสุนัขสูงอายุ แต่ก็ต้องให้ในปริมาณที่เหมาะสมกับน้ำหนักตัวของสุนัขด้วยนะคะ ส่วนใหญ่แล้วผลข้างเคียงที่พบมากที่สุดที่เกิดจากการให้น้ำมันปลาแซลมอนก็คือ อาจจะมีกลิ่นปลาจากลมหายใจของสุนัขหรือผิวหนังของเขาค่ะ และช่วงแรกที่ผู้เลี้ยงให้สุนัขกินน้ำมันปลาแซลมอนสุนัขอาจจะมีอาการถ่ายเหลวบ้าง ถือว่าเป็นอาการปกตินะคะ หลังจากกินไปเรื่อยๆ ร่างกายของสุนัขก็จะปรับตัวได้และถ่ายเป็นปกติเองล่ะค่ะ



     ... ได้ลองอ่านข้อมูลกันแล้ว น่าสนใจมากๆ เลยใช่ไหมล่ะค่ะ ถ้าเพื่อนๆ สนใจจะให้สุนัขกินน้ำมันปลาแซลมอนล่ะก็ลองปรึกษาสัตวแพทย์เพิ่มเติมถึงปริมาณการให้ที่เหมาะสมกับสุนัขของเพื่อนๆ ก็ได้นะคะ ส่วนใครที่เคยให้น้องหมากินน้ำมันปลาแซลมอนแล้วล่ะก็ลองมาแชร์ประสบการณ์กันดูนะคะว่า หลังจากที่กินแล้วน้องหมาของเพื่อนๆ มีสุขภาพเป็นยังไงกันบ้าง