ถ้าพูดถึง 'คาเฟ่หมา' เชื่อว่าเราก็คงจะคิดถึงภาพของน้องหมาพันธุ์ดี ๆ  หน้าตาน่ารัก ตัวหอม ๆ นั่งอยู่ในคาเฟ่ห้องแอร์เย็น ๆ รอคอยให้คนที่เข้ามาใช้บริการในคาเฟ่มากอดมาหอมมาเล่นด้วย ... คงจะเป็นภาพที่ดูคอนทราสน่าดูที่ภายในคาเฟ่นั้นมีแต่คนเข้าไปกอดไปเล่นกับน้องหมา แต่ด้านนอกคาเฟ่กลับมีน้องหมาจรเนื้อตัวมอมแมม เดินไปทางไหนใคร ๆ ก็ไม่อยากให้อยู่ใกล้ แต่เชื่อเถอะค่ะว่าภาพนี้เกิดขึ้นจริง ๆ

     เพราะในปัจจุบัน 'หมาจร' ถูกมองว่าเป็นปัญหาสังคมที่สร้างความวุ่นวาย ทั้งแพร่โรค ทั้งสร้างความสกปรก แต่ใครจะคิดบ้างค่ะว่าความจริงแล้วต้นตอของปัญหานี้เกิดจาก "การขาดความรับผิดชอบและไร้จิตสำนึก" ของคนเลี้ยงน้องหมาต่างหาก เพราะหมาจรส่วนใหญ่นั้นล้วนเกิดมากจากน้องหมาที่เคยมีบ้านแต่ถูกนำมาปล่อยไว้ เมื่อไม่มีการควบคุมประชากรก็ออกลูกออกหลานกลายเป็นสังคมหมาจรขนาดใหญ่ แน่นอนว่าทำให้มีปัญหาต่าง ๆ ตามมามากมาย และจากปัญหาที่เกิดขึ้น มีเพียงคนกลุ่มเล็ก ๆ ในสังคมเที่เข้าใจถึงต้นตอของปัญหาและพยายามที่จะหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับเหล่าน้องหมาจรทั้งหลาย

     " Wagging Tales Cafe’ " คือคาเฟ่น้องหมาในหัวหินที่มีน้องหมาในคาเฟ่เป็นน้องหมาที่เคยเป็นหมาจรมาก่อน แต่ถูกนำมาเลี้ยงดูแลเอาใจใส่ให้ความรัก จนกลายเป็นน้องหมาที่น่ารักและพร้อมที่จะแบ่งปันความรักความสดใสให้กับทุกคนที่และเวียนเข้ามาใช้บริการ

     วันนี้ Dogilike จะพาทุกคนไปรู้จักกับคาเฟ่น่ารัก ๆ แห่งนี้ผ่านการพูดคุยกับ คุณแป้ง-ผณินทร ประกิจ เจ้าของร้าน Wagging Tales Cafe’ กันค่ะ

 

"จุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิด Wagging Tales Cafe’"

     จุดเริ่มต้นเนื่องมาจาก ทางเรามีโครงการช่วยเหลือน้องหมาน้องแมวจร  Rescue Paws ที่จัดตั้งขึ้นมากับกลุ่มผู้สนับสนุนที่รักสัตว์ด้วยทุนส่วนตัว ส่วนมากจะเป็นชาวต่างชาติที่สนใจมาช่วย มาให้ความสนใจในปัญหาเรื่องหมาแมวจร หรือถ้าเป็นคนไทย ก็จะมีแค่คนในพื้นที่ ที่รู้จักโครงการของเรา แต่ก็น้อยคนมากที่จะได้ไปสัมผัสทำความรู้จักกับปัญหาเรื่องนี้  ก็เลยมีความคิดว่าถ้าเราทำโครงการนี้แล้ว เราจะทำยังไงที่จะให้คนที่เค้าอาจจะมองว่าการช่วยเหลือสุนัขและแมวจรเป็นเรื่องไกลตัว หรือเสียเงินเสียทอง ต้องเสียสละเวลาส่วนตัว หรือแม้แต่รู้สึกว่าไม่รู้จะช่วยเหลืออย่างไร นอกจากการบริจาคเงิน หรือการมาช่วยดูแลในโครงการ เลยนึกถึงว่า หน้าออฟฟิศของบริษัท มีพื้นที่ ที่น่าจะเอามาทำเป็นร้านหรือเป็นที่ ที่คนได้เข้ามาใข้บริการ ซี่งก็นึกถึงร้านกาแฟ ที่ให้คนทั่วไป

 

"อะไรที่ทำให้เกิดไอเดียที่ทำคาเฟ่ที่มีน้องหมาจรเป็นจุดขายคะ"

    เพราะเราทำโครงการ Rescue Paws ช่วยเหลือน้องหมาน้องแมวมานานแล้ว และนอกจากเราจะช่วยเรื่องการรักษา ดูแลสุขภาพฉีดวัคซีนและเรื่องการทำหมันแล้ว เราเน้นเรื่องการให้ความรู้ความเข้าใจในปัญหาของหมาแมวจรที่เกิดจากคนเลี้ยง หรือคนที่อยู่ในชุมชนที่อาจจะไม่ได้เลี้ยงแต่ก็ได้รับผลกระทบจากการมีจำนวนประชากรน้องหมาจรที่มากมาย และเรายังสนับสนุนการรับอุปการะหมาจร (adoption) อีกด้วย

     การที่เราทำร้าน ก็เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นแหล่งที่ประชาสัมพันธ์เรื่องหมาแมวจรแบบที่ไม่รู้สึกว่าบังคับเค้า และอยากให้คนทั่วไปที่อาจอยากเลี้ยงหมาแมว แต่มองข้ามหมาจร หมาพันทาง อาจจะเห็นความน่ารักของหมาจรก็ได้ แต่ถึงแม้ลูกค้าที่อาจจะไม่ได้สนใจเรื่องหมาจร เราก็ต้อนรับ บางคนมาเพราะร้านเราทำบรรยากาศให้สบายๆ ให้คนที่เข้ามารู้สึกสบายใจ อยากมาพักผ่อน เราอยากให้ทุกคนที่เข้ามาในร้านรู้สึกว่าเค้าได้มาจิบกาแฟ มาทานขนม มาคุยกัน แต่เค้าก็จะได้สัมผัสความน่ารักของหมาจร ไปทางอ้อม แต่ปรากฏว่า ลูกค้าหลายๆคนตั้งใจมาเพื่อจะมาเล่นกับน้องหมา มาอุ้มมาจับ บางคนก็มาฝากเงินไปช่วยที่โครงการ

"นอกจากอาหาร ขนม เครื่องดื่มอร่อย ๆ แล้ว คาดหวังว่าคนที่มาที่ Wagging Tales Cafe’จะได้อะไรกลับไปบ้างคะ"

     นอกจากได้ทานอาหารอร่อย ๆ ดื่มกาแฟหอม ๆ หรือเครื่องดื่มที่ทางร้านตั้งใจทำแล้ว ทุกท่านยังได้มีส่วนในการช่วยเหลือน้องหมาน้องแมวจรกับโครงการของเราด้วย เพราะทุกๆออเดอร์ เราได้มอบกำไรที่ได้ ไปช่วยน้องหมาน้องแมวโดยตรง ทั้งการรักษา การทำหมัน อาหารเม็ดและยาต่างๆที่ต้องใช้เพื่อการช่วยเหลือทุกๆเดือน เป็นการช่วยเหลือที่ง่ายและไม่ต้องมีเงินหรือเวลามากมายอีกด้วย และหากลูกค้าท่านไหนอยากไปเยี่ยมน้องหมาน้องแมวจรในโครงการ หรืออยากไปช่วยงานอาสา ทางเราก็ยินดีประสานงานและพาไปเยี่ยมชมได้

     เครื่องดื่มของเรามีหลากหลาย กาแฟของเราก็เลือกเม็ดกาแฟคุณภาพดี และแนะนำให้ลอง ชอคโกแลตโอริโอปั่น หรือจะสั่งบราวนี่ไอศกรีม แพนเค้กชอคโกแลตมูส ก็อร่อยนะคะ  ส่วนอาหารที่ลูกค้า หลายๆท่านชอบสั่ง ก็มี พิซซ่าพันทาง แกงเขียวหวานไก่โรตี สปาเก็ตตี้หมาขี้เมา

 

"กระแสตอบรับจากการเปิดคาเฟ่ตั้งแต่วันที่เปิดจนถึงวันนี้เป็นยังไงบ้างคะ"

     ก็ดีนะคะ อาจจะไม่ได้เป็นที่สนใจตอนแรก ๆ แต่ก็มีคนสนใจ และมาอุดหนุนเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนมากเป็นกลุ่มคนที่รักน้องหมาน้องแมว

"เห็นว่านอกจากจะเปิดคาเฟ่แล้วยังมีโครงการเพื่อน้องหมาจรจัดด้วย อยากให้เล่าถึงโครงการให้ฟังหน่อยค่ะ"

     ตามที่บอกไปว่า เราเริ่มโครงการ Rescue Paws ช่วยน้องหมาน้องแมวจรมาก่อนเริ่มเปิดร้านมากว่าสามปีแล้ว โครงการเราเริ่มจากการตระเวน เอาอาหารไปให้น้องหมาจร และเอาน้องหมาแมวมาฉีดวัคซีน และรักษาหากเจ็บป่วย โครงการเราเริ่มจากมีอาสาสัตวแพทย์มาช่วย บางเคสเราก็ส่งไปรักษาที่ โรงพยาบาลสัตว์ในพื้นที่ จนกระทั่งเริ่มจ้างสัตวแพทย์ประจำ และในที่สุดก็เปิดคลินิกเพื่อเป็นที่รักษาน้องหมา เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการรักษาต้องส่งไปรักษาตาม โรงพยาบาลสัตว์ ขณะนี้โครงการของเรา ได้ปรับเป้าหมายโดยเน้นการทำหมัน การฉีดวัคซีนและการให้ความรู้กับชุมชนเรื่องการดูแลหมาแมวจร เนื่องจากการให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องการเลี้ยงดูสำคัญพอๆกับการช่วยน้องหมาน้องแมว นอกจากนี้เรายังทำการหาเจ้าของหาบ้านใหม่ให้กับน้องหมาน้องแมวอีกด้วย

 

"คิดว่าจริง ๆ แล้วปัญหาน้องหมาจรที่คนมองว่าเป็นปัญหาสังคมอยู่ในทุกวันนี้เกิดจากอะไร และคิดว่า ณ สถานการณ์ปัจจุบันเราทุกคนจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ยังไงบ้างคะ"

     เกิดจากการที่คนส่วนใหญ่มองว่า เป็นเรื่องไกลตัว หรือคิดว่าไม่เกี่ยวกับเรา ยิ่งคนที่ไม่ได้เลี้ยงหมา หรือไม่ชอบหมา แต่น้องหมาน้องแมวที่มีจำนวนมากมายไม่มีเจ้าของดูแล ส่วนใหญ่ก็เริ่มมาจากการที่มนุษย์นำมาเลี้ยงแล้วไม่ได้ดูแลหรือไม่ใส่ใจ จึงเป็นปัญหาของสังคม

     ถ้าในสถานการณ์ปัจุบัน คิดว่า ปัญหาน้องหมาจรนั้น เป็นปัญหาร่วมกันของทุกคนในสังคม นอกจากหน่วยงานรัฐต้องช่วยแล้ว เราพลเมืองก็น่าจะช่วยกันแก้ไข และต้องให้ความยุติธรรมกับน้องหมาน้องแมวด้วย เพราะเค้าก็คงไม่อยากเกิดเป็นหมาแมวไร้เจ้าของไร้บ้านอยู่แล้ว แต่ละคนน่าจะร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือ หากทำคนเดียว อาจจะเป็นภาระที่หนักไป คนในชุมชนน่าจะร่วมมือกัน คิดว่าเราจะทำยังไงให้น้องหมาในเขตพื้นที่แถวบ้านหรือที่พักตัวเองไม่ต้องมีสภาวะที่อันตรายหรือจะแพร่พันธุ์ให้จำนวนน้องหมามากขึ้น ด้วยการช่วยกันเอาไปทำหมัน หรือ อาจจะประสานงานกับทางหน่วยงานรัฐให้มีส่วนช่วย แต่ต้องมีคนที่คิดว่านี่คือปัญหาที่ต้องร่วมกันแก้ไข

 

"คิดว่าเป็นไปได้ไหมที่ประเทศไทยจะ "ไม่มีน้องหมาจร" (มีความคิดเห็นยังไงกับไอเดีย set zero ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้คะ)

     ถามว่าเป็นไปได้มั้ย ต้องขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคนและต้องทำจริงจัง และมุ่งมั่น โดยจำเป็นต้องมีหน่วยงานภาครัฐมาร่วมให้ความช่วยเหลือ พูดง่ายๆว่า ภาครัฐ กับประชาชนในชุมชน ต้องทำงานร่วมกัน  และต้องใช้เวลา และที่สำคัญการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการเลี้ยงน้องหมาน้องแมวกับประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะชาวบ้าน โดยส่วนตัวคิดว่า การใช้วิธี Set Zero เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุด เพราะต่อให้กำจัดน้องหมาจนหมดไม่มีหมาจร ณ วันนี้ แต่ประชาชนคนทั่วไปยังไม่เข้าใจเรื่องการเลี้ยงดูหมาแมว และเรื่องของการเป็นพลเมืองในสังคม เราก็ยังจะมีหมาจรในชุมชนเกิดขึ้นได้อีกอย่างรวดเร็ว

 

"อยากให้ฝากข้อคิดดี ๆ ถึงคนเลี้ยงน้องหมาทุกคนที่ได้อ่านบทสัมภาษณ์นี้ค่ะ"

     ก็อยากฝากว่า ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ทุกคนที่เลี้ยงน้องหมาและรักน้องหมา ช่วยกันแนะนำให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเลี้ยงหมาให้กับชุมชนหรือคนที่รู้จัก ว่าการเลี้ยงหมาที่ถูกต้องและมีความรับผิดชอบควรทำอย่างไร การเลี้ยงน้องหมาไม่ใช่แค่เราเห็นว่าเค้าน่ารักอย่างเดียว เราต้องพร้อมที่จะดูแลเค้าตลอดไปจนกว่าเค้าจะจากเราไป ก่อนเลี้ยง เราต้องดูที่ความพร้อมในระยะยาวทั้งเรื่องสถานที่และเวลา และการดูแลสุขภาพอนามัยของน้องหมา เพราะปัญหาหมาจรที่เกิดขึ้นขณะนี้ เกิดมาจากมนุษย์เราเองที่ยังไม่เข้าใจในเรื่องการดูแลน้องหมาและความรับผิดชอบเบื้องต้นที่พึงมี บางอย่างเป็นการป้องกันที่มีค่าใช้จ่ายอันน้อยนิดเมื่อเทียบกับปัญหาที่ตามมาหากไม่ป้องกัน เช่นการฉีดวัคซีน การทำหมัน เป็นต้น จึงอยากขอให้ทุก ๆ คนที่รักน้องหมามาช่วยกันนะคะ

     ใครที่ผ่านไปเที่ยวแถว ๆ หัวหินก็สามารถแวะเวียนเข้าไปกินอาหาร - ขนมอร่อย ๆ และเล่นกับเหล่าน้องหมาน่ารัก ๆ ได้ที่ Wagging Tales Cafe’นะคะ รับรองว่าไม่เพียงแค่ได้กินของอร่อย ๆ แต่คุณจะได้ความรักจาก(อดีต)น้องหมาจรกลับบ้านไปเต็มกระเป๋าแน่นอนค่ะ ^^

 

บทความโดย : Dogilike.com

http://www.dogilike.com/