|
|
|
 |
|
แม่หมาใช้เวลาตั้งท้องโดยเฉลี่ย 58-63 วัน
นับจากวันที่ถูกผสมครั้งแรก
|
|
|
|
 |
|
แม่หมาที่มีจำนวนลูกมาก จะมีระยะเวลา
ในการตั้งท้องที่สั้นกว่าปกติ
|
|
|
|
 |
|
แม่หมาพันธุ์เล็กจะมีลูกเฉลี่ย 1-4 ตัวต่อคอก
ส่วนพันธุ์ใหญ่จะมีลูกเฉลี่ย 8-12 ตัวต่อคอก
|
|
|
|
 |
|
แม่หมาสามารถคลอดลูกที่มีลักษณะแตกต่าง
กันในคอกเดียวกัน อันเกิดจากพ่อหมาหลายตัว
ที่เข้ามาผสมในช่วงเวลาที่แม่หมาเป็นสัด
|
|
|
|
 |
|
แม่หมาที่ตั้งท้องระยะท้ายๆ มดลูกจะขยายใหญ่
ไปเบียดกระเพาะอาหาร ทำให้กินอาหารได้น้อยลง
จึงแนะนำให้แบ่งกินอาหารมื้อละน้อยๆ วันละ
หลายๆ ครั้ง
|
|
|
|
 |
|
แม่หมาที่ได้รับการเสริมแคลเซียมในช่วงของ
การตั้งท้อง จะทำให้เสี่ยงในการคลอดลูกยาก
และอาจเกิดภาวะไข้น้ำนมภายหลังคลอดได้
|
|
|
|
 |
|
แม่หมาที่กำลังจะคลอด อุณหภูมิของร่างกาย
จะลดต่ำลงกว่า 99 องศาฟาเรนไฮต์
|
|
|
|
 |
|
แม่หมาที่เบ่งคลอดต่อเนื่องกันเกิน 30 นาที
หรือระยะห่างของลูกตัวนี้จากลูกตัวที่แล้วนาน
กว่า 2 ชั่วโมง ถือว่า "คลอดยาก" ต้องรีบ
ช่วยเหลือโดยด่วน
|
|
|
|
 |
|
แม่หมาจะขับรกออกมาหลังจากคลอดลูกได้
5-15 นาที หากไม่มีการขับออกมา อาจเกิด
ภาวะรกค้างได้ ควรพาไปหาคุณหมอ
|
|
|
|
 |
|
แม่หมาพันธุ์เล็กที่มีลูกจำนวนมาก และตั้งท้อง
ครั้งแรก จะมีแนวโน้มเกิดภาวะไข้น้ำนมได้ง่าย
|
|
|
|
 |
|
แม่หมาจะขับน้ำคาวปลา (lochia) ซึ่งเป็น
ของเหลว สีแดงเข้มหรือเขียวคล้ำ ไม่มีกลิ่น
ออกจากช่องคลอด จนกว่ามดลูกจะเข้าอู่อย่าง
สมบูรณ์ประมาณ 4-6 สัปดาห์หลังคลอด
|
|
|
|
 |
|
แม่หมาที่ไม่ยอมรับเลี้ยงลูก ให้ใช้ของเหลว
จากรกป้ายตามตัวลูก เพื่อให้แม่หมาคุ้นเคยกลิ่น
และให้คอยสังเกตดูว่าแม่หมายอมรับลูกหรือไม่
|
|
|
|