เชื่อว่า คนรักสัตว์หลาย ๆ คนที่รักน้องหมาและแมวจะต้องเป็นกังวลเรื่องการเลี้ยงน้องหมาและน้องแมวอยู่ร่วมในบ้านเดียวกัน เพราะน้องหมาและแมวขึ้นชื่อได้ว่า เจอหน้ากันเมื่อไหร่จะต้องเปิดศึกฟ้อนเล็บกันทุกที ซึ่งผู้เลี้ยงหลาย ๆ คนก็ยังคงหาวิธีจัดการในการสงบศึกระหว่างน้องหมาและแมวให้กลับมารักกันและอยู่ในบ้านเดียวกันได้อย่างสงบสุข ...

     เทคนิคการเลี้ยงการดูแล วันนี้ ปังปอนด์ก็เลยจะมาชวนเพื่อน ๆ มาเรียนรู้ลักษณะนิสัยของน้องหมาและน้องแมว รวมถึงวิธีการจัดการเมื่อน้องหมาต้องอยู่ร่วมกับแมวว่า เราจะสามารถจัดการยังไงให้น้องหมาและแมวอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและมีสุขภาพที่ดีกันค่ะ จะมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลย
 

ลักษณะนิสัยโดยทั่วไปของน้องหมา
 

     โดยธรรมชาติแล้ว สุนัขหรือน้องหมาจะเป็นสัตว์ที่มีนิสัยขี้เล่น  ตื่นตัวตลอดเวลา หวงถิ่นที่อยู่ และมักต้องการแสดงอำนาจเหนือกว่าเนื่องจากมีสัญชาตญาณของนักล่าติดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ และน้องหมายังมีดวงตาที่เฉียบคมทำให้สามารถจับความเคลื่อนไหวได้เป็นเป็นอย่างดี เมื่อมีสัตว์ขนาดเล็กชนิดต่าง ๆ ที่วิ่งผ่านไปมาในพื้นที่ที่น้องหมาอาศัยอยู่ น้องหมาก็มักจะวิ่งไล่จับสัตว์ต่าง ๆ เหล่านั้น  

     โดยเฉพาะในน้องหมาเด็กที่เป็นช่วยวัยที่มีความอยากรู้ อยากเห็น จะมีความตื่นตัวและชอบเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว เมื่อน้องหมาเด็กเห็นสัตว์ต่าง ๆ เช่น แมลงหรือแมวก็จะตื่นเต้น อยากเข้าไปเล่นและกระโดดไล่ล่าอยู่เสมอ ซึ่งบางครั้งการที่น้องหมาเด็กวิ่งตรงเข้าไปหาแมวเพื่อชวนเล่น ก็อาจจะทำให้เกิดศึกระหว่างน้องหมาและแมวทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ ซึ่งผู้เลี้ยงเองก็ต้องคอยจัดการดูแลน้องหมาและแมวให้อยู่ในสายตาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายขึ้นค่ะ

     *** สำหรับพฤติกรรมชอบวิ่งไล่สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ หรือสัตว์ต่าง ๆ ในน้องหมานั้น ถือเป็นเรื่องของสัญชาตญาณตามธรรมชาติ ความคึกคะนองมากกว่าการล่าเพื่อเจตนาทำร้าย หรือ เพื่อกินเป็นอาหารค่ะ  
 

ลักษณะนิสัยโดยทั่วไปของแมว
 

     ส่วนสำหรับลักษณะนิสัยของแมวซึ่งเป็นสัตว์ที่มีขนาดตัวที่เล็กกว่าน้องหมานั้น ขึ้นชื่อว่าเป็น สัตว์ที่มีโลกส่วนตัวสูง มีการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับแมวด้วยกันเอง หรือสัตว์ตัวอื่น ๆ น้อยมาก ยกเว้นในช่วงฤดูผสมพันธุ์และช่วงเลี้ยงลูก  แมวมักสร้างอาณาเขตส่วนตัวที่ตนเองสามารถคบคุมพื้นที่ได้ ชอบอยู่ลำพัง ชอบอยู่นิ่ง ๆ  แต่ถ้าหากมีแมลงหรือสัตว์ที่ขนาดเล็กกว่าเข้ามาใกล้ ๆ แมวก็มักจะให้ความสนใจและตะปบเล่น ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นสัญชาตญาณโดยธรรมชาติที่ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษซึ่งก็คือ แมวป่า

      แต่ถ้าหากแมวได้เจอกับสัตว์ที่มีขนาดตัวใหญ่กว่าที่พยายามจะวิ่งเข้าหาหรือมุ่งตรงมาที่แมวซึ่งทำให้กำลังรู้สึกว่า ตัวเองกำลังตกเป็นเหยื่อและอยู่ในอันตราย แมวก็จะวิ่งหนีและโจมตีเพื่อเอาตัวรอดเมื่อเกิดสถานการณ์บีบบังคับค่ะ

     ดังนั้น ที่หลาย ๆ คนมักเข้าใจและคิดว่า น้องหมาและแมวเป็นศัตรูกันนั้นจริง ๆ แล้วไม่เป็นความจริงเลยค่ะ เพียงแค่สัตว์ทั้งสองสายพันธุ์นี้มีลักษณะนิสัยและรูปแบบการใช้ชีวิตที่ต่างกันเพียงเท่านั้นเอง ซึ่งผู้เลี้ยงก็สามารถเลี้ยงดูน้องหมาและแมวร่วมกันได้หากได้รับการฝึกที่เหมาะสม น้องหมากับน้องแมวก็สามารถปรับตัวเข้าหากันและอยู่อย่างสงบสุขได้ค่ะ
 

     เมื่อเรารู้ลักษณะนิสัยโดยทั่วไปของน้องหมาและแมวกันแล้ว ทีนี้เราก็มาดูวิธีการจัดการให้น้องหมาสามารถอยู่ร่วมกับน้องหมาได้อย่างสงบสุขกันค่ะ โดยเพื่อน ๆ สามารถจัดการได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้ค่ะ ...

สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างน้องหมาและแมว

     เมื่อน้องหมาและแมวต้องอยู่ในบ้านเดียวกัน การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างน้องหมาและแมว ถือเป็นที่สำคัญสิ่งแรกที่ผู้เลี้ยงควรให้ความใส่ใจเลยค่ะ เพราะการเริ่มต้นช่วยสานความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างน้องหมาและแมว จะช่วยทำให้น้องหมาและแมวสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสุขสงบและปราศจากปัญหาความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นในบ้านของผู้เลี้ยงได้

     โดยการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างน้องหมาและแมวให้สามารถอยู่ร่วมบ้านเดียวกันได้อย่างสงบสุขนั้น ผู้เลี้ยงสามารถทำได้และต้องบอกว่าไม่ยากเลยจริง ๆ ค่ะ โดยเราจะสามารถช่วยเริ่มต้นสานความสัมพันธ์ให้น้องหมาและแมวได้ โดยแบ่งเป็น 4 กรณี ดังนี้ค่ะ

1.ลูกสุนัขกับลูกแมว

 

     หากผู้เลี้ยงรับลูกสุนัขและลูกแมวเข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัวพร้อม ๆ กันหรือในเวลาไล่เลี่ยกัน ผู้เลี้ยงจะสามารถเลี้ยงและควบคุมลูกสุนัขและแมวให้อยู่ร่วมกันได้เป็นอย่างดีเพราะลูกสุนัขและลูกแมวจะใช้เวลาในช่วงวัยเด็กเรียนรู้ระหว่างกัน มีความใกล้ชิดและไม่มองเห็นอีกฝ่ายเป็นศัตรูแต่จะมองเห็นว่าเป็นเพื่อนที่สามารถอยู่ด้วยกันได้และไม่เป็นอันตราย จึงทำให้น้องหมาและแมวเติบโตขึ้นด้วยกันอย่างไรปัญหาในอนาคตค่ะ

2.ลูกสุนัขกับแมวโตเต็มวัย
 

 
     สำหรับครอบครัวที่เลี้ยงแมวอยู่ก่อนแล้ว แต่รับลูกสุนัขเข้ามาในบ้านทีหลังก็ต้องขอบอกว่า ทั้งคู่นั้นจะสามารถปรับตัวเข้ากันได้อย่างแน่นอนค่ะ เพียงแต่ในระยะแรกผู้เลี้ยงจะต้องคอยควบคุมลูกสุนัขที่เป็นวัยที่มีความอยากรู้อยากเห็นไม่ให้กระโจน หรือกระโดดใส่แมว ซึ่งจะสร้างความรำคาญและอาจเกิดปัญหาระหว่างกันได้

     จากนั้นจึงค่อย ๆ ให้แมวเรียนรู้และยอมรักลูกสุนัขโดยการอุ้มลูกสุนัขมาทำความรู้จักกับแมว โดยในช่วงแรกอาจจะเว้นระยะห่างระหว่างแมวและลูกสุนัข เช่น ให้อยู่ในห้องเดียวกันเพื่อให้ทั้งคู่รับรู้ว่า การอยู่ร่วมกันไม่ได้เป็นอันตราย จากนั้นจึงค่อย ๆ ลดระยะห่างให้ใกล้เข้ามาเพื่อทั้งคู่ได้เรียนรู้กัน ซึ่งสุดท้ายแล้วแมวก็จะสามารถยอมรับและอยู่ร่วมกับลูกสุนัขได้ค่ะ

     สำหรับในแมวบางตัวที่อาศัยอยู่ในครอบครัวก่อนและมีลูกสุนัขเข้ามาทีหลังก็อาจจะยอมรับลูกสุนัขได้ แต่จะไม่ค่อยอยากสุงสิงกับลูกสุนัขหรือเข้าใกล้ลูกสุนัข เนื่องจากแมวโตเต็มวัยแต่ละตัวจะมีนิสัยรักสันโดษที่แตกต่างกันออกไปค่ะ

3.สุนัขโตเต็มวัยกับลูกแมว
 

 
     ส่วนมากแล้ว หากผู้เลี้ยงมีสุนัขโตอยู่ในครอบครัวก่อนแล้ว และนำลูกแมวเข้ามาเลี้ยงทีหลัง สุนัขก็จะสามารถยอมรับลูกแมวได้ง่าย เนื่องจากสุนัขจะไม่เห็นลูกแมวเป็นศัตรูเพราะลูกแมวมีขนาดตัวที่เล็กกว่า แต่ถึงอย่างไร ผู้เลี้ยงก็จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในระยะแรกเพื่อให้สุนัขโตได้ทำความรู้จักและยอมรับลูกแมวให้เป็นสมาชิกส่วนหนึ่งในครอบครัวก่อน โดยการลองให้สุนัขดมกลิ่นของลูกแมวเพื่อสร้างความคุ้นเคย เมื่อสุนัขยอมรักในตัวลูกแมวทั้งคู่ก็จะเป็นเพื่อนกันได้ตลอดไปค่ะ ซึ่งในบางครอบครัวสุนัขก็อาจจะรับเลี้ยงและคอยดูแล เลีย และเล่นกับลูกแมวเหมือนกับแมวเป็นลูกของตัวเองเลยล่ะค่ะ


4.สุนัขโตเต็มวัยกับแมวโตเต็มวัย
 

     สำหรับผู้เลี้ยงที่เลี้ยงน้องหมาโตเต็มวัยอยู่ในครอบครัวก่อนแล้ว และรับแมวโตเต็มวัยเข้ามาเลี้ยงในบ้านทีหลัง สิ่งแรกที่ผู้เลี้ยงควรทำคือ สร้างความคุ้นเคย ให้น้องหมาได้เรียนรู้ว่าแมวเป็นสมาชิกใหม่ โดยผู้เลี้ยงอาจเริ่มจากการฝึกให้น้องหมาคุ้นกลิ่นแมวด้วยการ ใช้วิธีนำกระดาษทิชชูซับฉี่แมวแล้วนำไปวางไปตามจุดต่าง ๆ ในบ้าน ประมาณ 1-2 อาทิตย์ เพื่อให้น้องหมาเริ่มเรียนรู้และชินกับกลิ่นของแมว

      หรืออาจจะใช้วิธีเอาเบาะนอนของน้องหมาและน้องแมวมาสลับกันใช้ทุก ๆ วัน ประมาณ 2 อาทิตย์ โดยไม่ต้องให้น้องหมาและแมวเผชิญหน้ากัน และอาจสัมผัสเล่นกับน้องหมาให้กลิ่นติดมือแล้วค่อยไปเล่นสัมผัสกับแมว และทำสลับกันโดยสัมผัสเล่นกับแมวก่อนแล้วค่อยไปสัมผัสน้องหมาเพื่อให้ทั้งคู่เกิดความเคยชิน และคุ้นกับกลิ่นของกันและกัน

     เมื่อน้องหมาเริ่มคุ้นกลิ่นแมวแล้ว ผู้เลี้ยงก็อาจจะให้น้องหมาและแมวมาเจอกันบ้าง โดยทุกครั้งจะต้องอยู่ในสายตาของผู้เลี้ยงตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัยของน้องหมาและแมวค่ะ ต้องค่อย ๆ ให้น้องหมาและแมวปรับตัวเข้าหากันอย่างค่อยเป็นค่อยไป ให้รอจนกว่าจะแน่ใจว่าทั้งคู่สามารถอยู่ร่วมกันได้แล้วค่อยปล่อยให้น้องหมาและแมวอยู่ร่วมกันเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาระหว่างน้องหมาและแมวเกิดขึ้นค่ะ

จัดการแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนให้น้องหมาและน้องแมว
 

 
     เมื่อน้องหมาและแมวต้องอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน เพื่อเป็นการป้องกันการเผชิญหน้าโดยตรงของน้องหมาและแมวซึ่งจะทำเกิดปัญหาน้องหมาและแมววิ่งไล่หรือทำร้ายกันเกิดขึ้น ทางที่ดีที่สุดคือ ผู้เลี้ยงจะต้องจัดแบ่งพื้นที่ให้น้องหมาและแมวอยู่แยกกันอย่างมีสัดส่วน เพื่อให้น้องหมาและแมวได้มีพื้นที่อิสระส่วนตัว ไม่เกิดการกดดันต่อกันค่ะ

     โดยการจัดพื้นที่สำหรับน้องหมา แนะนำว่า ให้ผู้เลี้ยงเลือกพื้นที่ที่เงียบสงบ อากาศถ่ายเทได้สะดวก มีร่มเงาเพียงพอ หรือถ้าหากจะให้น้องหมาอยู่ในกรงก็อาจจะเลือกเป็นมุมใดมุมหนึ่งของพื้นที่ภายในบริเวณบ้าน ควรเป็นพื้นที่ที่จะไม่มีการย้ายหรือเปลี่ยนแปลงอีกในอนาคต เพื่อเป็นการสร้างวินัย หรืออาจจะทำคอกกั้นแบ่งเขตให้น้องหมารู้จักพื้นที่ของตัวเองและไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับพื้นที่ของแมว รวมถึงควรเลือกเป็นพื้นที่ที่ง่ายต่อการดูแลทำความสะอาดด้วยนะคะ  

      ส่วนในแมวที่เลี้ยงอยู่ร่วมกันน้องหมาในบ้านเดียวกันนั้น แนะนำว่า ให้ผู้เลี้ยงจัดหาพื้นที่ที่เป็นพื้นที่เปิด หรือ ถ้าเป็นในห้องควรมีชั้นวางของ ซอกตู้ที่แมวสามารถวิ่งหนี หลบซ่อนได้ หรือ มีประตูรั้วเล็ก ๆ สำหรับน้องแมวเพื่อมุดหนี เพื่อให้แมวได้รู้สึกว่า เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่สามารถหลบภัยและไม่เกิดการเผชิญหน้ากับน้องหมาได้ค่ะ
 
 

จัดการแยกให้อาหารน้องหมาและน้องแมว
 

     น้องหมาและแมวเป็นสัตว์ต่างสายพันธุ์ที่มีความต้องการ พลังงาน โปรตีน รวมไปถึงแร่ธาตุต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน อาหารของทั้งน้องหมาและแมวจึงถูกผลิตออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของร่างกายที่แตกต่างกัน  ... ดังนั้น ผู้เลี้ยงที่เลี้ยงน้องหมาและแมวอยู่ในบ้านเดียวกันจึงควรจัดการแยกให้อาหารกับน้องหมาและแมวอย่างเหมาะสม ไม่ควรให้น้องหมาและแมวกินอาหารร่วมกัน และสำหรับผู้เลี้ยงที่นำอาหารสำเร็จรูปสำหรับแมวมาเลี้ยงน้องหมา หรือผู้เลี้ยงที่มีน้องหมาที่ชอบแอบกินอาหารสำเร็จรูปสำหรับแมวเป็นประจำก็ควรหยุดการให้อาหารแมวกับน้องหมาและควรห้ามไม่ให้น้องหมากินอาหารสำเร็จรูปสำหรับแมวเพราะการที่น้องหมากินอาหารสำเร็จรูปสำหรับแมวเป็นประจำ น้องหมาจะได้รับโปรตีนเข้าสู่ร่างกายที่สูงเกินความจำเป็น (ในทางกลับกันหากแมวกินอาหารน้องหมาบ่อย ๆ หรือในระยะยาว แมวก็จะได้รับโปรตีนไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเช่นกัน) หากน้องหมากินอาหารสำเร็จรูปสำหรับแมวระยะยาวอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ไต จะทำงานหนักจนทำให้เกิดปัญหาโรคไตและเป็นนิ่วได้ รวมถึงอาจพบปัญหาการขาดสมดุลแร่ธาตุบางชนิด และพบการสะสมของไขมัน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคข้อสะโพกเสื่อมในน้องหมาสายพันธุ์ใหญ่ได้ค่ะ

     สำหรับวิธีการให้อาหารสำหรับน้องหมาและแมว แนะนำว่า ให้ผู้เลี้ยงแยกให้อาหารน้องหมาและแมว จากที่เมื่อก่อนผู้เลี้ยงอาจจะเทอาหารทิ้งไว้ให้แมวและน้องหมากินเวลาหิว ก็อาจจะยอมเสียเวลาสัก 5 นาทีเพื่อนั่งเฝ้าให้น้องหมาและแมวกินอาหารจนเสร็จ หรืออาจจะจับน้องหมาหรือแมวตัวใดตัวหนึ่งให้เข้าไปกินอาหารในกรงเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้สัตว์ทั้งสองตัวแย่งกินอาหารกันก็ได้ค่ะ

     สำหรับช่วงเวลาการให้อาหารแก่น้องหมาและแมว แนะนำว่า ให้ผู้เลี้ยงจัดการให้อาหารน้องหมาและแมวในช่วงเวลาเดียวกันแต่ต่างพื้นที่กัน เมื่อน้องหมาและแมวกินอาหารเสร็จ ผู้เลี้ยงก็ควรเก็บชามอาหารไปล้างทันทีเพื่อไม่ให้กลิ่นของอาหารติดอยู่ ซึ่งจะช่วยลดพฤติกรรมและความอยากกินอาหารสำเร็จรูปสำหรับแมวในน้องหมาได้ค่ะ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ ข้อควรรู้ ... ทำไมน้องหมาห้ามกินอาหารแมวเหมียว?)

ให้ความรักกับน้องหมาและน้องแมวเท่า ๆ กัน
 

 
     การให้ความรักกับน้องหมาและแมวอยู่เสมอ ถือเป็นสิ่งสำคัญสิ่งที่จะช่วยลดการเกิดปัญหาน้องหมาและแมวอิจฉากันได้ โดยผู้เลี้ยงไม่ควรโอ๋หรือตามใจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากเกินไป  แต่ควรให้ความรักกับน้องหมาและแมวเท่า ๆ กัน เช่น อุ้มน้องหมาหรือแมวมานั่งตัก ชวนเล่นของเล่น พาน้องหมาและแมวไปออกกำลังกายเพื่อให้น้องหมาและแมวสามารถปรับพลังงานเข้าหากัน ให้เกิดความคุ้นชินที่จะต้องอยู่ร่วมกัน

     โดยสิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องระวังอยู่เสมอก็คือ ผู้เลี้ยงจะต้องไม่แสดงอาการต่าง ๆ ที่จะจุดชนวนให้น้องหมาและแมวอิจฉากันหรือทำให้เกิดปัญหาระหว่างกันได้ เช่น ไล่ตีแมวต่อหน้าน้องหมา เพราะจะทำให้น้องหมาไล่กัดแมวทุกครั้งที่เจอ เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วน้องหมาจะประจบเอาใจผู้เลี้ยง จะทำตามคำสั่ง เมื่อเห็นผู้เลี้ยงแสดงท่าทางไม่พอใจแมวหรือสัตว์เลี้ยงตัวอื่น สุนัขก็จะกระโจนใส่แมวทันที่ที่เจอเพื่อเอาใจผู้เลี้ยงนั่นเองค่ะ

     ถึงแม้ว่า น้องหมาและแมวจะมีลักษณะนิสัยและพฤติกรรมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่เพื่อน ๆ ก็สามารถทำให้น้องหมาและแมวสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบศึกได้ เพียงแค่จะต้องเข้าใจถึงนิสัย ความต้องการของน้องหมาและแมว และเลี้ยงดูน้องหมาและแมวอย่างถูกวิธี ไม่ทำให้น้องหมาและแมวกดดันเมื่อต้องอยู่ร่วมกัน เพียงเท่านี้บ้านของเพื่อน ๆ ก็จะอยู่อย่างมีความสุขแล้วล่ะค่ะ ^_^

 

บทความโดย : Dogilike.com
http://www.dogilike.com/
 
ข้อมูลอ้างอิง :
http://www.aspca.org/pet-care/virtual-pet-behaviorist/dog-behavior/dogs-chasing-cats
http://www.wikihow.com/Make-a-Cat-and-Dog-Get-Along
 
ภาพประกอบ :
http://scarlettjohanssonwallpapersonly.blogspot.com/2013/06/cute-dog-wallpapers.html
http://www.blisstree.com/2014/01/17/beauty-shopping/celebrity-feud-body-snark/
http://games.usvsth3m.com/2048/cat-edition-77/
http://fin6.com/2014/01/cat-dog/