การจะเป็นเจ้าของน้องหมามืออาชีพ นอกจากเรื่องความพร้อมทั้งเวลา และกำลังทรัพย์ในการเลี้ยงดูน้องหมาให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เจ้าของน้องหมาทุกคนต้องให้ความสำคัญเพื่อสุขภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงของน้องหมาอีกด้วยนะคะ

    เทคนิคการเลี้ยงการดูแล ในวันนี้ก็เลยจะพาเพื่อน ๆ มาเรียนรู้ 5 ส ในการเลี้ยงน้องหมาที่ไม่ว่าเจ้าของน้องหมาคนไหนก็ต้องจำกันให้ขึ้นใจ เพราะบอกเลยว่า 5 ส นี้ถ้าใครทำตามได้ทุกข้อแบบเป๊ะ ๆ รับรองว่า น้องหมาของเพื่อน ๆ จะเป็นน้องหมาที่สุขภาพร่างกายและจิตใจแข็งแรง สุขภาพจิตดี อายุยืนยาวแน่นอนค่ะ จะมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลย ^_^
 

สะอาด

 

      เรื่องความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ที่คนเลี้ยงน้องหมาพึงมีเลยค่ะ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่คอยดูน้องหมาให้มีร่างกายสะอาดเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการดูแลรักษาความสะอาดเมื่อพาน้องหมาไปนอกสถานที่ที่เราจะต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม รับผิดชอบความสะอาด พกถุงพลาสติก กระดาษชำระไว้คอยเช็ดอึ ฉี่ของน้องหมาเพื่อบรรยากาศที่ดีในสถานที่นั้น ๆ ค่ะ

       ส่วนความสะอาดร่างกายของน้องหมา นอกจากเราจะต้องหมั่นอาบน้ำให้น้องหมาเป็นประจำอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้งแล้วนั้น เราควรเน้นทำความสะอาด 4 จุดสำคัญคือ

     เล็บ ต้องคอยหมั่นสังเกต และตัดเล็บให้น้องหมาเป็นประจำ และไม่ควรปล่อยให้สุนัขเล็บยาวจนโค้ง เพราะจะทำให้น้องหมาเดินลำบาก และเล็บอาจโค้งงอลงมาทิ่มเนื้อจนเกิดการอักเสบได้ เป็นแหล่งรวมเชื้อโรคได้ค่ะ

     ฟัน ควรแปรงฟันให้น้องหมาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งหรืออาจจะหาของเล่นขัดฟันมาให้น้องหมาแทะเล่นเพื่อลดการเกิดหินปูน และควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำค่ะ

     ดวงตา ใช้สำลีชุบน้ำเช็ดที่มุมหัวตาเป็นประจำ และหมั่นสังเกตดวงตาของน้ำหมาอย่างสม่ำเสมอ หากพบอาการผิดปกติ เช่น มีขี้ตาเยอะ ขี้ตามีสีเขียวขุ่น ตาแดง น้ำตาไหลเยอะ ก็ควรพาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์ทันที
 
      หู ต้องทำความสะอาดเป็นประจำ โดยเฉพาะกับน้องหมาสายพันธุ์ที่มีหูยาวอย่าง บีเกิ้ล ดัชชุน บลัดฮาวด์ ฯลฯ อย่างน้อยเดือนละ 1- 2 ครั้ง หากพบว่าน้องหมาเกาหู สะบัดหัว ขี้หูเปลี่ยนเป็นสีดำ สีเหลือง และมีกลิ่นเหม็น ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติค่ะ

 

สะสาง

 

      มีเพื่อน ๆ คนไหนบ้างที่เวลาออกไปช้อปปิ้งซื้อข้าวของเครื่องใช้ให้น้องหมา เช่น อาหาร ของเล่น ยา ชามอาหาร ฯ กลับมาเสร็จแล้วก็หยิบมาวางกอง ๆ บนกรงของน้องหมา หรือใส่รวม ๆ ในตะกร้าโดยที่ไม่ได้แยกประเภทสิ่งของบ้างคะ บอกเลยว่า เราจะต้องเปลี่ยนรูปแบบการจัดวางของใหม่เพื่อความเป็นระเบียบ และง่ายต่อการหยิบใช้งานนะคะ เช่น อาหารของน้องหมาก็ควรจัดวางในที่ร่ม ใส่ในภาชนะที่อากาศเข้าไม่ได้ กัดมดและแมลง ยาที่เคยวางไว้ไม่เป็นระเบียบก็ควรหากล่องมาใส่ยาโดยเฉพาะเพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยค่ะว่า น้องหมาจะบาดเจ็บเมื่อไหร่ ส่วนของเล่นของน้องหมาก็ควรเก็บใส่ในตะกร้าทุกครั้งหลังให้น้องหมาเล่นเรียบร้อยแล้ว ฯลฯ

     และไม่ใช่แค่เพียงข้าวของ เครื่องใช้สำหรับน้องหมาเท่านั้นนะคะที่เพื่อน ๆ จะต้องจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย แต่พื้นที่ของน้องหมาเองเพื่อน ๆ ก็ควรจัดที่อยู่ให้เป็นสัดส่วน จำกัดบริเวณให้น้องหมาได้รู้จักพื้นที่ว่าจุดไหนคือ โซนหรือขอบเขตที่น้องหมาอยู่ได้ วิธีง่าย ๆ คือ จัดโซนเลือกพื้นที่ที่เงียบสงบ อากาศถ่ายเทได้สะดวก มีร่มเงาเพียงพอ เป็นพื้นที่ที่ง่ายต่อการดูแลทำความสะอาด ก็จะทำให้ช่วยสร้างระเบียบวินัยให้น้องหมาจดจำว่า สามารถอยู่ส่วนไหนของบ้านได้บ้าง  ... หากผู้เลี้ยงต้องการเลี้ยงน้องหมาแบบปล่อย ไม่ขังกรง แนะนำว่า ควรจัดพื้นที่ให้มีความกว้างพอสมควร เพื่อน้องหมาจะได้วิ่งเล่นเพื่อปลดปล่อยพลังงานในระหว่างที่ผู้เลี้ยงไม่อยู่บ้าน ส่วนผู้เลี้ยงบ้านที่จำเป็นต้องจับน้องหมาขังไว้ในกรงก็ควรเลือกกรงที่มีมุ้งลวดป้องกันยุง หาเบาะที่นอนที่มีความหนาและนุ่ม ขนาดพอดีตัวใส่ไว้ในกรงให้น้องหมาได้นอนพักผ่อนด้วยนะคะ

 

สร้างวินัย

 

      ถ้าอยากให้น้องหมาเป็นน้องหมาที่น่ารักนิสัยดี สิ่งสำคัญคือเพื่อน ๆ ต้องฝึกน้องหมาให้รู้จักกฎระเบียบของบ้านตั้งแต่ยังเล็ก ฝึกทักษะ คำสั่งพื้นฐาน เช่น ลุก นั่ง หมอบ คอย ฯลฯ โดยต้องจำไว้ว่า เราจะต้องสอนและดุเพื่อห้ามพฤติกรรมแย่ ๆ ชมและให้รางวัลเมื่อทำดี  … การสร้างวินัย และฝึกน้องหมาให้ได้ผล เคล็ดลับง่าย ๆ คือ เพื่อน ๆ จะต้องฝึกน้องหมาโดยใช้วิธีที่สร้างความรู้สึกดีให้แก่น้องหมาในช่วงเวลาฝึกทักษะ หรือการใช้กฏการเสริมแรงทางบวก (Positive Reinforcement) มาใช้ฝึกน้องหมา คือจะไม่ดุ ตี บังคับน้องหมา แต่จะเพิ่มพลังทางบวกคอยเสริมแรงจูงใจให้น้องหมาทำตามคำสั่ง ตามกฏระเบียบแทนค่ะ

     โดยใช้การเสริมแรงทางบวกนี้ เพื่อน ๆ ก็สามารถทำได้ ไม่ยาก เพียงแค่เพื่อน ๆ ใช้ความอ่อนโยน ความอดทน และความใจเย็นเข้ามาเป็นตัวช่วยในการฝึกทักษะต่าง ๆ ให้กับน้องหมา โดยอาจนำขนม ของเล่นสุดโปรดของน้องหมามาล่อเพื่อให้น้องหมาทำตามคำสั่ง เมื่อน้องหมาทำตามคำสั่งก็ให้มอบคำชม ซึ่งจะทำให้น้องหมารู้สึกดีในการฝึก มีอารมณ์มั่นคง และรู้สึกมีคุณค่าขึ้นมานั่นเองค่ะ

สง่างาม

 

     ไม่ว่าใคร ๆ ต่างก็อยากให้น้องหมาของตัวเองเป็นที่รักของทุก ๆ คนใช่ไหมคะ? ซึ่งเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะทำให้น้องหมาของเราเป็นที่รักแก่ผู้พบเห็นก็คือ การกรูมมิ่ง อาบน้ำ ตัดขนให้น้องหมาให้เป็นทรงสวยงาม ไม่ยาวรุงรัง หรือเป็นสังกะตัง เพื่อความสวยงาม น่ามองอยู่เสมอ โดยเน้นดูแลตัดขน 3 อวัยวะสำคัญได้แก่

     1.ขนบริเวณรอบดวงตาและรอบปาก ... ต้องตัดแต่งขนบริเวณหัวตาอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้เส้นขนยาวจนบังลูกตา และเป็นการป้องกันขนบริเวณตาทิ่มนัยตาของน้องหมาที่อาจทำให้ตาของน้องหมาเกิดอาการระคายเคืองเป็นหนองได้  และขนบริเวณรอบปากน้องหมาที่เมื่อเวลาน้องหมากินอาหารอาจทำให้เศษอาหารติด ถ้าหากไม่หมั่นสังเกตและเช็ดทำความสะอาด จะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ทำให้น้องหมามีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ค่ะ
 
     3. ขนบริเวณใต้ท้อง ... ส่วนนี้มักกจะมีคราบปัสสาวะของน้องหมาเปรอะเปื้อน อับชื้น และมีกลิ่นเหม็น เราจึงต้องหมั่นดูแลความสะอาด เพราะหากปล่อยปละเลยจะทำให้ใต้ท้องของน้องหมาเป็นตุ่มแดงจนลุกลามกลายเป็นโรคผิวหนังได้ในที่สุดค่ะ

     4. ขนบริเวณใต้เท้าน้องหมา ... ให้ใช้กรรไกรหรือปัตตาเลี่ยนตัดขนใต้เท้าน้องหมา เพื่อไม่ให้มีขนใต้เท้า การตัดขนบริเวณนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ใต้อุ้งเท้าของน้องหมาอับชื้น เพราะถ้าหากปล่อยให้ขนบริเวณใต้อุ้งเท้ายาวเกินไปอาจทำให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค อาจเกิดเชื้อราและโรคผิวหนังได้ค่ะ
 

สตรอง (Strong)
 

     การออกกำลังกาย คือ หนึ่งเคล็ดลับที่จะทำให้น้องหมามีร่างกายแข็งแรง มีอารมณ์ดี สุขภาพจิตดี ไม่ก้าวร้าว ดังนั้น เราต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายและจิตใจของน้องหมาด้วยการหมั่นพาไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยเราควรเริ่มพาน้องหมาออกกำลังกายตั้งแต่ยังเล็ก อาจจะหาของเล่นชนิดต่าง ๆ ที่เสริมสร้างพัฒนาการทางสมอง ลูกบอลมาปาให้น้องหมาคาบเล่น หรือใส่สายจูงพาเดินและวิ่งเล่นวันละ 1-2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 10-15 นาที โดยจะต้องอยู่ในการควบคุมของผู้เลี้ยงตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัย และอาจเริ่มฝึกทักษะขั้นพื้นฐานต่าง ๆ เพื่อฝึกสมาธิและเพื่อเพิ่มคุณค่าให้น้องหมา กลายเป็นน้องหมาที่น่ารัก เป็นที่รักแก่ผู้พบเห็นค่ะ

     การออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับน้องหมา ควรเป็นการออกกำลังกายเบา ๆ เช่น ว่ายน้ำ จูงเดิน เล่นปาลูกบอล วิ่งเล่นในสวนสาธารณะ พบปะสุนัขตัวอื่น ๆ เพื่อเรียนรู้การเข้าสังคม หรือให้ของเล่นที่ช่วยเสริมสร้างทักษะในด้านต่าง ๆ อย่างการของเล่นที่สามารถซ่อนอาหารหรือขนมไว้ข้างในได้ เพื่อให้น้องหมาได้ฝึกการค้นหา และคิดวิธีการนำขนมออกมาจากของเล่น ซึ่งจะช่วยเรื่องการพัฒนาสมองของน้องหมา ที่จะช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ค่ะ