จากกรณีที่มีข่าวของหญิงชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตจากเชื้อเห็บเป็นรายแรกของโลก หลายคนจึงเข้าใจผิดว่าการมีสัตว์เลี้ยงอาจนำอันตรายมาสู่ตนเองและคนในครอบครัวได้ รวมถึงทำให้คนรักสัตว์ทั่วโลกแตกตื่นกับข่าวที่เกิดขึ้น และสับสนและไม่เข้าใจเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับเห็บ

     ดังนั้น เพื่อให้คนและน้องหมาอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อให้เจ้าของน้องหมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเห็บมากขึ้นนะคะ

ดราม่าข้อที่ 1 “คนโดนเห็บกัดแล้วติดโรคได้จริงหรือ?”

 

     เมื่อคนโดนเห็บกัดบอกเลยว่า สามารถติดโรคได้ค่ะ แต่ในบางรายอาจแค่มีอาการผิวหนังเป็นตุ่มแดงคัน เป็นตุ่มบริเวณที่ถูกกัดเท่านั้น ส่วนเรื่องของโรคที่เกิดจากการโดนเห็บกัดนั้น ในประเทศไทยไม่พบโรคติดต่อที่มีเห็บเป็นพาหะ แต่ถ้าหากคนโดนเห็บจากสุนัขที่มีเชื้อกัดก็เสี่ยงเป็นโรคต่าง ๆ ที่อาจถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้เช่นกัน เช่น โรคเออร์ลิชิโอสิส (Ehrlichiosis) ที่อาการในคนและสัตว์ที่ได้รับเชื้อนี้มีทั้งชนิดไม่รุนแรง มีอาการคล้ายไข้หวัด (มีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว ต่อมน้ำเหลืองโต) ถึงชนิดรุนแรงซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ , โรคลามย์ (Lyme Disease) ที่จะเริ่มอาการบวมแดงบริเวณที่เห็บมากัด บางรายก็อาจไม่พบผื่น แต่จะมีไข้ ปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว และปวดตามข้อต่าง ๆ โรคนี้สามารถรักษาหายได้โดยใช้ยาปฏิชีวนะ

     หรือโรค SFTS หรือ Severe Fever with ThrombocytopeniaSyndrome ที่เพิ่งมีข่าวของหญิงชาวญี่ปุ่นได้เสียชีวิตจากการติดเชื้อจากการสัมผัสแมวจรจัด ซึ่งโรคนี้เป็นหนึ่งในโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ที่พบครั้งแรกในประเทศจีน เมื่อปี พ.ศ.2552 และปัจจุบันเริ่มพบบ่อยในประเทศเกาหลีใต้และญี่ปุ่นมีอัตราการเสียชีวิตระหว่าง 12%-30% และอัตรายิ่งสูงขึ้นหากผู้ป่วยมีอายุเกิน 50 ปี โดยปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตแล้ว 57 ราย จากผู้ติดเชื้อจากการโดนเห็บกัด 266 ราย ผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสจะมีอาการไข้สูง อาเจียน ท้องร่วง เกล็ดเลือดต่ำ ปริมาณเม็ดเลือดขาวต่ำ รวมทั้งอวัยวะต่าง ๆ ล้มเหลวและทำให้เสียชีวิตได้ สำหรับโรคนี้ไม่ใช่โรคติดต่อจากแมว แต่เป็นโรคติดต่อของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมค่ะ

ดราม่าข้อที่ 2 “เห็บสามารถอาศัยอยู่บนตัวคนได้จริงหรือ?”

     จริง ๆ แล้วเห็บจะมีโฮสต์เป็นของตัวเอง (host specificity) ซึ่งตามปกติแล้วเห็บจะชอบขึ้นเฉพาะสุนัข แต่ก็สามารถขึ้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ๆ ได้ด้วย ซึ่งก็หมายความว่า เห็บก็สามารถอาศัยอยู่บนตัวคนได้เช่นกัน แต่คนเรานั้นจะจัดเป็นโฮสต์โดยบังเอิญ ที่พอเห็บกัดและดูดเลือดจากเราจนอิ่มแล้วก็ทิ้งตัวลงไปก็จะลอกคราบ ผสมพันธุ์ หรือวางไข่ต่อไป ซึ่งมั่นใจได้เลยค่ะว่า เห็บไม่ได้อยู่กับโฮสต์โดยบังเอิญตลอดไป และเมื่อเห็บทิ้งตัวลงไปวางไข่ เห็บอาจจะวางไข่ชุดเดียวแล้วตาย หรือวางไข่หลายชุดแล้วตายก็ได้ในบางชนิดค่ะ

ดราม่าข้อที่ 3  “เห็บตัวนิดเดียว ฆ่าหมาได้จริงหรือ?”

 

     ถึงแม้เราจะเห็นว่า เห็บ มีขนาดตัวที่เล็ก แต่ก็สามารถทำอันตรายต่อน้องหมาจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ !! ในน้องหมาที่ถูกเห็บหลายตัวกัด หรือ เห็บที่เป็นพาหะโรคกัดและดูดเลือด อาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจางได้ โดยน้องหมาจะป่วย ซึม อ่อนแรง จนอาจเสียชีวิตได้ถ้าโลหิตจางมาก ๆ นอกจากภาวะโลหิตจางที่อาจพบเจอแล้ว เห็บยังเป็นพาหะนำโรคต่าง ๆ มาสู่น้องหมาได้อีกด้วย เช่น โรคพยาธิในเม็ดเลือด , โรคอัมพาตจากเห็บ , โรคลายม์  หรือเกิดการอักเสบของผิวหนัง ฯลฯ โดยมากเห็บมักจะซ่อนตัวอยู่บริเวณอวัยวะต่าง ๆ เช่น ผิวหนัง ซอกนิ้ว หรือในใบหู ซึ่งเจ้าของก็ต้องคอยสังเกตตามอวัยวะต่าง ๆ เหล่านี้เป็นประจำค่ะ

ดราม่าข้อที่ 4 “แค่จับ หรือสัมผัสเห็บก็ติดเชื้อโรคได้จริงหรือ?”

 

     จากที่มีข่าวเรื่องอันตรายเกี่ยวกับเชื้อโรคจากเห็บที่สามารถทำให้คนเจ็บป่วยและเสียชีวิตได้นั้น ทำให้หลาย ๆ คนเป็นกังวัลและคิดว่า การจับ หรือสัมผัสเห็บก็สามารถทำให้คนเราติดเชื้อโรคได้ ซึ่งต้องบอกเลยค่ะว่า การจับ หรือสัมผัสเห็บเฉย ๆ นั้นเป็นได้ยากมาก ๆ ที่เราจะติดเชื้อโรคจากเห็บ แต่การจับเห็บแล้วนำเห็บมาบี้ด้วยมือเปล่าก็อาจมีโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อโรคจากเห็บได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีบาดแผล รอยขีดข่วนที่ผิวหนัง ซึ่งเชื้อโรคที่อยู่ในตัวเห็บอาจจะเข้าไปในบาดแผลได้ ดังนั้น หากจะดึงเห็บจากตัวน้องหมา หรือจำเป็นต้องกำจัดเห็บก็ควรใส่ถุงมือทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยจะดีที่สุดค่ะ

 

มาป้องกันที่ต้นเหตุกันเถอะ !!

 

     เมื่อรู้แล้วว่า เห็บเป็นตัวอันตรายที่นำความเจ็บป่วยและโรคต่าง ๆ มาสู่คนและน้องหมา เราจึงจำเป็นที่จะต้องป้องกันเห็บหมัดอย่างสม่ำเสมอนะคะ โดยวิธีที่ได้ผลเราจะต้องกำจัดเห็บทั้งบนตัวน้องหมาและในสิ่งแวดล้อมที่น้องหมาอยู่ควบคู่กันไป ซึ่งปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์สำหรับกำจัดเห็บหมัดมากมาย ทั้งยาฉีด ยาหยอดหลัง ยาพ่น แชมพู สวมปลอกคอ ฯลฯ แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวังด้วยเพราะส่วนใหญ่จะเป็นสารเคมี ที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายกับทั้งคนและน้องหมาค่ะ

     ดังนั้น เราจะต้องปกป้องทุกสัมผัสด้วยถุงมือยางธรรมชาติ I’M GLOVE ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยืดหยุ่นทนทานและผ่านการรับรองมาตรฐานสากล เป็นตัวช่วยดี ๆ ให้ทุกครั้งที่จะกำจัดเห็บหมัดบนตัวน้องหมาเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัย รวมถึงใส่ถุงมือทุกครั้งที่ให้ยาหรือสัมผัสสัตว์ป่วยเพื่อป้องกันน้ำลายและการโดนกัดโดยตรง ใส่ถุงมือยางในการทำความสะอาดน้องหมาทุกครั้งหลังปล่อยออกไปเดินเล่น ใส่ถุงมือยางเมื่อต้องพ่นน้ำยากำจัดเห็บหมัด หรือราดน้ำยาทำความสะอาดตามสภาพแวดล้อม ใส่ถุงมือยางทุกครั้งเมื่อต้องเก็บอึฉี่น้องหมา รวมถึงหมั่นเช็กสุขภาพและพาน้องหมาไปตรวจเลือดเป็นประจำอย่างน้อย ๆ ปีละ 2 ครั้งเพื่อให้น้องหมามีสุขภาพที่ดีและมีอายุที่ยืนยาวนะคะ ^^

      ถึงแม้ว่า เห็บจะเป็นตัวอันตรายที่สามารถทำให้คนเราและน้องหมาเจ็บป่วยจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่เราก็สามารถเรียนรู้วิธีการป้องกันและกำจัดเห็บอย่างถูกวิธีได้ โดยเพิ่มความใส่ใจทั้งกับตัวน้องหมาเอง และใส่ใจรักษาสภาพแวดล้อมรอบ ๆ บ้าน คอยสอดส่องบริเวณที่เห็บหมัดอาจจะซ่อนตัวอยู่ เช่น ผนังปูนที่มีรอยแตก ซอกไม้ เฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ในมุมอับ พื้นที่รอบ ๆ กรงของน้องหมา ฯลฯ อย่างสม่ำเสมอเพียงเท่านี้ปัญหาเห็บหมัดก็จะหมดไปได้ง่าย ๆ หายกังวล มีความสุขทั้งคนทั้งน้องหมาแน่นอนค่ะ