ในการฝึกสุนัขสายพันธ์พิเศษที่มีความแข็งแรงและมีสัญชาตญาณในการเป็นนักล่าสูง หรือสุนัขที่มีนิสัยดุดันกว่าสุนัขปกติทั่วไป การควบคุมให้สุนัขอยู่ในคำสั่งของเจ้าของนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เนื่องจากถ้าหากผู้เลี้ยงไม่สามารถควบคุมสุนัขของตัวเองได้ สุนัขอาจจะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวและทำอันตรายต่อผู้คนรอบข้างได้

      ... ใครที่เลี้ยงสุนัขที่อยู่ในข่ายมีพฤติกรรม "ก้าวร้าวดุดัน" คงพอจะเข้าใจดีว่า การควบคุมพวกเขานั้นค่อนข้างจะต้องใช้ความอดทนและความเข้าใจในธรรมชาติของเขาอย่างสูง เพราะพลังอันล้นเหลือของพวกเขาต้องการการจัดการอย่างเหมาะสมด้วยวิธีที่ถูกต้อง

     อย่างแค่การที่จะจูงพวกเขาออกไปเดินออกกำลังกายตามที่สาธารณะ  ถ้าหากเป็นสุนัขปกติทั่วไป ผู้เลี้ยงก็แค่จับเขาใส่สายจูง และพาออกไปเดินเล่นได้โดยที่ไม่ต้องกังวลอะไร ... แต่สำหรับสุนัขที่มีความ (ดุ) พิเศษและมีพลังงานที่มากกว่าสุนัขทั่วไป ผู้เลี้ยงอาจจะต้องมีเทคนิคในการจูงและควบคุมให้เขาอยู่ในคำสั่งค่ะ

     ก่อนอื่นผู้เลี้ยงจะต้องเข้าใจก่อนนะคะว่า สุนัขที่มีความแข็งแรง ดุดัน และมีพลังงานสูงนั้น พวกเขาจะต้องได้รับการฝึกให้อยู่ภายใต้คำสั่งก่อนที่จะพาออกไปเจอผู้คนในที่สาธารณะ

     โดยขั้นตอนในการฝึกนั้นก็ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์อะไรมากเลยค่ะ เพียงแค่เตรียม "โซ่กระตุก" หรือ "chek chain" เอาไว้ใช้ควบคุมน้องหมา เท่านั้นก็พอค่ะ

     จากนั้นเมื่อมีเวลาว่างพอที่คิดว่าจะสามารถจูงสุนัขออกไปเดินเล่นได้ ก็ให้ผู้เลี้ยงวางโปรแกรมในฝึกจูงสุนัขได้เลยค่ะ โดยเริ่มจาก ...

     1. เริ่มต้นที่การพาสุนัขไปออกกำลังกายเพื่อระบายพลังงานออก (พาวิ่งอยู่ในบริเวณบ้านก็ได้นะคะ) ไปให้เกือบหมด วิธีนี้จะช่วยผ่อนกำลังให้เจ้าของ สุนัขจะมีพลังงานเหลือน้อยลง อยู่ในเกณฑ์ที่ผู้เลี้ยงสามารถควบคุมเขาได้


     2. จากนั้นให้เริ่มใส่สายจูงแบบโซ่กระตุกให้สุนัขค่ะ โดยโซ่กระตุก หรือ Check chain นั้นมีให้เลือกใช้งานหลากหลายชนิด มีทั้งทำจากโซ่ ทำจากเชือกไนลอน หรือ แบบนวัตกรรมใหม่ Illusion Collar ทำจากเชือก(ในกรณีที่ไม่มี Check chain แต่ก็สามารถใช้สายจูงปกติมากลับด้านใช้เป็น Check chain ก็ได้นะคะ)

วิธีใส่โซ่กระตุก หรือ Check chain ที่ถูกต้อง

     ส่วนวิธีการสวมโซ่กระตุกให้สุนัขที่ถูกต้องนั้น ผู้เลี้ยงจะต้องคล้องโซ่หลังกกหูเท่านั้น จะทำให้การเตือนได้ผล และสุนัขจะไม่มีแรงดึง เพราะตำแหน่งนี้เป็นส่วนที่สุนัขจะไม่มีแรงขัดขืนเจ้าของ จะทำให้เจ้าของใช้แรงกระตุกเพียงเล็กน้อย สุนัขก็จะไม่เจ็บ นอกจากนี้วิธีดังกล่าวยังช่วยควบคุมส่วนหัวของสุนัขได้ด้วยล่ะค่ะ

     แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีคนเข้าใจผิดว่า ควรสวมโซ่แล้วเลื่อนลงมาอยู่ที่ฐานคอด้านล่าง (ตำแหน่งที่ใส่ปลอกคอ) บริเวณนี้คือส่วนที่แข็งแรงที่สุดของคอทำให้สุนัขมีแรงดึงมากและยิ่งเขาดึง โซ่ก็ยิ่งรัดคอทำให้หายใจไม่ออก แถมผู้เลี้ยงยังไม่สามารถกระตุกโซ่ให้สุนัขหยุดพฤติกรรมที่ไม่อยากให้ทำได้ เพราะเขาจะไม่รู้สึก และพอเขาไม่รู้สึกผู้เลี้ยงก็จะยิ่งโมโห และยิ่งกระตุกแรงขึ้น

     วิธีการนี้จึงเป็นวิธีการที่ผิด และเป็นการทำร้ายสุนัข เพราะฉะนั้นเลื่อนสายโซ่ให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องก่อนกระตุก และพยายามให้สายโซ่อยู่หลังกกหูตลอดเวลนะคะ

     3. หลังจากใส่โซ่เรียบร้อยแล้ว ก็ให้จูงสุนัขเริ่มก้าวเดิน ถ้าหากในระหว่างที่จูงสุนัขเดิน ถ้าสุนัขนั่ง หรือนอน เจ้าของจะต้องหยุดก้าว และอยู่ตรงนั้น ห้ามถอยหลังเด็ดขาด ค่อยๆ ดึงโซ่ให้ตึงทีละน้อย และให้คงความตึงของโซ่ไว้อย่างนั้น ไม่ต้องผ่อน และเมื่อโซ่ตึงมากๆ สุนัขก็เริ่มหายใจไม่ออกและยอมเดินตามมาเพื่อให้โซ่หย่อน และเมื่อโซ่หย่อนแล้วก็ให้เริ่มก้าวเดินต่อไปได้ค่ะ

     แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ระหว่างที่เป็นช่วงวัดใจระหว่างผู้เลี้ยงกับสุนัขว่าสุนัขจะยอมเดินตามมาหรือไม่นั้น เจ้าของจะต้องประเมินสถานการณ์ด้วยว่าโซ่รัดแน่ไปหรือเปล่า หรือโซ่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมหรือไม่ เพราะถ้าอยู่ในบริเวณที่ต่ำเกินไปจะทำให้สุนัขหายใจไม่ออก แต่ถ้าโซ่อยู่หลังกกหู สุนัขก็จะหายใจได้อยู่ โซ่ต้องอยู่ที่คอส่วนบนตลอดเวลา

     ในช่วงวัดใจนี้สุนัขอาจมีอาการโวยวาย จูง เห่า ขู่ แต่เจ้าของจะต้องทำเป็นไม่สนใจ ไม่ใจอ่อน ไม่สงสาร แต่ให้ใช้วิธีกระตุกโซ่เบาๆ (แต่ต้องระวังสุนัขโมโหจนกันด้วยนะคะ) การถือสายจูงที่มั่นคงและรู้จังหวะของสุนัขจะทำให้ผู้เลี้ยงระวังการถูกสุนัขกัดได้เพราะผู้เลี้ยงจะรู้สุนัขของตัวเองดีที่สุด ... แต่เชื้อเถอะค่ะว่าสุนัขจะมีอาการต่อต้านเพียงไม่นาน ถ้าเห็นท่าทีว่าผู้เลี้ยงไม่ยอมอ่อนข้อให้แน่ๆ ขืนดิ้นร้องโวยวายไปก็เหนื่อยเปล่าๆ สุดท้ายเขาก็จะยอมเดินตามมาเองล่ะค่ะ

     4. ข้อนี้สำคัญที่สุดค่ะ คือผู้เลี้ยงจะต้องทำการฝึกจูงุสนัขเดินโดยใช้โซ่กระตุกแบบนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วงแรกๆ ก็อาจจะมีการขัดขืนต่อต้านบ้าง แต่เมื่อฝึกเป็นประจำสุนัขก็จะเกิดความเคยชิน และเข้าใจว่านี่คือกิจกรรมที่ต้องทำเป็นประจำ แต่ยอมทำแต่โดยดี


     และเมื่อการฝึกภายในบริเวณบ้านเป็นไปได้ด้วยดี ก็ให้ผู้เลี้ยงเริ่มพาสุนัขออกไปจูงเดินนอกบ้านได้แล้วล่ะค่ะ เริ่มต้นที่บริเวณใกล้บ้านก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าหากสุนัขไม่มีอาการตื่นคน หรือไม่มีพฤติกรรมก้าวร้าวต่อสิ่งแวดล้อมนอกบ้าน ก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้แล้วล่ะค่ะว่าสุนัขของเราพร้อมที่จะไปไหนต่อไหนกับเรา โดยที่เราสามารถควบคุมเขาได้สบายๆ แล้วล่ะค่ะ

บทความโดย: Dogilike.com