โดย: พริกขี้หนู
การฝึกการดำรงชีวิตให้น้องหมาพิการ
เมื่อร่างกายน้องหมาไม่สมบูรณ์อีกต่อไป จำเป็นต้องปรับตัวและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อดำรงชีวิต
14 มีนาคม 2556 · · อ่าน (19,001)
ปกติแล้วเราจะรู้กันเป็นอย่างดีว่าน้องหมามีการใช้ประสาทสัมผัสจมูก ตา หู เป็นหลักในการดำรงชีวิต ซึ่งทั้ง 3 ส่วนจะต้องทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี หากจมูกไม่ได้กลิ่น ตามองไม่เห็น หรือหูไม่ได้ยิน ย่อมมีผลต่อการดำรงชีวิตของน้องหมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนน้องหมาบางตัวที่ต้องสูญเสียขาตั้งแต่กำเนิด หรือโดยอุบัติเหตุ ก็จะมีความยากลำบากในการเคลื่อนที่ จะไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวก ซึ่งปกติแล้วพวกเขาก็สามารถปรับตัวได้ แต่ในบางตัวก็อาจไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จึงเป็นหน้าที่ของผู้เลี้ยงที่จะต้องฝึกให้น้องหมาสามารถปรับตัว และใช้ชีวิตที่ร่างกายไม่สมบูรณ์ให้ได้นั่นเอง
ในบทความนี้ พริกก็เลยจะมาแนะนำวิธีการจัดการและการฝึกน้องหมาที่พิการไม่ว่าน้องหมาจะพิการขา หูไม่ได้ยิน ตามองไม่เห็น หรือจมูกไม่ได้กลิ่น เพื่อให้เขาได้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขสามารถจะปรับตัว และดำรงอยู่ได้ค่ะ
น้องหมาขาพิการ
การสูญเสียขาของน้องหมามีอยู่หลายสาเหตุค่ะ เขาอาจจะสูญเสียขาตั้งแต่กำเนิด หรือสูญเสียจากอุบัติเหตุ หรือจากโรคต่างๆ ซึ่งโดยปกติแล้วน้องหมาแต่ละตัวก็จะมีวิธีการปรับตัวและการเอาตัวรอดแตกต่างกันไป เพื่อที่จะสามารถเคลื่อนที่ได้ แต่อาจจะทุกลักทุเลบ้างจนเรารู้สึกทนดูไม่ได้ การช่วยเหลือประคับประคองน้องหมาให้เคลื่อนไหวคล่องตัวขึ้น นอกจากจะช่วยให้เขาเคลื่อนไหวร่างกายได้สะดวกขึ้นแล้ว ยังทำให้สุขภาพจิตของน้องหมาที่อาจมีอาการเครียดหรือซึมเศร้าจากความพิการ ดีขึ้นอีกด้วย แต่ก็ต้องอาศัยความอดทนและการร่วมมือกันทั้ง 2 ฝ่ายค่ะ
การฝึกให้น้องหมาเดิน ในกรณีพิการขาหน้า
- การเคลื่อนที่ของน้องหมาที่สูญเสีย 2 ขาหน้าปกติเขาจะเคลื่อนที่โดยการใช้ขาหลังผลักตัวเอง และใช้อกไถพื้นให้เคลื่อนไปข้างหน้า คล้ายกระกระเด้งตัว ซึ่งจะทำให้กระดูกสันหลังของเขาได้รับบาดเจ็บ การสอนให้ให้เขาเดินด้วย 2 ขาหลัง เช่นเดียวกับที่คนเดิน ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้น้องหมาเคลื่อนไหวร่างกายไปยังที่ต่างๆ ได้สะดวกขึ้น โดยสามารถทำได้ด้วยวิธีง่ายๆ คือ ใช้ขนมล่อให้น้องหมายืนขึ้นนั่นเองค่ะ
- เริ่มแรกควรให้เขาฝึกในห้องที่ปิดสนิท เพื่อไม่ให้เขาถึงสิ่งรอบข้างรบกวนได้ง่าย ให้เราล่อขนมไว้ข้างหน้าเขา ให้เขากระโดดหาขนม ส่วนเราก็ค่อยๆ เดินถอยหลังเพื่อให้เขากระโดดตามมาข้างหน้าค่ะ เป็นการช่วยให้น้องหมาทรงตัวด้วย 2 ขาค่ะ เพื่อนๆ ควรพูดเป็นคำสั่งไปเรื่อยๆ ด้วยนะคะ เช่น มาข้างหน้า หรือ เดิน เพื่อให้น้องหมารับรู้ว่าเป็นคำสั่ง หรือสัญญาณให้เขาก้าวเดิน 2 ขาค่ะ ทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้น้องหมาตื่นตัวอีกด้วย แล้วเมื่อน้องหมายอมเดินในแต่ละครั้ง ก็ต้องให้รางวัล และคำชื่นชมด้วยนะคะ กำลังใจนั้นสำคัญต่อน้องหมาจริงๆ ค่ะ ^^
- การใช้ 2 ขาหลังเดินต้องมีกำลังขาที่ดี และการทรงตัวที่เป็นเลิศ เพื่อนๆ อาจให้น้องหมาอยู่บนสเก็ตบอร์ดแล้วใช้ขาหลังถีบให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า เขาจะรู้สึกดีกับการได้เคลื่อนไหว ตื่นตัว และสนุก แถมยังช่วยให้กล้ามเนื้อขาหลังแข็งแรงอีกด้วย
- ในระยะแรกที่น้องหมาเดินด้วย 2 ขาจะเป็นลักษณะการกระโดด อาจจะส่งผลเสียต่อข้อเท้าน้องหมาได้ แนะนำว่า ไม่ควรให้น้องหมาเดินบนพื้นกระเบื้อง หรือที่ลื่นๆ นะคะ ให้ฝึกน้องหมาที่สนามหญ้า หรือพื้นดินที่ไม่เรียบ เพราะเมื่อเขากระโดดลำบาก จะค่อยๆใช้วิธีก้าวขาเดินแทนค่ะ (ถ้าเป็นเมืองนอกที่มีหิมะตก เขาจะให้น้องหมาเดินที่หิมะ เพื่อจะหัดก้าวขาค่ะ)
- ฝึกบ่อยๆ จนกว่าน้องหมาจะสามารถเดิน 2 ขาได้ค่ะ วินัย และความอดทนจำเป็นที่สุดค่ะ ^^
การฝึกในกรณีพิการขาหลังทั้ง 2 ข้าง หรือ 2 ขาหน้าที่ต้องใช้วีลแชร์ (Wheelchair)
ถ้าน้องหมาพิการขาหลังทั้ง 2 ข้าง ปกติเขาก็จะใช้ขาหน้าเดิน ส่วนขาหลังก็ลากตามไปกับพื้น หรือยกขาหลังขึ้นเหนือพื้นใช้เท้าหน้าเดิน ส่วนน้องหมาที่สูญเสียขาหน้าแล้วไม่สามารถเดินได้ก็ต้องกระโดดไป คลานไป ใครเห็นก็รู้สึกสงสาร ผู้เลี้ยงหลายคนจึงต้องหาวีลแชร์มาใส่ให้น้องหมาเพื่อจะได้เคลื่อนไหวสะดวก แต่ก็ใช่ว่าน้องหมาทุกตัวจะชอบหรือคุ้นกับวีลแชร์ทุกตัวนะคะ บางตัวอาจจะรู้สึกรำคาญ พยายามสลัดออก บางตัวกลัวไม่ยอมก้าวเดินไปไหน ดังนั้นเพื่อนๆ จึงต้องฝึกความเคยชินให้แก่น้องหมาค่ะ แน่นอนว่าเครื่องมือชิ้นสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นน้องหมาให้ตื่นตัวก็คือขนมกลิ่นแรงๆ เพื่อใช้เป็นตัวล่อ เบี่ยงเบนความสนใจของเขานั้นเอง จากนั้นก็ให้ใส่สายจูงค่อยๆ พาเขาเดิน ประคอง หรือช่วยดันวีลแชร์ให้เคลื่อนไปข้างหน้า เมื่อน้องหมารู้สึกเคลื่อนไหวได้เป็นอิสระ เขาก็จะไม่สนใจวีลแชร์ว่าเป็นส่วนเกินในชีวิตอีกต่อไป แล้วก็สามารถเดินได้อย่างปกติค่ะ
น้องหมาพิการการมองเห็น
ดวงตาเป็นอีกอวัยวะหนึ่งที่สำคัญเช่นเดียวกับหู และจมูก โดยปกติแล้ว เมื่อน้องหมาอายุมากขึ้นก็จะประสบปัญหาเป็นต้อ ตาฝ่าฟาง และตาบอดในที่สุด น้องหมาอาจจะรู้สึกหงุดหงิด และซึมเศร้าเมื่อตัวเองมองไม่เห็นในช่วงแรก แต่โดยธรรมชาติของพวกเขา ก็จะสามารถปรับตัวได้ในระยะเวลาอันสั้นค่ะ แต่สิ่งที่เราซึ่งเป็นผู้เลี้ยงต้องคำนึงถึงก็คือ เราจะต้องไม่รู้สึกเศร้าหรือแสดงออกว่าสงสารเขาจนมากเกินไป เพราะเขาจะรับรู้ความรู้สึกในด้านลบของเราได้และมีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกของเขาค่ะ ซึ่งสิ่งที่เราสามารถทำให้เมื่อน้องหมาตาบอดก็คือ
- พยายามช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกให้เขา เช่นเก็บของให้เป็นที่ เฟอร์นิเจอร์ที่มีมุมแหลมคมให้ปิดคลุมด้วยฟองน้ำ หรือผ้านุ่มๆ ในแต่ละวันให้ทำกิจกรรมที่เคยทำอยู่เช่นเดิม เช่นพาไปออกกำลังกาย หรือวิ่งเล่น หากต้องการให้เล่นลูกบอล ก็สามารถเล่นลูกบอลที่มีกระพรวนอยู่ข้างในลูกบอลได้ค่ะ เขาจะชอบมากๆ เลย
- ควรติดป้ายชื่อ ที่อยู่ เผื่อว่าน้องหมาเดินออกจากย้านหาทางกลับไม่ถูก ใครพบเห็นจะได้ติดต่อเรากลับมา และควรใส่กระดิ่ง หรือกระพรวนที่ปลอกคอน้องหมา เวลาน้องหมาไปไหนเราจะได้รู้ เพราะบางครั้งเมื่อเรา เรียกเขา เขาอาจจะได้ยิน แต่เดินมาไม่ถูก หลงทิศหลงทางค่ะ
- หากมีน้องหมาอีกตัวที่ตาไม่บอดก็สามารถให้เขาพากันไปเดินเล่นได้ โดยมีเราคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ ค่ะ ซึ่งการพากันไปเดินเล่นจะเป็นการช่วยให้พลังงานที่มั่นคงของอีกตัว ช่วยทำให้น้องหมาตัวที่ตาบอดรู้สึกปลอดภัย และรู้สึกมั่นคงตามไปด้วย ทั้งคู่จะมีการสื่อสารระหว่างกันและช่วยเหลือกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ค่ะ
- ใส่สายจูงน้องหมาพาเดินภายในบ้านให้เขาได้สำรวจเส้นทางโดยไม่ใช้ตามอง เช่น ขึ้นลงบันได เข้าห้องโน้นออกห้องนี้ ปล่อยให้เขาดมกลิ่นทำความรู้จักบ้านในมุมใหม่ และเวลาออกนอกบ้านทุกครั้งก็ต้องใส่สายจูงค่ะ ไม่ควรเปิดบ้านทิ้งไว้ปล่อยให้เขาเดินออกข้างนอกตามลำพังนะคะ เพราะเขาจะหาทางกลับบ้านไม่ถูกค่ะ
การฝึกน้องหมาพิการการมองเห็น
กรณีที่น้องหมาไม่ได้ตาบอดแต่กำเนิด การออกคำสั่งพื้นฐานก็ยังคงสั่งได้เช่นเดิม แต่ขนมที่ให้รางวัลควรเป็นอาหารที่มีกลิ่นแรง เพื่อเขาจะได้รู้ว่ามีอะไรล่อใจเขาอยู่เบื้องหน้าค่ะ
ส่วนน้องหมาที่ยังไม่เคยฝึกวินัย แต่ต้องมาตาบอดเสียก่อน หรือน้องหมาที่ตาบอดแต่กำเนิด เพื่อนๆ สามารถฝึกคำสั่งพื้นฐานได้ตามปกติค่ะ (อ่านเรื่องการฝึกน้องหมาได้ที่บทความ เคล็ด (ไม่) ลับ! การฝึกให้น้องหมารู้จักควบคุมตัวเอง) แต่จะต้องอาศัยเครื่องมือพิเศษในการช่วยฝึกนั่นก็คือ คลิกเกอร์ (Clicker) เพื่อนสามารอ่านวิธีการใช้ คลิกเกอร์ได้ที่บทความ ฝึกให้ได้ผลไวด้วย คลิกเกอร์ และบทความ ได้เวลา! จัดการน้องหมาจอมไฮเปอร์อย่างถูกวิธี)
โดยเริ่มจากสั่งให้น้องหมาทำตามคำสั่ง เช่น บอกให้ นั่ง แล้วให้เราจับช่วงสะโพกน้องหมาค่อยๆ กดลงให้เขารู้ว่านี่คือการนั่ง หรือถ้าให้นิ่งก็รอจนกว่าเขาจะนิ่งค่ะ มือข้างหนึ่งถืออาหารไว้ใกล้กับบริเวณจมูกเพื่อให้สมาธิจนจ่ออยู่กับรางวัลที่เขาจะได้ตอบแทนกลับมา เมื่อเขานั่งหรือนิ่งก็ให้กด Clicker แล้วจึงให้อาหารเขา ลองให้เขาทำตามคำสั่งโดยที่เขานั่งลงเอง กดคลิกเกอร์-ให้รางวัล หลังจากนั้นลองไม่ใช้คลิกเกอร์ เพื่อให้เขาคุ้นชินกับการได้รับคำสั่งเสียงค่ะ ในส่วนของคำสั่งอื่นๆ ก็ทำเช่นเดียวกับคำสั่งนั่งนะคะ แล้วอย่าลืมคำชมเช่นเดิมค่ะ กำลังใจสำคัญจริงๆ น้า ^^
น้องหมาพิการการได้ยิน
น้องหมาที่พิการทางหูสามารถสังเกตได้ค่อนข้างยาก บางคนรับน้องหมามาเลี้ยงโดยที่ไม่รู้เลยว่าน้องหมาหูหนวก หรือแม้แต่น้องหมาที่เราเลี้ยงอยู่ แล้ววันหนึ่งหูหนวกก็แทบจะไม่แสดงอาการอะไรให้เราเห็นได้ชัดเจน ดังนั้นก่อนที่เราจะไปฝึกน้องหมาหูหนวก จึงต้องรู้วิธีสังเกตว่าน้องหมาหูปกติหรือไม่ด้วยวิธีง่ายๆ ดังนี้ค่ะ
- ดูว่าเวลาเราเรียกน้องหมา เขามีปฏิกริยาอย่างไร ถึงไม่เดินมาหา หูเขากระดิกไหม
- เวลาเราออกคำสั่ง เขาสามารถจดจ่ออยู่กับคำสั่ง และตอบสนองต่อคำสั่งหรือไม่
- สังเกตหากขามักกระโดดหนี เวลาเราเดินเข้าไปใกล้ ซึ่งเป็นลักษณะอาการตกใจแบบไม่ทันตั้งตัว เวลามีใครเดินเข้าหาหรือไม่
- ลองตะโกนเวลาเขานอนหลับ ถ้ายังนอนนิ่งๆ ไม่มีการตื่นตกใจ หรือตอบสนองใดๆ นั่นแสดงว่าน้องหมามีปัญหาการได้ยิน ควรพาไปพบสัตวแพทย์ เพื่อทำการทดสอบและทำการรักษาต่อไป
ในส่วนการดูแลน้องหมาเพื่อนๆ จะต้องใส่กระพรวนให้น้องหมา เพื่อนรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เพราะเวลาเราเรียกเขา เขาจะไม่ได้ยินค่ะ เราต้องเป็นฝ่ายตามหาเขาเอง แล้วเมื่อจะเข้าหาน้องหมาหูหนวก ควรเอื้อมมือสัมผัสเบาๆ บริเวณไหล่ หรือวางมือไว้บริเวณจมูกเพื่อให้เขาได้กลิ่น จะได้ไม่ตื่นตกใจค่ะ เพื่อนๆ ควรให้น้องหมาอยู่ภายในบ้าน หรือบริเวณที่มีรั้วรอบขอบชิด เพราะเขาจะไม่ได้ยินเสียงรถตามท้องถนน อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ค่ะ และหากจะพาน้องหมาไปออกกำลังกาย หรือออกน้องบ้านก็ควรใส่สายจูงทุกครั้ง นอกจากนี้ควรติดป้ายชื่อน้องหมา ที่อยู่เบอร์ติดต่อของเราไว้ที่ปลอกคอด้วย นะคะ
วิธีการฝึกน้องหมาพิการการได้ยิน
สิ่งเดียวที่ต้องฝึกเมื่อน้องหมาบกพร่องทางการได้ยินก็คือ การฝึกภาษามือให้แก่น้องหมาค่ะ ซึ่งปกติถึงแม้จะไม่ใช่น้องหมาหูหนวกก็มีภาษามือไว้สื่อสารอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อน้องหมาหูหนวกเราก็สามารถนำภาษามือน้องหมามาเลือกใช้ได้ ตั้งแต่ 20 50 คำเชียวล่ะค่ะ น้องหมาความจำดีมากๆ สามารถจำได้หมด ส่วนผู้เลี้ยงก็ต้องมีความอดทนและมีวินัยต่อการฝึก โดยการฝึกจะเริ่มจากการให้น้องหมาอยู่ในที่ปิด ไม่มีสิ่งใดเบี่ยงเบนความสนใจ ทำภาษามือ เช่น นั่ง ยืนฝ่ามือออกไปนอกตัว ให้เขาเห็นตรงหน้า (อย่าลืมขนมไว้หลอกล่อนะคะ) เคลื่อนขึ้นลงจนกว่าเขาจะนั่งลงกับพื้น แล้วจึงให้ขนมเป็นรางวัลค่ะ
เพื่อนๆ สามารถศึกษาเรื่องภาษามือสำหรับน้องหมาได้จากหนังสือ Dogs Can Sign Too: A breakthrough method for teaching your dog to communicate to you เขียนโดย Sean Senechal หรือเข้าไปดูที่บทความ Daily Dog พลิกชีวิต! น้องหมาหูหนวกเรียนรู้ภาษามือ ค่ะ มีวิดีโอให้เพื่อนๆ ได้ดูด้วย
น้องหมาพิการการรับรู้กลิ่น
จมูกถือได้ว่าเป็นอวัยวะที่สำคัญมากที่สุดของน้องหมาเลยก็ว่าได้ พวกเขาทำความรู้จัก และรับรู้สิ่งต่างๆ ด้วยการดมกลิ่ม แม้กระทั่งการกินอาหาร ความสนใจของเขาจะอยู่ที่กลิ่นของอาหารเป็นหลัก ไม่ใช่การรับรู้รสชาติของอาหาร ดังนั้นน้องหมาที่ไม่สามารถรับรู้กลิ่นได้มักมีสาเหตุมาจากประสาทสมองเส้นที่ 1 ซึ่งเป็นเส้นประสาทการรับรู้กลิ่นได้รับความเสียหาย ถ้าไม่ได้รับการดูแลที่ดีจากผู้เลี้ยงก็มีโอกาสเสียชีวิตได้ เนื่องจากไม่สามารถกินอาหาร และดำรงชีวิตได้ตามปกติ ผู้เลี้ยงจึงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเหลือน้องหมาด้วยวิธีการดังนี้ค่ะ
- เมื่อน้องหมากินอาหารอาจจะต้องนำอาหารแตะที่ริมฝีปากน้องหมาเพื่อให้เขาได้เลียรับรู้รสค่ะ เพราะถ้าวางอาหารให้เขากินเอง เขาเมินแน่นอนเพราะไม่สามารถรับรู้กลิ่นอาหารได้ หรืออาจจะอุ่นอาหารให้มีอุณหภูมิสูงขึ้นเพื่อกระตุ้นประสาทสัมผัสการรับรสให้เพิ่มขึ้นอีกก็จะดีมากๆ เลยล่ะค่ะ
- วางของเล่นที่เป็นของน้องหมาให้เป็นที่ เพื่อที่เขาจะสามารถรู้ตำแหน่งของสิ่งของ ไม่พยายามดม หรือวิ่งพล่านทั่วบ้านเพื่อหาของเล่นหรือตุ๊กตาของตัวเองค่ะ
- เวลาพาน้องหมาไปออกกำลังกายให้ใส่สายจูงไปด้วย เพราะถ้าปล่อยให้เขาไปไหนได้ตามอิสระ อาจเดินไปไกล ดมกลิ่นหาทางกลับบ้านไม่เจอค่ะ เพราะต่อให้เขาฉี่ทิ้งไว้เป็นจุดๆ ก็ไม่สามารถตามดมได้อยู่ดี แล้วก็ติดป้ายชื่อกับเบอร์โทรศัพท์ของเราไว้ที่ปลอกคอน้องหมาไว้ด้วยนะคะ กันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ
- ในส่วนของการฝึก ขนมเป็นสิ่งจำเป็นที่ใช้เป็นตัวล่อน้องหมา ถ้าน้องหมาไม่ได้กลิ่นอาหาร ก็ยากจะมีอะไรดึงความสนใจเขา จึงต้องใช้ คลิกเกอร์เป็นตัวช่วย ใช้ของเล่นเป็นตัวล่อ แล้วให้การเล่น คำชม หรือภาษากายเช่นตบที่ไหล่เบาๆ เป็นรางวัลแก่น้องหมาแทนค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ การฝึกน้องหมาที่พิการ ดูไม่ยาก หรือแตกต่างจากการฝึกน้องหมาปกติใช่ไหมคะ แต่ก็อย่างที่บอกไปในตอนต้นนะคะว่าการฝึกน้องหมาพอการต้องอาศัยความพยายามของผู้เลี้ยงอย่างมาก นอกจากนี้แล้วความรักและการเอาใจใส่ก็เป็นสิ่งสำคัญมากๆ เช่นกันค่ะ เราต้องไม่รู้สึกสงสาร เห็นใจ หรือทุกข์เศร้ากับความพิการของเขา เพราะจะทำให้เขาขาดสมดุลทางอารมณ์ และตกอยู่ในภาวะหดหู่ได้ ดังนั้นผู้เลี้ยงต้องคิดเสมอว่า เขายังมีความปกติเช่นน้องหมาตัวอื่นๆ การพาไปออกกำลังกาย การฝึกวินัย และการให้ความรัก ยังจำเป็นต่อเขามากๆ ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ ในเมื่อเขาไม่สมบูรณ์ทางกาย ก็มีเพียงจิตในที่เราจะช่วยเหลือเขาให้สมบูร์ได้ไม่มีเปลี่ยนแปลงค่ะ ^^
บทความโดย : Dogilike.com
ข้อมูลอ้างอิง
http://www.dailymail.co.uk/news/article-2217961/Naughty-
deaf-dog-trained-finally-brought-heel-using-SIGN-LANGUAGE.html
deaf-dog-trained-finally-brought-heel-using-SIGN-LANGUAGE.html
http://www.deafdogs.org/training/
http://www.ehow.com/how_4478769_tell-puppy-deaf.html
http://dogs.about.com/od/dogtraining/a/Training-Dogs-Using-Hand-Signals.htm
https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=Ee4Ago9v9-k#!
http://www.cesarsway.com/tips/dogtraining/Deaf-Dog
http://www.wikihow.com/Teach-Your-Dog-to-Stand-on-Two-Legs-and-Walk
http://www.ehow.com/how_7561_train-blind-dog.html
http://www.blinddogs.net/blind_dog_tips.html
รูปภาพประกอบ
lifeasahuman.com
funkydowntown.com
www.en-derin.com
www.buamai.com
www.likeyou.me
www.rural-revolution.com
now.msn.com
https://www.youtube.com/watch?v=zYXAUJHonQ8
www. http://www.dailymail.co.uk/news/article-2217961/
Naughty-deaf-dog-trained-finally-brought-heel-using-SIGN-LANGUAGE.html
Naughty-deaf-dog-trained-finally-brought-heel-using-SIGN-LANGUAGE.html
www.thesun.co.uk
www.dogcentral.info
pets.webmd.com
www.treehugger.com
abcnewsradioonline.com
icio-dog.ru
icio-dog.ru
SHARES