ปกติผู้สูงอายุแค่เดินเหินให้คล่องแคล่วตามปกติก็ลำบากมากแล้ว ถ้าจะมีน้องหมาเดินไปเดินมา พันแข้งพันขา กระโดด กระโจนก็อาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หรืออาจโดนกัดโดยที่น้องหมาไม่ได้ตั้งใจได้ ดังนั้น ในครอบครัวที่มีทั้งผู้สูงอายุและน้องหมาเป็นสมาชิก ผู้ที่อาศัยร่วมกับผู้สูงอายุหรือแม้แต่ผู้สูงอายุเองจำเป็นต้องฝึกน้องหมาอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งแกนหลักของเทคนิคในการฝึกให้น้องหมาอยู่ร่วมกับผู้สูงอายุได้ก็คือ การทำให้น้องหมามีอารมณ์ที่มั่นคง สุขุม ระงับความตื่นเต้น ตื่นกลัวได้ และ สามารถดูแลอยู่ร่วมกัยผู้สูงอายุได้ด้วยความรักค่ะ 

     วันนี้คอลัมน์ การฝึกและการสื่อสาร พริกก็มีเทคนิคดีๆ ในการฝึกน้องหมาให้อยู่ร่วมกับคนแก่ได้อย่างปลอดภัยมาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ ... อยากรู้ว่าต้องทำยังไงบ้าง ไปดูกันเลย

 

 

 

     การอยู่ในความสงบ มีสภาวะอารมณ์ที่มั่นคงถือได้ว่าสำคัญมากที่สุดสำหรับการอยู่ร่วมกับผู้สูงอายุ เพราะถ้าน้องหมาควบคุมตัวเองไม่ได้ เกิดวิ่งชน กระโดดใส่ผู้สูงอายุ พยายามพังประตูเมื่อได้ยินเสียงพลุดัง ตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นเจ้าของหรือคนแปลกหน้าก็กระโจนกระโดดเข้าหาทันที  ซึ่งล้วนก็เป็นสาเหตุที่นำมาซึ่งความเดือดร้อนเหนือการควบคุมและกลายเป็นปัญหาแก่ผู้สูงอายุ

 

     เทคนิคการจัดการเพื่อให้น้องหมาอยู่ในความสงบ เริ่มต้นที่เจ้าของต้องเพิกเฉยต่ออาการไฮเปอร์ ตื่นเต้นของน้องหมา  เพราะเมื่อเราให้ความสนใจแก่พวกเขาก็เท่ากับว่าพวกเขาได้รับการยอมรับ การสนับสนุนให้ทำพฤติกรรมนั้น สิ่งที่เราควรทำคือ ไม่มอง ไม่สัมผัส ไม่พูด แม้จะดูทำง่าย แต่ต้องใช้ความอดทด ห้ามใจอ่อนเด็ดขาดค่ะ
 

      นอกจากนี้ ผู้เลี้ยงที่อยู่ร่วมกับผู้สูงอายุควรพาน้องหมาไปออกกำลังกาย เพื่อเผาผลาญพลังงานให้น้อยลง เพราะเมื่อพวกเขาเหนื่อยก็จะต้องการนอนพัก สงบเสงี่ยมมากขึ้น โอกาสสร้างปัญหาก็จะลดลงค่ะ ส่วนกรณีที่ผู้สูงอายุเลี้ยงน้องหมาเองไม่มีคนช่วยดูแล ก็สามารถพาน้องหมาไปเดินเล่นรอบบ้านวันละนิดเป็นประจำทุกวันเช้า- เย็น ก็จะช่วยให้น้องหมาสงบลง และเกิดความรู้สึกมั่นคงที่ได้เดินอยู่เคียงข้างเจ้านายของตนค่ะ (อ่านเพิ่มเติมรายละเอียดได้ที่บทความ ได้เวลา! จัดการน้องหมาจอมไฮเปอร์อย่างถูกวิธี ค่ะ)

 

 

 

     สิ่งที่ผู้สูงวัยควรปฏิบัติ : อันดับแรกคือผู้เลี้ยงที่เป็นผู้สูงอายุควรจะรู้ว่าพลังงานของตัวเองมีมากหรือน้อย เหมาะสมที่จะเลี้ยงน้องหมาหรือไม่ น้องหมาสายพันธุ์เหมาะสมกับตนเอง เช่น ถ้าเป็นคนชอบอยู่นิ่งๆ อาจเหมาะกับเลี้ยงน้องหมาชิสุหรือปักกิ่ง เป็นต้นค่ะ
 

     อีกนัยหนึ่ง น้องหมาที่เราเลี้ยงก็จะเป็นดั่งกระจกสะท้อนพลังงานของผู้เลี้ยงเองด้วย ถ้าผู้เลี้ยงสุขุม ไม่ตื่นตัวตกใจง่าย น้องหมาก็จะรับรู้พลังงานที่เรามีแต่ส่งพลังงานที่มั่นคงนั้นตอบกลับมา ในทางตรงกันข้าม ถ้าผู้เลี้ยงชอบพูดเสียงสูงๆ ขี้โวยวาย ตกใจง่าย น้องหมาก็จะตื่นตัว สมาธิสั้น อารมณ์ไม่มั่นคงตามไปด้วย นั่นหมายความว่า น้องหมาจะมีความสงบสุขุม นิ่งสงบได้กับทุกสถานการณ์หรือไม่ขึ้นอยู่กับพลังงานของผู้เลี้ยงค่ะ อ้อ ... อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากๆ นั่นก็คือ อย่าใจอ่อนกับน้องหมา อย่าโอ๋ ยอมปลอมใจ เมื่อพวกเขายังไม่นิ่งเด็ดขาด มิเช่นนั้นพวกเขาจะยิ่งได้ใจ กู่ไม่กลับล่ะค่ะทีนี้ (อ่านเพิ่มเติมบทความ จิตวิทยาง่ายๆ ในการฝึกตนเองให้เป็น "จ่าฝูง" ของสุนัข  และบทความ ทำอย่างไร!? ให้น้องหมายอมรับเราเป็นเจ้าของ ค่ะ)

 

 

 

 

 

 

     เช่นเดียวกันกับการฝึกให้น้องหมาอยู่ในความสงบ คือมีจุดประสงค์เพื่อให้น้องหมาไม่สร้างความเดือดร้อน หรืออาการบาดเจ็บแก่ผู้สูงอายุจากอันเกิดจากพฤติกรรมก้าวร้าวของน้องหมา การสั่งให้น้องหมานั่ง นิ่ง นอน หมอบ ได้นั้นจะช่วยลดโอกาสและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้ เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ 

     การฝึกให้เชื่อฟังอย่างเคร่งครัดเป็นหน้าที่ของคนในครอบครัวที่จะต้องช่วยกันปฏิบัติ วางเงื่อนไขให้เป็นไปในทางเดียวกัน เช่น ให้น้องหมานั่งคอยอยู่นิ่งๆ เมื่อมีคนแปลกหน้ามาเรียกที่ประตูบ้าน หรือ ให้หมอบนอนรอก่อนที่จะกินอาหาร เป็นต้น นอกจากนี้การสั่งให้ปล่อยของออกปากก็เป็นอีกหนึ่งคำสั่งที่จำเป็นอย่างมากสำหรับการอยู่ร่วมกับผู้สูงอายุ เพราะน้องหมาบางตัวชอบเล่นชักคะเย่อ ยื้อยุดไม่ยอมปล่อยของ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุแก่ผู้สูงอายุได้ หรือบางตัวหวงของอาจแว้งกัด ด้วยเหตุนี้เองการฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรปล่อยปะละเลยเป็นอันขาดค่ะ  (อ่านเพิ่มเติมบทความ เคล็ด (ไม่) ลับ! การฝึกให้น้องหมารู้จักควบคุมตัวเอง บทความ ทำอย่างไร!? กับนิสัยขี้หวงของน้องหมาบางแก้ว และ เทคนิคการฝึกน้องหมาให้ปล่อยของออกจากปากค่ะ)

 

     สิ่งที่ผู้สูงวัยควรปฏิบัติ : ผู้สูงวัยควรปฏิบัติตามเงื่อนไข การสร้างวินัยเราได้ฝึกน้องหมาอย่างเคร่งครัดเช่นกัน เพราะถ้าหากทำบ้าง ไม่ทำบ้าง น้องหมาจะสับสนกับคำสั่ง และท้ายที่สุดก็จะปฏิเสธไม่ยอมรับและไม่ปฏิบัติตามค่ะ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปยื้อแย่งของจากปากน้องหมา เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ หกล้ม หรือ ถูกกัดได้ค่ะ (อ่านเพิ่มเติมบทความ การฝึกน้องหมาให้รู้จักกฎระเบียบของบ้าน http://www.dogilike.com/content/train/2129 ค่ะ)

 

 

 

 

 

     น้องหมาที่สามารถเข้าสังคมได้ เป็นมิตรกับคนแปลกหน้า สัตว์ชนิดอื่นๆ สามารถปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ สามารถลดปัญหาที่เกิดจากความตื่นตระหนก ความไม่มั่นคง หวาดกลัว จนกลายเป็นพฤติกรรมเกินการควบคุมของผู้สูงวัยที่ไม่ค่อยกระชับกระเฉง ร่างกายไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ อีกทั้งการพาน้องหมาออกไปเดินเล่นตั้งแต่ยังเล็ก สอนให้พวกเขาได้เรียนรู้สังคม รู้จักระงับความตื่นเต้น หวาดกลัว ความก้าวร้าว จะเป็นการช่วยให้น้องหมารู้จักการเข้าหา และเปิดรับคนหรือสัตว์อื่นๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไปค่ะ (อ่านเพิ่มเติม บทความ ฝึกลูกหมาตัวน้อยให้เข้าสังคมแบบมืออาชีพ ค่ะ)

 

     สิ่งที่ผู้สูงวัยควรปฏิบัติ : เมื่อพาน้องหมาเข้าสังคม สิ่งที่ผู้สูงอายุต้องระมัดระวังก็คือการควบคุมน้องหมาไม่ให้ตื่นเต้น ตื่นกลัวต่อคนหรือสัตว์ตัวอื่นๆ แต่ถ้าน้องหมาเกิดแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ขู่คนแปลกหน้า กระโจนใส่น้องหมาตัวอื่น ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ โดยการไม่ตะคอก ร้องโวยวาย หรือปกป้องน้องหมาของตน เพราะนั่นจะยิ่งเป็นการทำให้น้องหมาได้ใจ รู้สึกถึงความไม่มั่นคงทางอารมณ์ของเจ้าของ ซึ่งจะยิ่งกระตุ้นความก้าวร้าวให้มากขึ้น ทางที่ดีควรกระตุกสายจูงให้น้องหมาได้สติ สั่งให้นั่งลงนิ่งๆ แล้วเมื่อน้องหมายอมทำตามก็อย่าลืมขนมเป็นของรางวัล หรือ การตบไหล่เบาๆ พร้อมคำชมค่ะ

 

 

 

 

     การฝึกให้น้องสามารถดูแลผู้สูงอายุได้นั้นค่อนข้างเป็นเรื่องยากที่น้องหมาทุกตัวจะสามารถฝึกได้นะคะ เพราะขึ้นอยู่กับความฉลาดเฉลียว ความมีวินัย และความอดทนของน้องหมาเป็นสำคัญ แต่ถ้าน้องหมาตัวใดมีแววสามารถฝึกให้ดูแล อำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุได้ ก็จะเป็นการสร้างความผูกพันให้แก่น้องหมากับผู้สูงอายุมากขึ้นให้แน่นแฟ้นมากขึ้นด้วยความรักและความรับผิดชอบค่ะ
 

     ซึ่งการฝึกขั้นพื้นฐานให้น้องหมาทำตามคำสั่งในการช่วยเหลือผู้สูงก็เช่น การให้น้องหมาหยิบสิ่งของ การให้ค้นหาสิ่งของ การปิดประตู เป็นต้นค่ะ ลองมาดูวิธีฝึกทั้ง 3 อย่างกันนะคะ ในกรณีนี้ ถ้าผู้สูงอายุไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะฝึกน้องหมา ก็สามารถให้สมาชิกคนอื่นในบ้านเป็นผู้ฝึกให้ก็ได้ค่ะ 

 

     การฝึกให้หยิบสิ่งของ

 

 

 

      - สั่งให้น้องหมาไปหยิบของเล่นที่อยู่ตรงหน้าด้วยคำสั่ง “เอามา” หรือ “หยิบมา” พร้อมกับชี้นิ้วไปที่ของเล่นซึ่งวางอยู่
 

      - พยายามเรียกหรือสร้างแรงจูงใจที่จะกระตุ้นให้น้องหมาไปคาบของเล่น แล้วทันทีที่พวกเขาคาบของเล่นให้กดคลิกเกอร์ และให้ขนมเป็นรางวัล
 

      - ลองให้น้องหมาไปหยิบสิ่งของเล่นชิ้นเดิม พยายามเรียกให้น้องหมาคาบแล้วเดินมาหาเราใกล้ขึ้น เมื่อน้องหมาเดินหา ให้กดคลิกเกอร์ และให้ขนมทันที ใช้ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งน้องหมาสามารถเอามาให้เราได้ถึงมือ
 

     - ให้ลองนำของเล่นวางไว้ที่ห้องอื่น สั่งให้น้องหมาไปเอามา ถ้าพวกเขาทำตามคำสั่ง ก็มอบของรางวัลชิ้นใหญ่ไปเลย 
 

     - ถ้าต้องการให้น้องหมาจำชื่อสิ่งของได้ ให้เพิ่มชื่อสิ่งของเข้าไป เช่น "เอา ตระกร้า มา" แล้วเริ่มฝึกใหม่เหมือนตอนต้นค่ะ

 

 

     
     การฝึกให้หาสิ่งของ

 

 

 

     (ในกรณีที่น้องหมาสามารถรู้จักชื่อสิ่งของ จะสามารถฝึกด้วยวิธีนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ) 
 

     - เริ่มโดยให้มีขนมกลิ่นหอมๆ สักชิ้นกำแอบไว้ในมือใดมือหนึ่ง ส่วนอีกมือกำไว้หลอกเฉยๆ จากนั้นออกคำสั่งว่า “หา!” เมื่อน้องหมาหาได้แล้ว ก็ให้ลองสลับไขว้มือให้พวกเขาหาอีกครั้ง ทำอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ประมาณ 10 ครั้งค่ะ แล้วจึงให้ขนมเป็นรางวัลค่ะ
 

      - จากนั้นให้เอาอาหารไปไว้ที่อื่นห่างประมาณสัก 5-10 เมตร  ใส่สายจูงให้น้องหมา ปล่อยให้น้องหมาหาขนม เมื่อพวกเขาหาขนมที่วางอยู่บนพื้นเจอ ก็ให้พาน้องหมากลับมาตั้งต้นที่เดิม แล้วจึงสั่งว่า “หา!” ซึ่งน้องหมาก็จะเดินไปที่เดิมแล้วก็ได้ขนมเป็นรางวัล ลองฝึกอย่างนี้หลายๆ ครั้ง เปลี่ยนไปหลายๆ ที่นะคะ
 

      -  ต่อไปให้น้องหมานั่งรอ หรือ มีอีกคนคนหนึ่งถือสายจูงไว้ โดยปล่อยให้น้องหมาเห็นเราเอาขนมไปวางแอบในที่ที่หาง่ายๆ จากนั้นค่อยเดินกลับมาหาน้องหมา แล้วออกคำสั่งเพิ่มไปว่า “หาขนม!” โดยเราจะช่วยกระตุ้นให้น้องหาเดินไปหาขนมตามที่ที่เราซ่อนไว้ เมื่อน้องหมาได้ขนมเป็นรางวัลแล้วก็อย่าลืมคำชมนะคะ ลองให้น้องหมาหาเช่นนี้อีกประมาณ 4-5 ครั้งค่ะ
 

      -  ลองทำเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ให้ลองซ่อนขนมหลายๆ  ชิ้นในที่ที่น้องหมาหาง่ายๆ ปล่อยให้น้องหมาเห็นว่าเราซ่อนขนมไว้ตรงไหน จากนั้นเดินกลับมาที่น้องหมาบอกให้หาขนม โดยไม่พยายามช่วยพวกเขาหา ปล่อยค่อยๆ ดมหาขนมเจอเองค่ะ
 

     -  ลองซ่อนขนมหลายๆ ชิ้นอีกครั้งในบริเวณเดิม แต่ครั้งนี้จะไม่ให้น้องหมาเห็นว่าเราเอาของไปไว้ไหน แล้วจึงค่อยสั่งให้พวกเขาหา พวกเขาอาจใช้เวลานานกว่าครั้งอื่นๆ ต้องอาศัยความอดทนของเราและน้องหมาค่ะ
 

     -  เปลี่ยนสถานที่ซ่อนให้ยากขึ้น เช่นในกล่องใต้พรม ใต้ตู้ ปล่อยให้พวกเขาใช้ความสามารถในการดมกลิ่นออกตามหา เราสามารถเปลี่ยนสิ่งของไปตามที่เราต้องการให้พวกเขาหาได้โดยเริ่มฝึกตั้งแต่ การฝึกให้หยิบของ เพื่อรู้จักชื่อสิ่งของ เมื่อน้องหมาหาของเจอให้ขนมเป็นรางวัล อย่างไรก็ตามการฝึกแต่ละครั้งไม่ควรเกิน 15-20 นาทีนะคะ

     การฝึกให้ปิดประตู

 

 

 

     - ใช้ไม้ฝึกสุนัข (Training Stick หรือ Touch Stick) ยื่นไปที่ประตูซึ่งเปิดอยู่ 

วิธีง่ายๆ ในการใช้ Training Stick หรือ Touch Stick ในการฝึกน้องหมา หรืออ่านเพิ่มเติมวิธีการใช้ไม้ฝึกได้ที่บทความ อยากฝึกน้องหมา แต่ไม่ค่อยมีเวลาควรทำอย่างไร  ค่ะ

     - เมื่อน้องหมาเอาจมูกมาสัมผัสกับปลายไม้ฝึกสุนัขซึ่งมียางหุ้มอยู่ ประตูจะเคลื่อนปิดเล็กน้อย ให้กดคลิกเกอร์ (Clicker) และให้ขนมน้องหมาเป็นรางวัล ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ น้องหมาจะรู้ว่าสัมผัสปลายไม้ ประตูเคลื่อนเท่ากับรางวัล 

     - ให้ชี้ไม้ฝึกไปที่ประตู แล้วพูดคำว่า "เปิดประตู" เมื่อน้องหมาเอาจมูกมาชนปลายไม้ฝีกที่อยู่บริเวณประตูแล้วให้กดคลิกเกอร์ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ

     - พูดคำว่า "เปิดประตู" รอให้น้องหมาลองผลักประตูด้วยจมูก กดคลิกเกอร์ ให้รางวัล

     - เมื่อน้องหมาผลักจนปิดประตูได้ให้กดคลิ้กเกอร์ และมอบของรางวัลชิ้นใหญ่ เป็นขนมสุดพิเศษ

     - จากนั้นให้เพิ่มคำสั่งว่า “ปิด” เมื่อน้องหมาปิดประตู กดคลิกเกอร์ ให้รางวัลชิ้นพิเศษ ทำเช่นนี้หลายๆ รอบ จนกว่าพวกเขาจะสามารถทำตามคำสั่งได้ค่ะ (อ่านเพิ่มเติมการใช้คลิกเกอร์ และไม้ฝึกสุนัขได้ที่บทความ อยากฝึกน้องหมา แต่ไม่ค่อยมีเวลาควรทำอย่างไร ค่ะ )

 

     สิ่งที่ผู้สูงวัยควรปฏิบัติ : ในการฝึกให้น้องหมาค้นหาสิ่งของ ควรให้สมาชิกคนอื่นในครอบครัวเป็นผู้ฝึกให้ เพราะน้องหมาอาจจะตื่นตัวมาก ฉุดสายจูง วิ่งหาของ จนอาจเกิดอันตรายแก่ผู้สูงอายุได้ค่ะ

 

 

 

 

 

 

      วิธีนี้เป็นทางเลือกเสริมเผื่อไว้สำหรับการช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย สร้างความสุขุม สมดุลทางอารมณ์ให้แก่น้องหมาระหว่างวัน โดยเฉพาะกับน้องหมาที่อาศัยอยู่ในบ้านร่วมกับผู้สูงอายุ การใช้กลิ่นและดนตรีบำบัดจะสามารถช่วยทั้งคนและน้องหมารู้ฝึกสบาย ผ่อนคลาย ลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ บรรเทาความเจ็บปวดของร่างกาย และรู้สึกปลอดภัยร่วมกัน ซึ่งกลิ่นลาเวนเดอร์ กลิ่นกุหลาบ และดนตรีคลาสสิคจะสามารถใช้สำหรับการบำบัดได้เป็นอย่างดีค่ะ (อ่านเพิ่มเติมรายละเอียดการบำบัดด้วยกลิ่นและดนตรีได้ที่บทความ บำบัดน้องหมาด้วยการรักษาแบบแพทย์ทางเลือก ค่ะ) 

 

     
     สิ่งที่ผู้สูงวัยควรปฏิบัติ : ทั้งการใช้กลิ่นบำบัดจะมีวิธีการใช้ที่หลากหลาย บางชนิดจะเป็นการใช้สารสกัดหยดลงไปในน้ำดื่มของน้องหมา หรือ หยดบนฝ่ามือของเราและถูกบริเวณส่วนต่างๆ ของน้องหมา ซึ่งผิวและประสาทการรับกลิ่นของน้องหมาจะอ่อนไหวง่ายมากเป็นพิเศษ  ควรอ่านวิธีใช้อย่างละเอียดว่าสามารถทาบริเวณผิวหนังส่วนใดของน้องหมาได้บ้าง ส่วนใดต้องห้าม หรือสามารถหยดสารสกัดลงในน้ำดื่มได้ในปริมาณเท่าไหร่ถึงจะไม่ส่งผลต่อประสาทการรับกลิ่นที่มากเกินไปสำหรับน้องหมา อย่าลืมนะคะว่าพวกเขาสามารถรับรู้กลิ่นได้มากกว่าเรา จึงไม่ควรเอาการรับรู้ของเราเป็นบรรทัดฐานค่ะ 

 

 

     หากมองภาพรวม เพื่อนๆ จะเห็นว่าการฝึกน้องหมาให้อยู่ร่วมกับผู้สูงอายุนั้นอาจไม่แตกต่างจากการฝึกน้องหมาโดยทั่วไป แต่สิ่งที่ต่างกันคือ การสัมฤทธิ์ผลจากการฝึกที่จะมีผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ หากผู้ฝึกน้องหมาและผู้สูงอายุไม่สามารถจัดการหรือควบคุมกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมของน้องหมาได้ก็จะทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เกิดความเสียหายทั้งสุขภาพกาย ใจ และทรัพย์สิน เพราะฉะนั้น ต้องระวัง ... อย่ามองข้ามความปลอดภัยนะคะ ^^

 

บทความโดย : Dogilike.com

 

ข้อมูลอ้างอิง :

http://www.wikihow.com/Train-Your-Service-Dog-Without-a-Professional-Trainer

http://www.prevention.com/health/healthy-living/how-train-your-dog-be-therapy-dog

http://www.whole-dog-journal.com/issues/14_5/features/Training-Hyperactive-Dogs_20259-1.html

http://www.cesarsway.com/tips/problembehaviors/5-tips-for-calming-a-hyperactive-dog#ixzz2hyR8veCC

http://www.doggiebuddy.com/topics/Trainingtopics/traintopic3.html

doblelol.com

 

ภาพประกอบ :

www.houstoninhomedogtraining.com

www.999dogs.com

www.ghulmil.com

www.wikihow.com

www.isaqca.com

www.freakingnews.com

www.thebesthomeinfo.com

hakepa.wordpress.com

www.dailymail.co.uk