อย่างที่รู้ๆ กันว่า การมองตาน้องหมาเป็นการแสดงความท้าทาย แสดงอำนาจเหนือ ถ้าไม่สนิทกันจริงไม่ควรมองตาเด็ดขาด แต่ด้วยธรรมชาติคนเรา มักติดกับการมองตาเพื่ออ่านและส่งผ่านความรู้สึกจากจิตใจ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมองตาน้องหมา ชื่นชมความน่ารัก ถ่ายทอดความรัก ความกลัว ความโกรธของเราไปถึงพวกเขา 

 

     ดังนั้นเพื่อเป็นการระวังภัย เตือนให้เพื่อนๆ ได้รับรู้ว่าน้องหมาพร้อมให้เข้าใกล้ได้หรือไม่ บทความความฝึก การสื่อสารครั้งนี้ จึงมาแนะนำวิธีการอ่านภาษาตาของให้เข้าใจอารมณ์ ความรู้สึกของพวกเขาอย่างถูกต้อง และ สื่อสารอย่างถูกวิธี  

 

 

 

 

 

     เมื่อน้องหมาจ้องตาเขม็ง พร้อมกับแยกเขี้ยวยิงฟัน เกร็งหน้าจนผิวหนังบริเวณเหนือจมูกย่นขึ้น  แสดงว่าพวกเขาอารมณ์ไม่ดี รู้สึกต้องการแสดงอำนาจเหนือ ไม่พบใจ ไม่สบอารมณ์ โดยเฉพาะเมื่อพวกเขากำลังเล่นของเล่น หรือกินอยู่ การจ้องเขม็ง นิ่งไม่ไหวตัว ถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีแล้วล่ะค่ะ ถ้าไปยุ่ง ไปยุแหย่ เอาจะถูกแว้งกัดเอาได้ง่ายๆ นะคะ เพราะพวกเขากำลังรู้สึกหวง แสดงความเป็นเจ้าถิ่น และ ก้าวร้าวให้เห็น ซึ่งเพื่อนๆ สามารถสังเกตดวงตาพร้อมสู้ของเขาได้ ภาษาตาข้อต่อไปค่ะ

 

 

 

 

 

 

     ถ้าเคยดูหนังซามูไร เวลามองดูคู่ต่อสู้ เขาจะมองที่ดวงตาไม่ใช่อาวุธ น้องหมาก็เช่นเดียวกันค่ะ ดวงตาของพวกเขาจะเขม็งมอง แน่วแน่ ก่อนจะเบิ่งตากว้าง แข็งกร้าว เป็นการบอกว่า...จัดการ!!!  พร้อมกระโจนเข้าหาคู่ต่อสู้ เผยอาวุธด้วยการอ้าปากกว้าง เห็นคมเขี้ยวสุดน่ากลัว เตรียมกัดคู่ต่อสู้เต็มกำลัง.....แต่ทางที่ดี ถ้าเห็นน้องหมาเขม่นตามอง ก็ไม่ควรจ้องตาพวกเขา เพิกเฉย เดินไปทางอื่นดีกว่าค่ะ เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วคนที่เห็นน้องหมาทำท่าจะกัด จะหวั่นกลัวจึงจ้องตาน้องหมาตอบ คอยระแวดระวัง แต่นั่นคือฉนวนที่ทำให้น้องหมาตัดสินใจพุ่งเข้าหานั่นเองค่ะ  

 

 

 

 

 

     เวลาเรายืนอยู่เหนือน้องหมา ตัวเราจะดูยักษ์ใหญ่มากๆ พวกเขาจึงรู้สึกไม่ไว้ใจ เวลาเราเข้าใกล้ น้องหมาปกติที่ ไม่ก้าวร้าว พวกเขามักจะเหลือกตามองไปด้านบน เอียงใบหน้าตามทิศทางวัตถุที่เขามอง แต่จะไม่เงยหน้ามองโดยตรง หูลู่ลง เพราะรู้สึกลักลั่น ไว้ใจดีไม่ไว้ใจดี หวาดหวั่นเล็กน้อย กลัว ไม่คุ้นเคย แนะนำว่าถ้าไม่ใช่น้องหมาที่เราสนิทด้วย ถึงจะไม่แยกเขี้ยวใส่ก็อย่าเพิ่งยื่นมือเข้าไปลูบหัวพวกเขานะคะ เพราะจะยิ่งเป็นการยกระดับความหวาดกลัวให้เพิ่มมากขึ้นแล้วอาจแยกเขี้ยวใส่ หรือ แว้งกัดในทันที ต้องระวังให้ดีนะคะ 

 

 

 

 

 

 

     การเหลือบตามองด้านข้าง หรือ คล้ายๆ การเหลียวหลังมอง เป็นการแสดงการระวังภัยอย่างเงียบๆ  แบบที่คนเราก็ทำกันค่ะ น้องหมาที่แสดงสายตาเช่นนี้มักจะเหลือบตามองไปทิศทางด้านข้าง เยื้องไปจนถึงด้านหลังที่มีคนหรือน้องหมาตัวอื่นยืนอยู่ พวกเขาจะไม่เคลื่อนไหวตัว แต่จะยืน นั่ง หรือหมอบนิ่งๆ โคนหูตั้งขึ้น ตื่นตัว ระแวด ระวังภัยอยู่อย่างเงียบๆ แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น พวกเขาก็พร้อมจะลุกหนี หรือ ลุกขึ้นเตรียมท่าพร้อมสู้ ดังนั้น หากไม่ใช่น้องหมาเราก็ควรออกหางนะคะ หรือ พยายามมานั่งอยู่ตำแหน่งที่น้องหมาเห็นเราได้ชัด เพื่อช่วยลดความระแวงของน้องหมาน้อยลงค่ะ

 

 

 

 

 

 

     ในกรณีที่น้องหมาไม่ได้แสดงอาการใดๆ ที่ดวงตาจนผิดสังเกต แต่เป็นดวงตาที่ดูสดใส เป็นมิตร มีภาษากายอื่นร่วมเช่นกระดิกหางเล็กน้อย หูอยู่ในตำแหน่งปกติ ไม่ตั้งขึ้นตื่นตัว ไม่ลู่ไปด้านหลัง แล้วเข้ามาดมตามตัวของเรา นั่นแสดงว่าน้องหมากำลังอารมณ์ดีเป็นปกติ  สามารถเข้าไปทักทายได้ค่ะ

 

 

 

 

 

 

     น้องหมาที่ตาเบิ่งโต ดวงตาสุกใสเป็นประกาย ไม่อยู่นิ่ง เป็นการแสดงความดีใจแบบสุดๆ ตื่นเต้น อยากรู้อยากเห็น ซึ่งภาษาตาที่บอกอารมณ์ตื่นเต้นนี้จะมีภาษากายอื่นๆ ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น อ้าปาก แลบลิ้นหายใจหอบ หูตั้งแบบตื่นตัว หางแกว่ง หมุนเป็นกังหัน  กระโดดหมุนตัวก็มีค่ะ  ซึ่งน้องหมาแปลกหน้าหลายตัวจะยืนนิ่งๆ จ้องมองเรา แต่ดวงตาตื่นเต้นตื่นตัว เบิกตาโต๊โต ฉายแวว Say Hi สุดๆ แล้วทันทีที่เราตัดสินใจเดินเข้าไปหา เขาก็จะมีอาการไฮเปอร์อย่างที่บอกขึ้นมาทันที.....ดังนั้น การปลุกความไฮเปอร์ ดีใจเกินเหตุของเขาขึ้นมาแล้ว ก็ควรจะรู้วิธีทำให้อาการตื่นเต้นของน้องหมาลดลงนะคะ ไม่อย่างนั้นอาจถึงขั้นถูกกระโดดเข้าหาเจ็บตัวไม่เป็นท่าแน่นอนค่ะ (อ่านเพิ่มเติมวิธีจัดการน้องหมาดีใจเกินเหตุได้ที่บทความ การแสดงความดีใจของน้องหมาแบบแปลกๆ ค่ะ)

 

 

 

 

 

 

 

     หากใครเคยดูคลิปน้องหมารู้สึกผิด (Guilty Dog) ที่มีคนนำมาโพสต์เต็มโลกโซเชียล จะคุ้นกับดวงตาหรี่ๆ กล้าๆ กลัวๆ ที่จะมองเรา ซึ่งลักษณะดวงตาเช่นนั้น เป็นการแสดงความรู้สึกประหม่ากลัว จึงไม่กล้าสบตา มองตา ส่วนมากจะหูลู่ไปทางด้านหลัง ยิงฟัน แยกเขี้ยว หรือที่เรียกว่า ยิ้มแบบน้องหมา (Smile Dog) ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งรอยยิ้มดังกล่าวเป็นการแสดงออกถึงการยอมแพ้ สยบยอม ไม่กล้าสู้หน้า การหรี่ตามักเกิดขึ้นกับน้องหมาที่รู้สึกกลัวมากๆ กังวลสุดๆ ถึงขั้นเครียดหนัก โดยเฉพาะเมื่อเจ้าของกำลังทำท่าจะตี หรือ ตะคอกใส่เพื่อถามหาความผิด เขาก็จะยิ่งหรี่ตา ก้มหน้ายอมแพ้ ไม่กล้าเผชิญหน้า เผชิญความผิดค่ะ ดังนั้น ผู้เลี้ยงไม่ควรนึกสนุกแกล้งให้น้องหมารู้สึกผิด แล้วเห็นเป็นเรื่องขำขันนะคะ เพราะความกลัวดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิดพฤติกรรมแปลกๆ หรือ พฤติกรรมก้าวร้าวตามมาได้ค่ะ (อ่านเพิ่มเติมวิธีการจัดการเมื่อน้องหมาเครียด กังวลได้ที่ บทความ 10 ภาษากายน้องหมาที่กำลังบอกว่าเครียด วิตกกังวล ค่ะ)

 

 

 

 

 

 

  เมื่อน้องหมาเกิดภาวะที่เครียด รู้สึกไม่มั่นคง ไม่พร้อมที่จะพบปะใคร หรือต่อกรกับใคร รวมทั้งเมื่อรู้สึกผิดก็จะหลบตาด้วยความไม่มั่นใจหวั่นกลัว ในกรณี ที่เป็นน้องหมาของเราเองเขาอาจจะยอมให้เราเซ้าซี้ต่อได้ ว่าเป็นอะไร กลัวอะไร สามารถเข้าไปลูบ เข้าไปสัมผัสทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายได้ค่ะ แต่ถ้าน้องหมาไม่สนิทกับเรา ไม่รู้จักเรา เป็นน้องหมาแปลกหน้า ก็ให้ระมัดระวัง ไม่ควรทู่ซี้ให้น้องหมามองหน้า หรือ เล่นกับเรา เพราะเขาอาจจะเริ่มเขม่นตามอง แยกเขี้ยวใส่ตอบก็ได้ค่ะ

 

 

 

 

 

 

 

 

      เวลาน้องหมาเครียด รู้สึกกดดันมากๆ ตื่นตกใจ ตื่นกลัว ควบคุมสติไม่อยู่ หาทางออกไม่เจอ รู้สึกหดหู่อย่างหนัก ดวงตาจะขยายใหญ่ขึ้น เห็นตาขาวมากกว่าปกติ เรียกว่าตาปลาวาฬ (Whale eye) ในบางตัวร่างกายของพวกเขาจะแข็งทื่อเท้าขาเกร็ง มีเสียงครางด้วยความกลัวเล็ดลอดออกมาจากคอ ส่วนมากจะเกิดขึ้นกับน้องหมาที่มีดวงตากลมโต อย่างปั๊ก,ชิสุ เป็นต้นค่ะ ซึ่งถ้าน้องหมาของเพื่อนๆ คนใดมีภาษากายดังที่พริกบอกไปเกิดขึ้น นั่นแสดงว่าน้องหมารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก วิตกกังวลถึงขีดสุด หรือกำลังนึกไปถึงประสบการณ์ความทรงจำอันเจ็บปวด แนะนำว่า ให้ออกห่างจากน้องหมา ปล่อยให้เขาอยู่ตามลำพัง แล้วค่อยเรียกมากินข้าว หรือ ชวนเล่น ไม่ควรเซ้าซี้ เข้าไปโอ๋เขานะคะ เพราะจะยิ่งเป็นการเพิ่มกระตุ้นความกลัวให้เพิ่มมากขึ้น

 

 

 

 

 

      น้องหมาที่กระพริบตาถี่ๆ จะมีลักษณะคล้ายๆ กับน้องหมาหรี่ตา รู้สึกผิดค่ะ เพียงแต่ต่างกันตรงที่ การกระพริบตาถี่ๆ ของน้องหมาจะไม่ได้แสดงถึงความรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ หรือมีการเกร็งของดวงตา หากเป็นการกระพริบตาถี่รัวมากกว่าปกติ ดวงตาแคบลงเล็กน้อย และมักจะมีการเลียจมูกตัวเองร่วมด้วย ซึ่งภาษาตาลักษณะนี้เป็นการบอกว่า กำลังใช้ความคิดอย่างหนักหน่วง ชั่งใจอยู่ หวั่นใจ ไม่ไว้ใจ  และกำลังเครียดสุดๆ ส่วนใหญ่จะพบเจอกับน้องหมาที่ต้องถูกฝึกวินัยเป็นเวลานาน หรือถ่ายรูปในสตูดิโอ บางคนเข้าใจว่าน้องหมาแสบตา ปวดตาเพราะแสงแฟลชกล้อง แต่ในความจริงแล้ว พวกเขากำลังอึดอัด เครียดมากๆ ถูกบังคับเป็นชั่วโมงๆ ถูกบังคับ ถูกดุให้นิ่งบ่อยๆ แนะนำว่า ควรมีเวลาพาน้องหมาออกไปเดินเล่น ผ่อนคลาย ให้คำชม ขนมเป็นรางวัล ก็สามารถบรรเทาความเครียดลงได้ค่ะ 

 

 

 

 

      การสังเกตอารมณ์ความรู้สึกจากดวงตาน้องหมาที่แนะนำไป มีไว้สำหรับเมื่อวันหนึ่งเราเจอน้องหมาแสดงภาษาผ่านดวงตาอย่างที่บอกไป จะได้รู้ว่าพวกเขากำลังบอกอะไรกับเรา แล้วเราควรจะรับมืออย่างไร ไม่ได้ให้เพื่อนๆ ลองนั่งจ้องดูแล้วอ่านอารมณ์ แปลภาษาผ่านดวงตาน้องหมานะคะ เพราะถ้าทำอย่างนั่นมีหวังโดนขู่ โดนกัดแน่ๆ ค่ะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน (จริงๆ นิสัยพริกเป็นพวกชอบทดลอง เลยต้องขอออกตัวเตือนเพื่อนๆ ไว้ก่อนค่ะ ห้ามทำตามเด็ดขาด).....ขอเน้นน้ำอีกครั้งนะคะ การมองตาน้องหมาคือการท้าทาย....ถ้าน้องหมาแสดงพฤติกรรมว่าไม่สบายใจ ควรมีระยะ ออกห่าง  เลี่ยงการมองตาตรงๆ เพื่อนๆ อาจมองบริเวณปลายจมูกน้องหมาแทนมองตาก็ได้ค่ะ เพื่อพวกเขาจะได้เปืดใจ ไว้ใจเรา ไปตลอดกาลค่ะ ^___^

 

  

 

บทความโดย : Dogilike.com

http://www.dogilike.com/

 

 

ข้อมูลอ้างอิง :
 

http://www.quickanddirtytips.com/pets/dog-behavior/how-to-read-a-dog%E2%80%99s-facial-expressions

http://pets.webmd.com/dogs/dog-body-language?page=2

http://www.pawsacrossamerica.com/interpret.html

 

 

 

ภาพประกอบ :
 

http://www.dogilike.com/

happysausage.wordpress.com

www.jokeroo.com