เนื่องจากน้องหมาเป็นเพื่อนกับมนุษย์มากว่า 15,000 ปี ความผูกพันของเขากับเราจึงเหนียวแน่นมาเป็นเวลานาน เขาจึงสามารถรับรู้ความรู้สึกของเราได้ ไม่ว่าเราจะดีใจ หรือเสียใจ ก็เหมือนเขาจะเข้าใจไปเสียทุกอย่าง แต่ในทางกลับกัน เวลาเขาเริ่มซึมเศร้า ก้าวร้าว หรือหวาดกลัว เรากลับไม่รู้จะจัดการกับเขาอย่างไร สื่อสารกับเขาก็ไม่ได้ว่าต้องทำอย่างไรเขาถึงรู้สึกดี สุดท้ายก็ปล่อยเลยตามเลย ทุกข์ใจทั้งคนเลี้ยงทั้งน้องหมาไปเรื่อยๆ ไร้หนทางเยียวยา
 

     อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2-3 ปีมานี้ได้เกิดศูนย์บำบัดสุนัขและสัตว์เลี้ยงเกิดขึ้นมาทั้ง ในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ซึ่งแต่ละศูนย์ได้มีการนำผู้เชี่ยวชาญในการสื่อสารกับสัตว์และนักธรรมชาติบำบัดมาร่วมรักษาสุขภาพใจ ปรับแก้และเยียวยาปัญหาพฤติกรรมของน้องหมา และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ โดยการบำบัดหนึ่งในนั้นก็คือ เรกิ สัมผัสบำบัดนั่นเองค่ะ ^__^

 

      โดยธรรมชาติแล้ว น้องหมาแต่ละตัวมีลักษณะนิสัยต่างกันไปตามความแตกต่างของสายพันธุ์ และที่ลึกไปมากกว่าระดับ DNA ก็คือระดับจิตใต้สำนึก ซึ่งมักเกิดขึ้นมาจากการเลี้ยงดู สิ่งแวดล้อม และประสบการณ์ที่เขาได้รับทั้งทางตรงและทางอ้อม จนส่งผลให้เกิดพฤติกรรมหรือบุคลิกที่แตกต่างกันไป และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาพฤติกรรมค่ะ
 

     มีงานวิจัยของสัตวแพทย์ ดร.แฟรคลิน แมคมิลแลน ผู้เขียนหนังสือ  "Mental Health and Well-being in Animals" กล่าวว่า เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วที่สุนัขป่วยมีอาการทางจิตมากขึ้นเพราะเขาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคน ซึ่งตามใจเขา ทำทุกอย่างให้เขา จนกระทั่งทักษะการเอาตัวรอดและการแก้ปัญหาของเขาลดด้อยถอยลง ไม่สามารถตัดสินใจหรือแก้ปัญหาได้ด้วยสัญชาตญาณเดิมของตัวเอง และการที่เขาอยู่อาศัยอยู่ในบ้านร่วมกับคน ยังส่งผลลัพธ์ออกมาคือเขาจะอ่อนไหวง่าย มีปัญหาทางอารมณ์  การรับรู้ มีพฤติกรรมก้าวร้าว หวาดกลัว ย้ำคิดย้ำทำ และวิตกกังวล แล้วยิ่งเขาใกล้ชิดกับคน ก็ยิ่งซึมซับความรู้สึกของเราในแต่ละวันไปด้วย ดังนั้นการแก้ปัญหาไม่ว่าจะที่ปลายเหตุหรือต้นเหตุ ต้องเริ่มต้นจากตัวของเราเองค่ะ ที่ต้องปรับสร้างสมดุลทั้งทางพฤติกรรมและจิตใจไปพร้อมๆ กับเขา 

 

     ล่าสุดมีงานกรณีศึกษาของศูนย์รักษาสัตว์แบบองค์รวม (Holistic Pet Service) ร่วมกับนักสื่อสารกับสัตว์ (Animal Communicator) กล่าวกว่า สิ่งที่สุนัขต้องการมากที่สุดก็คือ การสื่อสาร เราคงคิดว่า ทุกวันก็นั่งอยู่บนโซฟาด้วยกัน พาเขาไปเดินเล่น แต่เมื่อมองให้ลึกจริงๆ การจดจ่อของเราไม่ได้อยู่กับเขา  100 เปอร์เซ็นต์ แต่กลับคิดถึงเรื่องนั้นโน้นนี้สลับไปมาเกือบตลอดเวลา  ในขณะที่เวลาน้องหมาอยู่กับเรา แม้เพียง 5 นาที การจดจ่อของเขา จะอยู่ที่เราทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ จึงไม่น่าแปลกใจว่า น้องหมามีปัญหาทางสุขภาพจิตได้อย่างไร ทั้งๆที่เราดูแลเขาอย่างใกล้ชิด นั่นเพราะพวกเขาต้องการสื่อสาร ส่งผ่านพลังงาน ณ ขณะเวลานั้นอย่างแท้จริง เพื่อสร้างความมั่นใจ และมั่นคงทางอารมณ์ ซึ่งเรกิ เป็นเครื่องมือหนึ่งที่เป็นสะพานเชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างเรากับน้องหมาได้อย่างดี เสริมสร้างคุณภาพชีวิตน้องหมาให้ได้รับการฟื้นฟูผ่านการปรับสมดุลพลังงานให้กลับสู่ภาวะปกติ 
 

     ในบทความเรกิ สัมผัสบำบัดครั้งนี้พริกได้นำเอาตัวอย่างกรณีศึกษาและประสบการณ์ของผู้ที่ทำการบำบัดพฤติกรรมน้องหมาด้วยเรกิมาแบ่งปันให้เพื่อนๆ เผื่อจะลองเอาไปทำให้น้องหมาได้ด้วยตัวเอง โดยแบ่งตัวอย่างปัญหาพฤติกรรมออกเป็น 3 ลักษณะดังนี้ค่ะ

 

     1. ปัญหาพฤติกรรมก้าวร้าว

   
      พฤติกรรมก้าวร้าวของน้องหมาใครเจอก็ต้องหนักใจ ซึ่งพฤติกรรมก้าวร้าวของน้องหมาเป็นอาการทางจิต มักเกิดขึ้นมาจากความต้องการแสดงความเหนือกว่า หรือเป็นความก้าวร้าวที่เกิดจากความกลัว นั่นเป็นเพราะน้องหมาขาดสมดุลทางอารมณ์  การบำบัดด้วยเรกิจะช่วยส่งผ่านความผ่อนคลาย สุขุม จากผู้ทำเรกิ ส่งผ่านให้เขาเพื่อให้น้องหมาสามารถพบความสงบในตัวของเขาเอง 
 

     ตัวอย่างกรณีศึกษาของหนึ่งลงไว้ในนิตยสาร Dogs Naturally Magazine กล่าวถึงน้องหมาตัวหนึ่งมีพฤติกรรมก้าวร้าวไม่ยอมแม้จะใช้สายจูง จึงได้ให้นักบำบัดด้วยเรกิเข้ามาช่วยเหลือโดยการให้เรกิ ซึ่งการให้เรกิน้องหมาที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว ถ้าไม่ใช่น้องหมาของเราเอง ต้องให้เรกิระยะไกลก่อน ห้ามเข้าปะชิดตัวเลยในทันที เพราะอาจจะเกิดอันตรายได้  โดยให้เพ่งสมาธิไปยังตำแหน่งบริเวณไหล่ทั้ง 2 ข้างของน้องหมา ซึ่งเป็นตำแหน่งจักระไหล่ บริเวณนี้จะช่วยปรับสมดุลในเรื่องการสื่อสารระหว่างน้องหมากับคนค่ะ (อ่านเพิ่มเติมเรื่องจักระได้ที่ บทความ ลงมือปฏิบัติ!!! เรกิ สัมผัสบำบัดให้น้องหมา [ตอนที่ 3]) จากนั้นให้เน้นที่บริเวณท้อง และบริเวณสะโพกช่วงโคนหาง ซึ่งการวางมือบริเวณนี้จะช่วยปรับสมดุลในเรื่องของพฤติกรรมความก้าวร้าว การวางอำนาจ และการตอบโต้อย่างรุนแรง โดยทำให้เขาครั้งละ 45 นาที – 1 ชั่วโมง เป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน (ถ้าเขาคุ้นเคยกับเราแล้ว ก็สามารถวางมือที่ตัวเขาได้ค่ะ)  ผลที่ได้รับคือน้องหมาสุขุมขึ้น มีความแปรปรวนทางอารมณ์น้อยลงเรื่อยๆ และกลับสู่สภาวะสมดุลในที่สุด อย่างไรก็ตามการรักษาด้วยเรกิเป็นการปรับสมดุลแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ถ้าผู้เลี้ยงไม่สร้างวินัย หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองให้เป็นผู้นำที่ดี เขาก็สามารถกลับสู่พฤติกรรมก้าวร้าวได้อีกค่ะ 

 

ตัวอย่างการวางมือ : บริเวณหัวไหล่



ตัวอย่างการวางมือ : บริเวณหน้าท้อง 



ตัวอย่างการวางมือ : บริเวณสะโพกช่วงโคนหาง

 

     2. ปัญหาพฤติกรรมจากความวิตกกังวลและความเครียด
 

   
     ความวิตกกังวลของสุนัขมักเกิดขึ้นเมื่อเราปล่อยให้เขาอยู่ในบ้านตามลำพัง ขังกรง ล่ามโซ่เอาไว้ หรือเกิดขึ้นได้กับน้องหมาที่รับเลี้ยงจากสถานสงเคราะห์ เนื่องจากพวกเขามีพลังงานที่ไม่ได้ระบายออกมามากเกินไป จนเกิดเป็นความเครียดสะสม โดยบางตัวจะมีอาการกระวนกระวาย ในขณะที่บางตัวจะแสดงอาการซึมเศร้า หวั่นกลัว ขึ้นอยู่กับบุคคลิกและประสบการณ์ที่เขาได้รับ 
 

     มีกรณีศึกษาของสมาคมเรกิเพื่อพักพิงสัตว์ (Shelter Animal Reiki Association) ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้บำบัดน้องหมาที่ได้รับการช่วยเหลือจากโรงงานผลิตสุนัข (Puppy mills) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตสุนัขที่ไม่ได้รับมาตรฐาน และไม่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตของน้องหมา (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Puppy mills ได้ที่บทความพิเศษ รู้จักไหม? Puppy mills โรงงานนรกผลิตลูกสุนัข!! ) น้องหมาตัวนี้ถูกล่ามอยู่กับต้นไม้กว่า 6 ปี มีอาการหดหู่ซึมเศร้าไม่อยากอาหาร  เก็บตัว นักบำบัดจึงได้ให้เรกิแก่เขา เริ่มต้นที่บริเวณหัวไหล่เช่นทุกครั้ง จากนั้นวางมือข้างหนึ่งที่ศีรษะ อีกข้างที่หน้าอก ซึ่งเป็นตำแหน่งเยียวยาสภาวะอารมณ์ที่ผิดปกติของน้องหมา โดยตำแหน่งศีรษะจะเชื่อมต่อกับสภาวะสับสน หดหู่ ย้ำคิดย้ำทำ ส่วนตำแหน่งหน้าอกจะเชื่อมต่อกับสภาวะความตื่นตระหนก และการสูญเสียค่ะ ต่อจากนั้นให้วางมือขนาบระหว่างอกกับหลังหัวไหล่  ซึ่งเป็นตำแหน่งสภาวะจิตใจอีกตำแหน่งหนึ่ง ให้เรกิน้องหมาเช่นนี้ทุกวันประมาณ 30 นาที เป็นเวลา 2 – 3 สัปดาห์ ผลที่ได้รับ คือเขาเริ่มกระดิกหาง ดวงตาแจ่มใส เคลื่อนไหวได้มีชีวิตชีวามากขึ้น ช่างเป็นน้องหมาจากโรงงานผลิตสุนัขผู้โชคดีที่ได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ^^

 

ตัวอย่างการวางมือ : ขนาบระหว่างศีรษะและหน้าอก



ตัวอย่างการวางมือ : ขนาบบริเวณหัวไหล่และหน้าอก

 

     3. ปัญหาพฤติกรรมจากความกลัว

     
     ความกลัวของน้องหมามีอยู่ภายในตัวของพวกเขอยู่แล้ว ทว่าสาเหตุที่ยิ่งกระตุ้นให้ความกลัวของเขาเพิ่มมากขึ้นก็คือ ความรักที่ผิดเวลาของผู้เลี้ยงที่พัฒนาความกลัวให้พวกเขานั่นเอง การบำบัดให้น้องหมาด้วยเรกิจะช่วยให้พวกเขาสงบลง ผ่อนคลาย และเน้นย้ำว่า ไม่มีสิ่งใดน่าหวาดกลัว ซึ่งถ้าเจ้าของเป็นคนทำเรกิให้พวกเขา ก็จะยิ่งช่วยให้เขารู้สึกมั่นคง เชื่อมโยง แลกเปลี่ยนพลังงานที่ดีให้กันและกันได้ กระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น 
 

     มีตัวอย่างกรณีศึกษาของสมาคมเรกิเพื่อพักพิงสัตว์ (Shelter Animal Reiki Association) อีกชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับพฤติกรรมยอดฮิตติดอันดับความกลัวของน้องหมา นั่นก็คือ กลัวเสียงฟ้าร้อง ทุกครั้งที่มีเสียงฟ้าร้องมักจะตื่นกลัวจนตัวสั่น หาที่ซุกที่เขารู้สึกปลอดภัย การบำบัดอาการกลัวด้วยเรกิ จะทำขึ้นช่วงขณะที่ฝนตกฟ้าร้อง โดยการนั่งอยู่นิ่งๆ กับเขา จากนั้นให้วางมือบริเวณหัวไหล่ แล้วค่อยเปลี่ยนไปวางมือขนาบระหว่างอกกับหลังหัวไหล่ ต่อจากนั้นวางมือข้างหนึ่งที่ศีรษะ อีกข้างที่หน้าอกค่ะ และอีกตำแหน่งคือที่บริเวณสะโพกหรือโคนหาง (ตำแหน่งเดียวกับพฤติกรรมก้าวร้าว และ วิตกกังวล) ซึ่งเยียวยาอาการหวาดกลัว รู้สึกไม่ปลอดภัย ประมาณ 10-15 นาที ทุกครั้งที่ฝนตกเป็นเวลา 1 – 2 สัปดาห์ ผลที่ออกมาคือเขาจะเริ่มสงบลง คุ้นชินกับเสียงฟ้าร้อง และรู้สึกปลอดภัย ว่าในความเป็นจริงแล้วไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้น นับตั้งแต่หลังการบำบัดขณะที่ฝนตกฟ้าร้องเขาก็แค่เห่าเพื่อให้รู้ว่า เฮ้ยมันมาแล้ว จากนั้นก็กลับไปทำกิจกรรมหรือวิ่งเล่นต่อโดยไม่สั่นกลัวหรือวิ่งหนี การบำบัดด้วยเรกิวิธีนี้มีลักษณะคล้ายกับวิธีการฝึกสุนัขเลยค่ะ 

 

     เป็นอย่างไรกันบ้างคะ การบำบัด ปรับแก้พฤติกรรมน้องหมาด้วยเรกิน่าสนใจไม่น้อยเลยใช่ไหมคะ เพื่อนๆ สามารถลองนำไปทำกับน้องหมาที่บ้านดูก็ได้นะคะ สำหรับบทความนี้พริกได้ยกตัวอย่างปัญหาพฤติกรรมมาเพียง 3 ลักษณะใหญ่ๆ ที่เพื่อนๆ หลายคนพบเจอกัน ซึ่งยังมีอีกหลายพฤติกรรมหรืออาการที่เพื่อนๆ อาจจะพบเจอได้อีกซึ่งการปรับพฤติกรรมอื่นๆ ด้วยเรกินั้น เพื่อนๆ สามารถคลิ้กเข้าไปดูบทความ ลงมือปฏิบัติ!!! เรกิ สัมผัสบำบัดให้น้องหมา [ตอนที่ 3] ที่ตารางจักระช่องสภาวะไม่สมดุล เพื่อศึกษาถึงอาการและพฤติกรรมที่มีปัญหาและปรับตำแหน่งการวางมือ ตามลักษณะพฤติกรรมและอาการของน้องหมาได้ค่ะ อย่างเช่น ถ้าน้องหมามีอาการเห่าไม่หยุด ก็ให้วางมือบริเวณคอ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เรกิอาจเรียกได้ว่าเป็นการแก้รักษาที่ปลายเหตุ เพื่อปรับสมดุลพลังงานให้กลับไปนับหนึ่งใหม่ยังจุดเริ่มต้นอีกครั้ง ถ้าเพื่อนๆ ไม่ดูแลเขาอย่างถูกวิธี สร้างวินัย พาไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปลดปล่อยพลังงานที่มีอยู่ออกไปบ้าง ปัญหาพฤติกรรมต่างๆ ก็อาจกลับมาอีกได้ค่ะ ดังนั้นต้องเอาใจใส่เขาให้สมกับที่เขารักและอยู่เคียงข้างเรานะคะ 

     บทความเรกิ สัมผัสบำบัดจบลงแล้วนะคะ ส่วนใครที่สนใจเรกิเป็นพิเศษ แนะนำให้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม เพราะบทความทั้งหมด 6 ตอนที่พริกเขียนเป็นเพียงพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับเรกิเพื่อให้เพื่อนๆ นำไปปรับใช้อย่างง่ายๆ ซึ่งหลักสำคัญ 5 อย่างของเรกิที่ต้องไม่ลืม นั่นก็คือ สมาธิ ความรักความเมตตา ตำแหน่งจักระ การวางมือ และการฝึกฝนค่ะ แล้วถ้าเพื่อนๆ คนไหนได้ลองทำเรกิให้น้องหมาที่บ้านแล้วเป็นอย่างไรกันบ้าง อย่าลืมเข้ามาแชร์และพูดคุยกันได้ที่บทความเรกิ สัมผัสบำบัดได้ทั้ง 6 ตอนนะคะ ถ้ามีคำถามอะไร ทิ้งไว้ได้พริกจะคอยตอบเพื่อนๆ ให้คลายสงสัยกันค่ะ.......ส่วนบทความพิเศษครั้งต่อไป พริกจะพาไปเรียนการนวดบำบัดเพื่อน้องหมาสุดรัก วิธีดูแลสุขภาพกายใจน้องหมา ที่ง่ายขึ้นมาอีกนิด จะมีวิธีนวดอย่างไร ตำแหน่งไหนถูกใจน้องหมาที่สุด ต้องคอยติดตามนะคะ งานนี้พลาดไม่ได้อีกแล้วค่ะ  ^____^

 

 

บทความโดย : Dogilike.com

ข้อมูลอ้างอิง : 
ภาพประกอบ  :
http://www.amcne.com/information/behavior-problem-consultations/