โดย: Candyx

5 วิธีง่าย ๆ ลับสมองน้องหมาให้ฉลาดเป็นกรด

เคล็ดลับง่าย ๆ ที่ใครก็สามารถทำได้ ...

12 กรกฏาคม 2559 · · อ่าน (26,700)
4,168

SHARES


4,168 shares

Dogilike.com :: 5 วิธีง่าย ๆ ลับสมองน้องหมาให้ฉลาดเป็นกรด


      เดี๋ยวนี้มีน้องหมา Net I Dog หน้าใหม่แจ้งเกิดในโลกออนไลน์กันเป็นแถว ๆ ซึ่งน้องหมาเหล่านี้ ส่วนมากแล้วจะเป็นน้องหมาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บางตัวอาจจะมีความสามารถที่หลากหลาย เช่น สามารถทรงตัวบนเชือกได้ เทินสิ่งของต่าง ๆ บนร่างกายได้ ขี่จักรยาน เข็นรถเข็น เล่นสเก็ตบอร์ดได้ ฯลฯ ซึ่งความสามารถทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ไม่ใช่เพราะน้องหมานั้นทำได้เองอยู่แล้วนะคะ แต่ส่วนมากเกิดจากเจ้าของที่ให้เวลา เรียนรู้พฤติกรรมของน้องหมา และฝึกทักษะให้น้องหมาอย่างเข้าใจธรรมชาติของเค้า ทำให้น้องหมาฉลาด สามารถทำตามคำสั่งต่าง ๆ ได้ น้องหมาหลาย ๆ ตัวจึงกลายเป็นน้องหมาที่น่ารัก และกลายเป็นขวัญใจของชาวออนไลน์เพียงชั่วข้ามคืนค่ะ

     เทคนิคการเลี้ยงการดูแล ในวันนี้ ปังปอนด์ก็เลยจะมาเผยวิธีที่จะทำให้น้องหมาของเราฉลาด และน่ารักกันค่ะ ไม่แน่นะคะว่า น้องหมาของเราอาจจะกลายเป็น Net I Dog ในอนาคตก็ได้ จะมีเคล็ดลับอย่างไรบ้าง เราไปดูกันเลย


 

1.เริ่มต้นดี ๆ ด้วยอาหารครบประโยชน์

 

Dogilike.com :: 5 วิธีง่าย ๆ ลับสมองน้องหมาให้ฉลาดเป็นกรด

    โภชนาการอาหาร ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อโดยตรงสุขภาพร่างกายของน้องหมา เราจึงจำเป็นที่จะต้องดูแลใส่ใจในเรื่องอาหารที่มีคุณประโยชน์เป็นพิเศษ ด้วยการเลือกหาอาหารสูตรที่เหมาะสมและมีประโยชน์ต่อร่างกายน้องหมาค่ะ ... เพื่อน ๆ รู้ไหมคะว่า การมอบอาหารที่มีคุณภาพให้กับน้องหมาตั้งแต่น้องหมายังเด็ก นอกจากจะช่วยเสริมสร้างให้น้องหมามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงแล้ว ยังสามารถช่วยชะลอและบรรเทาการเกิดโรคต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย

     ... รู้แบบนี้แล้ว เราจึงต้องใส่ใจเลือกอาหารสำเร็จรูปที่มีสารอาหารครบคุณค่าเหมาะกับน้องหมานะคะ โดยสามารถอ่านวัตถุดิบต่าง ๆ ที่อยู่ข้างผลิตภัณฑ์อาหารเม็ดสำเร็จรูปได้เลยค่ะว่าสูตรไหนเหมาะกับน้องหมาของเรา เช่น เลือกอาหารเม็ดสำเร็จรูปที่มี กรดไขมันโอเมก้า 3,6 DHA ที่ช่วยบำรุงผิวหนังและเส้นขน  แอล-คาร์นิทีน ที่จะช่วยลดการสะสมของไขมันในร่างกาย กลูโคซามีน ป้องกันไขข้ออักเสบ ฟอสฟอรัส ที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ กลูตามีน เสริมสร้างระบบทางเดินอาหารให้ดูดซึมสารอาหารมีประสิทธิภาพมากขึ้น วิตามินดี แคลเซียม ที่เสริมสร้างให้สุนัขมีสุขภาพแข็งแรง มีโครงสร้างที่ได้สัดส่วนและรักษาสมดุลของกล้ามเนื้อ ฯ ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ล้วนแล้วแต่จะช่วยให้น้องหมามีสุขภาพดีค่ะ

     แต่ในน้องหมาพันธุ์ใหญ่ยักษ์ เช่น สายพันธุ์ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ , อลาสกัน มาลามิวท์ , ซามอยด์ , เชาเชา ,  เซนต์เบอร์นาร์ด ฯลฯ ที่ส่วนใหญ่มักจะถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งมีสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ก็จำเป็นที่เจ้าของจะต้องดูแลเรื่องอาหารเป็นพิเศษเพื่อน้องหมาจะได้มีภูมิคุ้มกันที่ดีและมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง โดยเลือกอาหารที่ครบคุณค่าตั้งแต่เกรดพรีเมียม เกรดซูเปอร์พรีเมียม อาหารสุนัขเกรดโฮลิสติก ไปจนถึงอาหารสุนัขเกรดอัลตรา โฮลิสติก หรือออร์แกนิค เพราะร่างกายของน้องหมาเหล่านี้มีความต้องการแร่ธาตุและสารอาหารจำเป็นต่าง ๆ ในปริมาณที่สูงกว่าน้องหมาสายพันธุ์เล็กหรือสายพันธุ์ใหญ่ธรรมดา โดยในแต่ละมื้อน้องหมาจะต้องได้รับอาหารอย่างเพียงพอ ซึ่งน้องหมาแต่ละตัวก็จะกินจุ กินเยอะไปตามน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เจ้าของจึงจำเป็นต้องควบคุมปริมาณอาหาร ปริมาณแคลอรี่ในแต่ละมื้อให้เหมาะสมกับความต้องการของน้องหมาอยู่เสมอ

     จำไว้ว่า ไม่ว่าจะเป็นน้องหมาสายพันธุ์เล็ก , พันธุ์กลาง , พันธุ์ใหญ่ , พันธุ์ใหญ่ยักษ์ เราก็จะต้องควบคุม ปริมาณอาหารที่เหมาะสมในแต่ละวันให้กับน้องหมา เพื่อน้องหมาจะได้ไม่มีปัญหาภาวะน้ำหนักเกิน ซึ่งจะส่งผลให้ข้อต่อของน้องหมารับน้ำหนักมากขึ้น และเกิดการอักเสบได้นะคะ
 

2.ฝึกทักษะตั้งแต่เด็ก

 

Dogilike.com :: 5 วิธีง่าย ๆ ลับสมองน้องหมาให้ฉลาดเป็นกรด

     ช่วงอายุของน้องหมาก็เป็นสิ่งสำคัญค่ะ เราควรเริ่มฝึกน้องหมาตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัขตั้งแต่อายุ 3 เดือนขึ้นไป โดยอาจจะต้องฝึกทักษะขั้นพื้นฐานง่าย ๆ อย่างคำสั่ง “คอย” ก่อน โดยวิธีฝึกง่าย ๆ หากเราจะให้อาหารหรือขนมกับเค้าให้ออกคำสั่งบอกให้นั่งลงแล้วบอกว่าอยู่นิ่ง ๆ จากนั้นให้ยกมือตั้งฉากปรามน้องหมาบอกว่า “คอย” หากเค้าทำตามก็ชมด้วยคำชม แต่ถ้าน้องหมาไม่ทำตามให้ยกถ้วยอาหารหนีทันที แล้วเริ่มต้นคำสั่งใหม่เพื่อให้น้องหมาได้เรียนรู้เงื่อนไขค่ะ … คำสั่งคอยเป็นคำสั่งพื้นฐานที่จะช่วยฝึกให้น้องหมามีสมาธิ สงบนิ่ง และเป็นพื้นฐานที่เพื่อน ๆ จะสามารถพัฒนาต่อยอดคำสั่งอื่น ๆ ที่ยากขึ้นให้น้องหมาได้ค่ะ

      และในชั่วโมงที่เราเริ่มฝึกทักษะให้กับน้องหมาสิ่งจำเป็นที่สุดก็คือ เราจะต้องมีความใจเย็น ใช้วิธีที่สร้างความรู้สึกดีให้แก่น้อง หมาในช่วงเวลาฝึกทักษะ หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า การใช้กฏการเสริมแรงทางบวก (Positive Reinforcement) มาใช้ฝึกน้องหมา โดย วิคตอเรีย สติลเวลล์ (Victoria Stilwell) ผู้ฝึกและแก้ปัญหาพฤติกรรมสุนัขจากประเทศอังกฤษ ก็ได้ใช้กฏการเสริมแรงทางบวกในการฝึกและแก้ปัญหาพฤติกรรมไม่ดีของน้องหมา เช่นกัน โดยวิธีการฝึกของเธอจะไม่ดุ ฝึกวินัยอย่างเข้มงวด หรือใช้ความรุนแรงในทุกกรณี แต่จะเพิ่มพลังทางบวกคอยเสริมแรงจูงใจให้น้องหมาทำตามคำสั่ง ตามกฏระเบียบแทนค่ะ
        
     โดยใช้การเสริมแรงทางบวกนี้ เพื่อน ๆ ก็สามารถทำได้ ไม่ยาก เพียงแค่ให้ใช้ความอ่อนโยน ความอดทน และความใจเย็นเข้ามาเป็นตัวช่วยในการฝึกทักษะต่าง ๆ ให้กับน้องหมา โดยอาจนำขนม ของเล่นสุดโปรดของน้องหมามาล่อเพื่อให้น้องหมาทำตามคำสั่ง เมื่อน้องหมาทำตามคำสั่งก็ให้มอบคำชม ซึ่งจะทำให้น้องหมารู้สึกดีในการฝึก มีอารมณ์มั่นคง และรู้สึกมีคุณค่าขึ้นมานั่นเองค่ะ อย่างในต่างประเทศหญิงคนหนึ่งก็ได้ฝึกน้องหมาด้วยการใช้กฏการเสริมแรงทางบวกจนทำให้เจ้า Brody Brixton ลูกสุนัขสายพันธุ์เฟรนช์ บูลด็อก สีครีม อายุ 12 สัปดาห์ สามารถทำตามคำสั่งต่าง ๆ เช่น คำสั่งนั่ง ขอมือ หมอบ กดกริ่ง เดินอ้อมกรวย ฯ จนทำให้มันโด่งดังเพียงชั่วข้ามคืนเลยค่ะ (ชาวเน็ตแห่ชมคลิปน่ารัก ลูกเฟรนช์บูลด็อกแสนรู้)
 

3.พาเข้าสังคม ปรับจิตใจให้มั่นคง

 

Dogilike.com :: 5 วิธีง่าย ๆ ลับสมองน้องหมาให้ฉลาดเป็นกรด

     ในวงการการฝึกสุนัข การฝึกเข้าสังคมเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ๆ ค่ะ เพราะจากการสำรวจพบว่า ร้อยละ 80 ของผู้ที่นำสุนัขที่มีปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมก้าวร้าวมารับการฝึกให้เข้าสังคม เคยพาน้องหมาออกไปเข้าสังคมเพียงเล็กน้อยหรือไม่เคยเลย  ดังนั้น การเข้าสังคมจึงเป็นตัวแปรสำคัญอีกตัวหนึ่งที่สามารถสร้างนิสัยที่ดี ให้น้องหมาสามารถปรับตัวเข้าหาน้องหมาตัวอื่นได้ โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะทำให้น้องหมาเริ่มเรียนรู้ทักษะการอยู่ร่วมกันในสังคมก็คือ เมื่อน้องหมาอายุได้ประมาณ 3-4 เดือน  ซึ่งเป็นช่วงที่น้องหมาเริ่มเรียนรู้สถานะของตัวเองว่า อยู่ตำแหน่งใดในครอบครัว เรียนรู้ประสบการณ์การต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตไม่ว่าดี หรือร้าย และจะจดจำได้ขึ้นใจค่ะ

     ดังนั้น ถ้าครอบครัวสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้แก่น้องหมา หมั่นพาไปออกกำลังกาย พบปะผู้คน หรือน้องหมาตัวอื่น ๆ ที่นิสัยดี พลังงานของน้องหมาก็จะสมดุล คือ มีความสงบ อารมณ์มั่นคง ไม่หวั่นไหว หรือตื่นตกใจง่าย น้องหมาเติบโตมาเป็นน้องหมาที่มีอารมณ์มั่นคง ผ่อนคลาย เป็นมิตร มีพลังงานที่ดี ซึ่งก็คือการสยบยอม อ่อนโยน และไม่ก้าวร้าวนั่นเองค่ะ

    ในวันหยุด วันว่างเพื่อน ๆ ก็อาจจะหาเวลาพาน้องหมาไปเข้าสังคมอย่างสม่ำเสมอนะคะ ให้น้องหมาได้เจอน้องหมาตัวอื่น ได้ร่วมสังคมกับเด็ก ๆ หรือผู้ใหญ่ที่ใส่เสื้อผ้าหลากหลายแบบ เช่น สวมหมวก ใส่ผ้าลุ่มล่าม ก็ควรพาน้องหมาตัวน้อยไปพบเจอค่ะ เพราะถ้าน้องหมาคุ้นเคยกับผู้คนตั้งแต่เล็ก ก็โอกาสที่จะเป็นน้องหมาขี้กลัว ก้าวร้าวก็จะน้อยลง เราต้องทำให้น้องหมาเห็นว่า การอยู่กับคนหมู่มากไม่ได้สร้างอันตรายให้กับเค้า ... แต่ถ้าหากน้องหมามีอาการตื่นกลัว ก็ควรให้เวลาน้องหมาสักพัก ปล่อยให้ได้ทำความคุ้นเคยในแบบของเค้าเอง เช่น ดมมือ เดินสำรวจ หรือค่อย ๆ เดินเข้าไปหาคนแปลกหน้าด้วยตัวเอง ไม่ควรยัดเยียดน้องหมาเข้าไปหานะคะ เพราะจะยิ่งเป็นการสร้างความอึดอัด กลายเป็นประสบการณ์ที่ไม่ดี อีกทั้งยังเป็นการไม่ให้ความเคารพต่อตัวน้องหมา และยังส่งผลให้น้องหมาไม่ให้ความเคารพต่อตัวเราตอบกลับมาอีกด้วยค่ะ อ่านเพิ่มเติม ฝึกลูกหมาตัวน้อยให้เข้าสังคมแบบมืออาชีพ



4.เมื่อทำผิด ห้ามลงโทษด้วยการตี

 

Dogilike.com :: 5 วิธีง่าย ๆ ลับสมองน้องหมาให้ฉลาดเป็นกรด

      สำหรับเจ้าของที่เลี้ยงน้องหมา เชื่อว่า หลายครั้งน้องหมาก็แสดงความน่ารักแสนรู้ให้เราเกิดความประทับใจ แต่ในบางครั้งน้องหมาก็อาจจะเกเร ซุกซน ไม่ทำตามกฏระเบียบ หรือไม่ยอมทำตามคำสั่งจนทำให้หลายครั้งต้องมีการลงโทษน้องหมาเกิดขึ้น ซึ่งหลายคนก็เลือกที่จะใช้วิธีใช้เสียงดุ หรือใช้วิธีตีน้องหมา ... แต่บอกเลยค่ะว่า การตีนั้นอาจทำให้น้องหมากลัวเราได้ก็จริง แต่วิธีนี้จะไม่ได้ช่วยให้น้องหมาจดจำคำสั่ง กฏระเบียบ หรือการฝึกต่าง ๆ ได้ และในทางกลับกันอาจทำให้การฝึกทักษะต่าง ๆ ไม่ประสบความสำเร็จอีกด้วยค่ะ

      ทางที่ดีอย่าตีหรือลงโทษน้องหมาอย่างรุนแรง เพราะนั่นจะทำให้น้องหมาหวาดกลัวเจ้าของ และในกรณีที่น้องหมาตัวที่เราดุนั้นเป็นน้องหมาที่มีตำแหน่งเป็นจ่าฝูงในบ้าน น้องหมาจะมีระดับความก้าวร้าวในสัญชาตญาณที่ค่อนข้างสูง การลงโทษด้วยวิธีการรุนแรงอาจทำให้น้องหมาแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว เช่น ขู่ หรือกัดเราก็ได้ค่ะ

     ดังนั้น เราจึงต้องใช้วิธีตักเตือนน้องหมาและให้นำจิตวิทยามาใช้กับน้องหมา เลียนแบบวิถีที่น้องหมาใช้สื่อสารกันตามธรรมชาติ ก็คือ เราต้องมีความนิ่ง สุขุม มั่นคง จริงจัง และแสดงออกผ่านเสียง ท่าทาง หรือใช้มือเราสำหรับการฉกเพื่อตักเตือนน้องหมาแทน ซึ่งอาจจะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ม้วนแล้วตีพื้นให้เกิดเสียงน้องหมาก็จะตกใจ สะดุ้ง มีสติกลับมามองที่เราและเลิกพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ที่ทำอยู่ค่ะ

     ... เพื่อน ๆ ต้องจำไว้ว่า การลงโทษน้องหมาที่ทำผิด เราจะต้องลงโทษทันทีในขณะที่น้องหมากำลังทำความผิดอยู่ อย่าลงโทษหลังจากที่น้องหมาทำผิดไปแล้ว เพราะน้องหมาไม่มีทางที่จะเข้าใจได้ว่า เราโกรธเค้าเพราะสิ่งที่เค้าทำทิ้งไว้เมื่อหลายชั่วโมงก่อน น้องหมาจะรับรู้แค่ว่าเราโกรธ หรือบางทีอาจจะเข้าใจผิดคิดว่า เราโกรธเพราะสิ่งที่เค้ากำลังทำอยู่ในตอนนั้นก็ได้ค่ะ และข้อสำคัญคือ หากเราฝึกทักษะให้น้องหมา เราจะต้องพยายามจบการฝึกทุกครั้งด้วยทัศนคติในแง่บวก เช่น ถ้าน้องหมายังไม่สามารถทำตามคำสั่งใหม่ ๆ ได้ เราก็จบการฝึกด้วยคำสั่งที่น้องหมาสามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อเค้าทำได้เราก็ต้องไม่ลืมที่จะให้คำชม เพื่อให้น้องหมารู้สึกดีกับการฝึก และไม่ต่อต้านการฝึกในอนาคตค่ะ



5.ให้เวลา ดูแลเต็มที่

 

Dogilike.com :: 5 วิธีง่าย ๆ ลับสมองน้องหมาให้ฉลาดเป็นกรด

    สิ่งที่จะช่วยเติมเต็มให้น้องหมารู้สึกอบอุ่น และมั่นใจมากยิ่งขึ้นนั่นก็คือ การที่เจ้าของแบ่งเวลาให้ความรัก และความใส่ใจกับน้องหมาค่ะ โดยเฉพาะในลูกสุนัขเพราะในวัยนี้ น้องหมายังต้องการเรียนรู้ และมีจิตใจที่ยังไม่มั่นคง หากไม่ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด หรือถูกปล่อยทิ้งไว้เพียงลำพังบ่อย ๆ ก็อาจทำให้น้องหมาหวาดกลัว ทำให้เค้ารู้สึกโดดเดี่ยว ขาดความมั่นคงทางอารมณ์ อาจจะส่งผลให้น้องหมาเหงา เกิดความเครียด และอาจส่งผลให้น้องหมาเกิดพฤติกรรมก้าวร้าว หรือพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ไม่พึงประสงค์ในอนาคตได้

     การให้เวลาอยู่กับน้องหมาเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ เพราะจะช่วยให้ทำทั้งเราและน้องหมามีความผูกพัน ใกล้ชิดต่อกัน ทำให้น้องหมาไว้ใจและเชื่อใจเจ้าของ เราก็สามารถเรียนรู้พฤติกรรมและลักษณะนิสัยของน้องหมาได้ว่า น้องหมาชอบหรือไม่ชอบอะไร และแน่นอนว่า ถ้าหากเรามอบเวลาให้น้องหมาอย่างเต็มที่ น้องหมาไม่รู้สึกขาดความอบอุ่น ก็จะทำให้ถึงเวลาฝึกทักษะน้องหมาน้องหมาก็จะทำตามได้โดยง่ายและเป็นน้องหมาที่น่ารัก เชื่อฟังคำสั่งต่าง ๆ ของเรานั้นเองค่ะ 

      สำหรับการให้เวลาน้องหมาก็สามารถทำได้ง่ายมาก ๆ เพียงแค่เราต้องเคลียร์ตัวเอง แบ่งเวลามาใส่ใจกับน้องหมา ด้วยการมานั่งเล่นอยู่เป็นเพื่อน ลูบตัว กอด ชวนน้องหมาคุย หรือเอาแปรงขนมาหวีขน ตัดเล็บ เช็ดคราบน้ำตา ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้เราได้เช็กว่า น้องหมามีสุขภาพร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง มีความผิดปกติของร่างกายตรงจุดไหนหรือเปล่า เหมือนเป็นการตรวจเช็คสุขภาพน้องหมาแบบคร่าว ๆ ไปในตัว และการใช้มือสัมผัสตัวน้องหมาก็จะช่วยให้น้องหมารู้สึกผ่อนคลาย จิตใจสงบ ช่วยสร้างความมั่นคงทางอารมณ์ ทำให้น้องหมามั่นใจ อุ่นใจที่มีเราอยู่ข้าง ๆ อีกด้วยค่ะ


     เห็นไหมคะว่า วิธีการดูแลน้องหมา ฝึกน้องหมาให้ฉลาดนั้นไม่ใช่เรื่องที่ยากเลย เพียงแค่เราใส่ใจน้องหมาในทุก ๆ ด้านให้อาหารที่เป็นประโยชน์ ฝึกน้องหมาในช่วงเวลาที่เหมาะสม ไม่ดุหรือตีน้องหมาแต่ใช้พลังด้านบวก เท่านี้ก็ทำให้น้องหมามีสุขภาพจิตดี ฝึกทักษะต่าง ๆ ได้ง่ายและเป็นน้องหมาที่ฉลาด น่ารักในสายตาของทุก ๆ คนค่ะ

 

บทความโดย: Dogilike.com
http://www.dogilike.com/

ภาพประกอบ :
https://www.flickr.com/