โดย: Candyx

น้องหมาพันธุ์ไหนบ้างนะ? ที่มักพบปัญหาในช่วงหน้าฝน

หน้าฝนต้องดูแลน้องหมาพันธุ์ไหนเป็นพิเศษบ้าง มาดูกัน ...

2 กรกฏาคม 2562 · · อ่าน (3,435)

ความชื้นจากฝนเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดกลิ่น และปัญหาเรื่องผิวหนังในน้องหมา โดยเฉพาะน้องหมาพันธุ์ที่มีผิวหนังยับย่น
น้องหมาสายพันธุ์ที่มีหูยาวตกลงมามักมีปัญหาหูอับชื้นในช่วงหน้าฝน ต้องดูแลให้หูสะอาดอยู่เสมอ

ช่วงนี้ฝนตกหนักทุกวัน แถมยังตกไม่เป็นเวลา ทำให้ช่วงนี้เห็นคนเป็นหวัดกันกันเยอะเลยทีเดียวค่ะ ... ไม่ใช่แค่คนเราที่เจ็บป่วยในช่วงหน้าฝนเท่านั้น แต่ในบ้านที่เลี้ยงน้องหมา เพื่อน ๆ หลายคนอาจจะเป็นกังวลว่า น้องหมาจะเจ็บป่วยจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งบอกเลยว่าในน้องหมาบางสายพันธุ์ก็ยิ่งต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษในช่วงหน้าฝน เพราะนอกจากจะเจ็บป่วยแล้ว เรื่องปัญหาผิวหนังต่าง ๆ และกลิ่นตัวก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยล่ะค่ะ

คอลัมน์ เทคนิคการเลี้ยงการดูแล วันนี้ ปังปอนด์ก็เลยจะพาเพื่อน ๆ มาดูว่ามีน้องหมาพันธุ์ไหนบ้างที่ต้องดูแลเป็นพิเศษในช่วงหน้าฝน ว่าแต่จะมีสายพันธุ์ไหนบ้าง เราไปดูกันเลย

น้องหมาพันธุ์ที่มีผิวหนังย่น

เพื่อน ๆ บ้านไหนเลี้ยงน้องหมาพันธุ์ที่มีผิวหนังยับย่น เช่น ชาเป่ย , อิงลิช บูลด็อก, เฟรนช์ บูลด็อก, ปั๊ก ฯลฯ หน้าฝนนี้ต้องระมัดระวังและดูแลน้องหมาเป็นพิเศษ เพราะน้องหมาที่มีลักษณะผิวหนังยับ ย่น บริเวรณใบหน้าและลำตัว มักพบปัญหามีกลิ่นเหม็นนั่นก็เพราะว่า สภาพอากาศ ความชื้นจากฝนเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดกลิ่น และปัญหาเรื่องผิวหนัง ซึ่งรอยพับย่นนี้เองค่ะที่เป็นแหล่งหมักหมมสิ่งสกปรกได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะคราบน้ำตาที่จะไหลมาสะสมบริเวณร่องจมูกใต้ตาจนกลายเป็นสีน้ำตาลแดง

ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ มักเกิดจากเชื้อยีสต์ชนิด Red Yeast ที่เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่เปียกชื้น เมื่อเกิดการสะสม (น้ำตาของน้องหมา) เชื้อยีสต์ก็จะทำปฏิกิริยาที่ก่อให้เกิดคราบสีแดงเข้มอมน้ำตาลเกาะที่ขนใต้ตา ซึ่งจะทำให้ผิวหนังบริเวณนี้เกิดการอักเสบติดเชื้อแบคทีเรียและเกิดเชื้อราได้ง่าย รวมถึงเรื่องของความชื้น ความร้อน และการเสียดสีกันของผิวหนัง ก็อาจเป็นสาเหตุของการอักเสบ เกิดกลิ่นเหม็น และเป็นโรคผิวหนังได้หากไม่ได้รับการดูแลทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอจากเจ้าของค่ะ

แนะนำว่า หน้าฝนที่ฝนตกบ่อย ๆ แบบนี้ เพื่อน ๆ ควรดูแลน้องหมาที่มีผิวหนังย่น ไม่ให้ออกไปวิ่งเล่นบนพื้นแฉะ หรือตากฝน รวมถึงหมั่นดูแลเช็ดทำความสะอาดตามร่องของรอยย่นต่าง ๆ ให้แห้ง ไม่ชื้น เน้นดูแลบริเวณใบหน้าเป็นประจำ โดยใช้ผ้า/สำลีชุบน้ำเปล่า หรืออาจจะเลือกซื้อน้ำยาขจัดกลิ่นมาเช็ดร่องแก้ม หรือรอยย่นที่ถูกพับไว้ด้านในของน้องหมาทุกวัน และควรเช็ดให้แห้งเพื่อไม่ให้เกิดการสะสมของแบคทีเรีย หรือเชื้อยีสต์ หากวันไหนมีฝนตกก็ต้องคอยเช็ด ทำความสะอาดใบหน้าและรอยย่นของน้องหมาให้แห้งจะดีที่สุดค่ะ

ชมคลิปการทำความสะอาดน้องหมาหน้าย่น

น้องหมาพันธุ์ที่มีใบหูยาว

   ในช่วงหน้าฝนที่มีความอับชื้นแบบนี้ น้องหมาที่มีลักษณะใบหูพับตกลงมา อย่างเช่น สายพันธุ์บีเกิ้ล , บาสเซ็ต ฮาวด์, ดัชชุน, ค็อกเกอร์ สเปเนียล, อัฟกัน ฮาวด์ ฯลฯ เป็นสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงที่จะมีการติดเชื้อในช่องหูได้หลากหลายชนิด ทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อยีสต์ และไรในหู ฯลฯ

     โดยโรคในช่องหูที่มักพบในน้องหมาที่มีใบหูตกลงมามักจะเป็นโรคช่องหูส่วนนอกอักเสบที่เกิดจากการที่เจ้าของปล่อยปละละเลย ไม่ค่อยดูแลสุขภาพช่องหูให้กับน้องหมา ยิ่งในหน้าฝนที่เกิดการอับชื้นได้ง่ายก็ยิ่งเสี่ยงมาก ๆ เลยค่ะ โดยน้องหมาที่มีการติดเชื้อในหูจะแสดงอาการในเบื้องต้นคือ สั่นศีรษะ สะบัดหัวบ่อย พยายามเกาหู มีขี้หูสีเข้ม หูมีกลิ่นเหม็น มีของเหลวสีเหลือง น้ำตาล หรือของเหลวปนเลือดไหลซึมออกมา เดินวน หรือในบางรายก็อาจมีการทรงตัวผิดปกติก็มีค่ะ

     ถ้าหากน้องหมา ที่แสดงอาการเหล่านี้บ่อย ๆ มากกว่า 5-10 ครั้งต่อวัน ผู้เลี้ยงก็ควรพาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจดูอาการ เพราะหากน้องหมาเหล่านี้ไม่ได้รับการรักษาก็จะเกิดการอักเสบและกลายเป็นการ ติดเชื้อเรื้อรังที่รักษาได้ยาก ซึ่งเจ้าของก็ควรหมั่นทำความสะอาดหูของน้องหมาอย่างสม่ำเสมอเพื่อเป็นการ ป้องกันดีกว่ามาแก้ไขในภายหลังที่อาจจะมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ค่อนข้างมากค่ะ (อ่านบทความเพิ่มเติม 4 วิธีรับมือปัญหาช่องหูส่วนนอกอักเสบในสุนัข) ... ดังนั้น ในช่วงหน้าฝนนี้ แนะนำว่า ให้ดูแลช่องหู

น้องหมาพันธุ์ที่มีขนหนา ขนสองชั้น

    น้องหมาที่มีขน 2 ชั้น เช่น ไซบีเรียน ฮัสกี้ , อลาสกัน มาลามิวท์ , ปอมเมอเรเนียน , เชาเชา , ซามอยด์ ฯลฯ เป็นน้องหมาที่ต้องดูแลเป็นพิเศษในช่วงหน้าฝนค่ะ เพราะของน้องหมาจะแบ่งเป็นขนชั้นนอก หรือ ขนชั้นบน กับขนชั้นในหรือขนชั้นล่าง ซึ่งขนชั้นบนจะยาวกว่า หยาบกระด้างกว่าขนชั้นล่าง และไม่เกาะเป็นแผงแต่จะแยกเป็นเส้นๆ ขนชั้นบนมีหน้าที่ปกป้องผิวหนังไม่ให้ได้รับบาดแผลจากการเคลื่อนไหว การนอนเกลือกกลิ้งอยู่กับพื้น และช่วยกันไม่ให้ขนเปียกน้ำค่ะ ในขณะที่ขนชั้นล่าง จะเป็นเส้นเล็กนิ่มละเอียดปุกปุยและเกาะกันแน่นเป็นแผงคล้ายกับผืนพรมทำหน้าที่ป้องกันความหนาวเย็น รักษาความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย โดยน้องหมาจะผลัดขนชั้นล่างประมาณ 2 ครั้งต่อปี

    ซึ่งการที่น้องหมามีขน 2 ชั้นที่หนากว่าน้องหมาขนชั้นเดียวนี้เอง ถ้าหากขนเปียกแล้วจะแห้งยากและช้ากว่า ทำให้เกิดความอับชื้นได้ง่าย หากไม่ได้รับการดูแล ก็ก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับผิวหนังได้นั่นเองค่ะ ... น้องหมาขน 2 ชั้นดูแลค่อนข้างยาก และต้องใส่ใจเป็นพิเศษ หากจะอาบน้ำให้ก็ต้องเป่าขนจนแน่ใจว่าแห้งสนิท และหากน้องหมาเล่นน้ำฝน หรือตัวเปียก ก็ต้องคอยทำความสะอาด ดูแลขนน้องหมาให้แห้ง สะอาดอยู่เสมอ

    รวมถึงดูแลอุ้งเท้าน้องหมาให้แห้งอยู่เสมอ เพราะอุ้งเท้าเป็นจุดอับที่เกิดการหมักหมมของสิ่งสกปรก เชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดปัญหาเรื่องกลิ่นได้ จึงต้องคอยตัดขนใต้อุ้งเท้าให้น้องหมาเสมอ ซึ่งการตัดขนใต้อุ้งเท้าจะช่วยให้น้องหมาเดินสะดวกมากขึ้นอีกด้วยค่ะ