สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ชาว Dogilike เดือนนี้ก็เข้าสู่เดือนมีนา อากาศก็เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ แล้ว วันนี้หนูนามีเรื่องแนะนำสำหรับเพื่อนๆ ที่เลี้ยงสุนัขในช่วงฤดูร้อน สามารถพบปัญหาได้ในสุนัขทุกสายพันธุ์ และทุกช่วงอายุ แต่จะพบได้มากในสุนัขสายพันธุ์หน้าสั้น สุนัขพันธุ์ใหญ่ และตลอดจนในสุนัขชรา เพื่อนๆ ลองมาดูกันนะคะว่าปัญหาในหน้าร้อนของพวกเขาจะมีเรื่องอะไรบ้าง


สุนัขหน้าสั้น หรือจมูกสั้นมีพันธุ์อะไรบ้าง
          มีสุนัขสายพันธุ์ ปั๊ก , ปักกิ่ง , ชิสุ , บอสตัน เทอร์เรียร์ , เฟรนช์ บูลด็อก , บ็อกเซอร์ บูลด็อก , เชาเชา , แจแปนนิส ชิน  ...

     ลักษณะเฉพาะของระบบทางเดินหายใจ สุนัขพันธุ์หน้าสั้นจะมีรูจมูกแคบหรือตีบ หลอดลมตีบง่าย ช่องปากมักจะมีเพดานอ่อนที่ยาวเกินไป เพดานปากจึงมักไปขวางทางเดินหายใจ ทำให้เวลาสุนัขหายใจจะมีเสียงดังเหมือนคนนอนกรน การเห่าหรือใช้เสียงมากเกินไป อาจทำให้มีการบวมบริเวณด้านในของกล่องเสียงทำให้รูทางเดินหายใจแคบและหายใจไม่ออก   ลักษณะเหล่านี้ส่งผลให้สุนัขพันธุ์หน้าสั้นนั้นจะทนต่อสภาวะอากาศร้อนได้น้อยกว่าพันธุ์อื่นๆ   

     โครงสร้างของใบหน้า ทำให้อากาศไม่สามารถผ่านเข้าออกได้อย่างรวดเร็วเพียงพอ โดยขณะที่หอบมากๆ จะทำให้น้ำลายระเหยไปเพื่อช่วยระบายความร้อน เพราะสุนัขมีต่อมเหงื่อน้อยมากถ้าหากเทียบกับคน ดังนั้น จึงไม่สามารถระบายความร้อนได้ทันทีทันใด

     และถ้าอุณหภูมิร่างกายสูงมากกว่าปกติ จะนำไปสู่สภาวะ Heat Stroke ได้  ทั้งนี้ การใช้งานสุนัขหน้าสั้นหนักเกินไป จะทำให้ทางเดินหายใจส่วนบนบวมและอักเสบ ส่งผลให้ทางเดินหายใจที่แคบอยู่แล้ว อาจจะอุดตัน อุณหภูมิร่างกายจะสูงกว่าปกติมากจนทำให้สมองบวม ความดันเลือดสูง และเส้นเลือดแตกได้

     ได้แก่ พันธุ์เยอรมันเชฟเพิร์ด , พันธุ์ลาบราดอร์ , พันธุ์ร็อทไวเลอร์ , พันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ และพันธุ์เกรดเดน ตลอดจนพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ที่เจ้าของชอบพาเดินหรือวิ่งออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ ควรจะให้เค้าออกกำลังกายในช่วงเวลาของวันที่มีแสงแดดอ่อนๆ เช่น ช่วงตอนเช้า หรือตอนเย็น ซึ่งมีอุณหภูมิเย็นลงกว่าในช่วงกลางวัน หากออกกำลังกายช่วงตอนกลางวันที่มีอุณหภูมิสูงหรือร้อนจัดแล้ว สุนัขกลุ่มนี้จะเกิดโรคลมเหตุร้อนได้อย่างง่ายที่สุดค่ะ

     เป็นกลุ่มสุนัขที่เกิดโรคลมเหตุร้อนได้บ่อย เนื่องจากสูญเสียการรับรู้เรื่องความร้อนของร่างกาย และมักมีโรคข้อเสื่อม เดินหรือเคลื่อนไหวลำบาก หากสุนัขเหล่านี้นอนตากแดดในสนามหญ้าหรือบริเวณที่ไม่มีร่มเงาของต้นไม้ และไม่สามารถลุกหนีความร้อนหรือแสงแดดได้ ตลอดจนการถูกขังอยู่ในกรงที่มีอากาศร้อนก็จะทำให้เกิดโรคลมเหตุร้อนได้อย่างรวดเร็ว สำหรับสุนัขช่วงอายุอื่นๆ ก็อาจเกิดโรคลมเหตุร้อนได้เช่นกัน เช่น สุนัขที่เลี้ยงในห้องปรับอากาศ หากถูกนำมาอยู่ภายนอกห้องปรับอากาศอาจจะทำให้เกิดโรคลมเหตุร้อนได้ในเวลาเพียง 10-15 นาที

     อาการผิดปกติที่เจ้าของสามารถจะสังเกตเห็นในสุนัขที่ป่วยด้วยโรคลมร้อนนี้ได้ คือ สุนัขป่วยจะตัวร้อนมีไข้สูง เนื่องจากอุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้นกว่าปกติอย่างรวดเร็ว เจ้าของสามารถจับตัวสุนัข บริเวณอุ้งเท้าขาทั้งสี่จะพบว่าร้อนและมีอุณหภูมิสูงขึ้น สุนัขบางตัวแสดงอาการหมดแรงถึงขั้นหมดสติ หายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็ว อุณหภูมิร่างกายอาจขึ้นสูงตั้งแต่ 106 ฟาเรนไฮน์ - 109 ฟาเรนไฮน์ ซึ่งเป็นช่วงอันตราย (อุณหภูมิปกติของสุนัขคือ 101 ฟาเรนไฮน์  - 102 ฟาเรนไฮน์) สีของเยื่อเมือกในช่องปากซีด ...

  สุดท้ายหากอาการรุนแรงอย่างมากอาจส่งผลให้สุนัขเสียชีวิตเนื่องจากความล้มเหลวของการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย เช่น ตับ ไต สมอง ระบบกระเพาะอาหารและลำไส้ การเกิด Disseminated intravascular coagulation (DIC) เป็นต้น อุณหภูมิของร่างกายสุนัขที่สูงเกินกว่า 109 ฟาเรนไฮน์ จะก่อให้เกิดโรคไตวาย เนื่องจากเซลล์ของท่อไตถูกทำลายและมีเลือดไปเลี้ยงไตลดลง ตับอาจเกิดความเสียหายจากการที่เซลล์ตับเกิดการตาย สุนัขป่วยจะแสดงอาการถ่ายเป็นเลือด อาเจียนเป็นเลือด ความร้อนที่สูงขึ้นภายในร่างกายจะทำให้เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่กระแสโลหิต เกิดการติดเชื้อในกระแสโลหิต ความร้อนที่สูงมากจะทำลายเซลล์ประสาท ทำให้สมองบวม เกิดอาการชักรุนแรงจนเข้าตรีทูต (coma) และเสียชีวิตในที่สุด

     เป็นอย่างไรคะเพื่อนๆ ชาว Dogilike เหมือนจะไม่อันตราย แต่จริงๆ แล้วเป็นอันตรายที่คาดไม่ถึงเลยค่ะ แต่ทุกอย่างก็มีทางแก้นะคะ วันไหนสุนัขเครียดก็ผสมน้ำแข็งกับน้ำดื่มสุนัขให้เค้ากินแก้กระหาย ให้ชื่นใจได้ค่ะ , ถ้าวันไหนร้อนๆ ก็อาบน้ำบ้าง แต่ต้องดูด้วยว่าร่างกายสุนัขมีอุณหภูมิสูงเกินไปหรือเปล่า (ถ้าอาบน้ำตอนอุณหภูมิในร่างกายสูงมากๆ ก็จะเสี่ยงไข้ขึ้นค่ะ) หรือไม่อย่างนั้นก็เช็ดตัวแทนค่ะ , ที่นอนสุนัข ควรอยู่ในที่ร่ม อากาศถ่ายเทตลอดทั้งวัน หรือถ้าเป็นไปได้ ใช้กระบอกพ่นน้ำบนหลังคากรงก็ได้ค่ะ ช่วยได้เยอะเลย

     ช่วงที่อากาศร้อนมากๆ ไม่ควรพาสุนัขออกไปตากแดดในช่วงที่ร้อนจัด เวลาเช้า - เย็น ได้ค่ะ เพื่อออกกำลังกายนิดหน่อย อย่าลืมค่ะ ถ้าสุนัขขนยาว ก็เข้าร้านเสริมสวยตัดผมบ้างอะไรบ้างได้นะคะ (ที่สำคัญอย่าปล่อยให้สุนัขอยู่ในรถโดยไม่มีอากาศถ่ายเทนะคะ)

          ปล. อย่าลืม รอยพับบนใบหน้าของสุนัขสายพันธุ์หน้าสั้น มักเกิดอาการอักเสบได้ง่าย จึงต้องคอยระวังดูแลรอยพับบนใบหน้านั้นให้แห้งและสะอาดอยู่เสมอค่ะ

สุดท้าย
มาดูน้องหมาเล่นชิงช้าดีกว่า ว่าหน้าตาเค้าดูมีความสุขขนาดไหนค่ะ