โดย: พริกขี้หนู
7 สายพันธุ์น้องหมา ที่ใครเลี้ยงแล้ว มักถูกมองว่า รวย!
สายพันธุ์ที่ติดอันดับแพงแสนแพงทั้งค่าตัว ค่าเลี้ยงดู ไม่มีเงินเลี้ยงไม่ได้นะเนี่ย
12 มกราคม 2558 · · อ่าน (70,800)
ในแต่ละปีจะมีการจัดอันดับสายพันธุ์น้องหมาที่ราคาแพงมากที่สุดในโลก ซึ่งบางสายพันธุ์อาจแพงเพราะความหายาก แพงเพราะขนาดตัว แพงเพราะค่านิยม รวมไปถึงค่าดูแล เลี้ยงดูอาหาร ค่ารักษาพยาบาล แน่นอนค่ะว่า ถ้าเดินพาจูง ใครเห็นแล้วต้องมองเหลียวหลัง หรือไม่ก็เข้ามาทักขอถ่ายรูปด้วย มาดูกันค่ะว่า มีสายพันธุ์ไหนใครเห็นแล้วต้องร้องว้าว.....ถ้าไม่มีเงินเลี้ยงไม่ได้นะเนี่ย
ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ – ดุโหด ราคาโหด กินโหด
น้องหมาพันธุ์ยักษ์ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ เป็นน้องหมาร่างใหญ่ยักษ์ขนพองฟูเหมือนสิงโต มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ทิเบต ประเทศจีน โดยมีความเชื่อว่า เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ มีเลือดสิงโต (Lion Blood) สมกับความดุโหดและแข็งแกร่งมากที่สุดในโลก แต่ในปัจจุบันทิเบตัน มาสทิฟฟ์ ได้ผสมข้ามสายพันธุ์จนมีขนาดตัวเล็กลง เลือดทิเบตันขนานแท้ถูกเจือจาง จึงได้มีการอนุรักษ์สายพันธุ์ทิเบตันเลือดแท้เพื่อให้พวกเขายังคงสามารถคงอยู่ต่อไป ราคาถึงแพงแสนแพง
ทำไมถึงคิดว่ารวย แค่ค่าตัวก็แพงราคาขั้นต่ำก็ 7 หมื่นกว่าๆ แล้ว ในเมืองไทยก็มีอยู่ประมาณ 10 ตัว ราคาเป็นล้าน ส่วนตัวที่แพงที่สุดในโลกก็ราคาเหยียบ 60 ล้าน ยังไม่นับค่าอาหารที่อย่างต่ำต้องเป็นเกรดพรีเมี่ยมเน้นโปรตีนสูง ให้อาหาร 4-6 ถ้วย 2 มื้อ ยิ่งถ้าวัยเด็กต้องให้มากกว่าตอนโตแล้ว แต่ถ้าให้กินอาหารปรุงเอง ต้องมีปริมาณอาหาร 1-2 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว กรูมมิ่งยากลำบากเพราะขนหนามากๆ ทำความสะอาดยาก พื้นที่ตัวก็เยอะ แถมยังดุ อาจต้องมีช่างส่วนตัว ส่วนการรักษาดูแลสุขภาพ ปริมาณวัคซีนหรือยาก็เพิ่มตามน้ำหนักตัว ค่าใช้จ่ายจึงสูงขึ้น นี่ถ้าป่วยทีหนึ่งไม่อยากถึงค่าใช้จ่ายเลย โหดมากแน่ๆ
ซามอยด์ – น่ารัก ราคาหนัก กรูมมิ่งจัดเต็ม
ซามอยด์เป็นสายพันธุ์เก่าแก่ ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์โดยชาวซามอยด์ที่อาศัยอยู่ทางแถบไซบีเรีย พวกเขาถูกเลี้ยงไว้เพื่อต้อนกวาง ลากเลื่อน แต่ก็ได้รับการดูแลอย่างดี ให้เกียรติถึงขนาดเข้าไปนอนในเต้นท์ของเจ้านายได้ เพราะถือว่าซามอยด์คือผู้กุมชีวิตของพวกเขาให้อยู่รอด ทำงานสำเร็จท่ามกลางความหนาวเหน็บของไซบีเรีย
ทำไมถึงคิดว่ารวย เริ่มจากราคาซามอยด์ที่ได้รับมาตรฐาน ไม่ใช่ซื้อจากฟาร์มที่ผลิตเพื่อเร่ขายตามกระแส ราคาจะสูงมากถึง 300,000 บาทหรือมากกว่านั้น แล้วเนื่องจากซามอยด์มีน้ำหนักมากไปไหนมาไหนก็ต้องใช้รถ อาหารที่กินควรเป็นอาหารที่มีคุณภาพสูงเพื่อบำรุงทั้งร่างกายและขนสีขาวซึ่งขนสีขาวหนาของพวกเขานี่แหละค่ะ ที่ถ้าไม่ดูแลไม่ดีก็จะเป็นสางกะตาง ขนเหลือง และ มีปัญหาผิวหนัง ระยะเวลาการกรูมมิ่งใช้เวลานาน กว่าจะเป่าให้แห้งสนิท อาจต้องมีน้ำยาพิเศษสำหรับน้องหมาขนสีขาวโดยเฉพาะ ถ้าไม่ทำความสะอาดเอง ก็จะต้องเสียค่ากรูมมิ่งในราคาค่อนข้างสูงนั่นเองค่ะ
ไอริช วูลฟ์ฮาวดน์ – เก่าแก่ ตัวสูง กินเยอะ
จากชื่อก็รู้แล้วว่า มีถิ่นกำเนิดมาจากไอร์แลนด์ พวกเขาเป็นเน้องหมาสายพันธ์ุเก่าแก่ถึง 2,000 ปี เป็นน้องหมาที่เคยออกศึกสงครามร่วมกับชาวโรมัน เพราะตัวสูงมากถึง 90 เซนติเมตร (เป็นสายพันธุ์ที่สูงที่สุดในโลก) หากยืน 2 ขา สูงถึง 210 เซนติเมตร สูงกว่าคนอีกค่ะ แถมยังมีความว่องไว ขายาวควบได้เร็วไวอีกด้วย ช่วงศตวรรษที่ 19 พวกเขาเคยจะสูญพันธุ์มาแล้ว แต่ก็ได้รับการขยายพันธุ์รอดพ้นจากวิกฤติมาได้ แต่ก็ยังต้องคอยอนุรักษ์ ระมัดระวังการสูญพันธุ์ที่อาจเกิดขึ้น หากมีคนสนใจที่จะเลี้ยงน้อยลง
ทำไมถึงคิดว่ารวย ด้วยความเป็นสายพันธุ์ที่เก่าแก่ หายาก ตัวใหญ่ ราคาจึงอยู่ที่ 48,000 – 64,000 บาท กินอาหาร 10 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 1 กิโลครึ่งต่อวัน อาหารควรมีคุณภาพสูงเพราะอาจเกิดปัญหาเรื่องการย่อย แล้วเนื่องจากตัวสูงใหญ่อาจทำให้เกิดโรคกระเพาะบิดได้ง่าย อาจต้องซื้อถาดสำหรับหมาสูงโดยเฉพาะ แล้วระวังเรื่องการกิน ถ้าหาหมอที่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเพราะน้ำหนักและขนาดตัวค่อนข้างมาก พวกเขามีอายุสั้น โรคเยอะ เนื่องจากอวัยวะภายในเล็กกว่าขนาดตัวมาก (ค่ารักษาอ่วมค่ะ) แล้วถึงพวกเขาจะอยู่ในบ้านได้ แต่ก็ต้องมีพื้นที่มากพอที่พวกเขาจะนอนยืดขาได้ บ้านควรจะใหญ่ ไม่เช่นนั้นจะ ทำให้เกิดปัญหากระดูกขางอ ต้องมีสนามหญ้ากว้างมากๆ ให้พวกเขาได้วิ่งเล่นด้วยเพื่อออกกำลังกายขาไม่ให้เกิดปัญหาในภาคหน้าค่ะ (สำหรับน้องหมาพันธุ์อื่นที่ใกล้เคียงกับไอริช วูลฟ์ฮาวนด์ในบ้านเราก็เกรทเดนค่ะ)
เชา เชา - ค่าตัวแพง สายพันธุ์เก่าแก่ การดูแลสูง
เชาเชามีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศจีน เป็นสายพันธุ์เก่าแก่อายุกว่า 2,000 ปีบางหลักฐานระบุว่าเกิดจากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างสุนัขพันธุ์มาสตีฟแห่งธิเบตและพันธุ์ชามอยจากตอนเหนือของไซบีเรีย อีกทั้งยังไปได้รับความนิยมในประเทศอังกฤษในปี ค.ศ. 1880 หน้าตาตี๋ ขนฟู ลิ้นดำ เป็นเอกลักษณ์ และมีความเฉลียวฉลาด สามารถในการดมกลิ่นเป็นเลิศ
ทำไมถึงคิดว่ารวย ด้วยความเป็นน้องหมาสายพันธุ์เก่าแก่ เป็นที่นิยมถึงยุโรป ราคาจึงค่อนข้างสูง อยู่ที่ 35,000 ถึง เฉียดๆ 3 ล้านถ้ามีเชื้อเก่าแก่ ถึงไม่ป๊อบปูลาร์ในไทย ก็ใช่ว่าราคาจะตกต่ำนะคะ อาหารก็ควรเป็นอาหารค่อนข้างพรีเมี่ยมขึ้นไป ถ้าโฮลิสติกได้จะดีเยี่ยม ดูแลผิวหนังและขนเป็นพิเศษ เพราะถ้าเกิดปัญหาขึ้นมา ก็ต้องเสียค่ารักษาโรคผิวหนังเรื้อรังแน่ๆ เป็นบ่อย เป็นนานไม่ค่อยหาย แถมต้องพาไปอาบน้ำที่ร้านซึ่งใช้เวลานานกว่าขนจะเปียก แล้วล้างขนให้แห้ง นอกจากเสียเวลานานแล้ว ยังเสียเงินไม่ใช่น้อย ยิ่งถ้ามีปัญหาจากโรคประจำสายพันธุ์ก็จะต้องเตรียมเงินไว้สำหรับค่ารักษานะคะ
ซาลูกิ – สง่างาม บอบบาง เสี่ยงมะเร็ง
ซาลูกิมีถิ่นกำเนิดในประเทศอียิปต์ เป็นถึงสุนัขของราชวงศ์แห่งอียิปต์ รูปร่างงามสง่า สูงชะลูด เดิมทีนิยมนำซาลูกิล่ากวาง เนื่องจากปราดเปรียว คล่องแคล่ว ว่องไว สายตาเฉียบคม ทนต่อสภาพอากาศทะเลทรายได้ดี มีความสามารถในการล่าสัตว์ แล้วความสามารถในการล่าสัตว์ก็นำพาพวกเขาไปประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1840
ทำไมถึงคิดว่ารวย เริ่มจากราคาค่าตัว อยู่ที่ประมาณ 81,000 บาท จากฟาร์มที่มีการรับรองเป็นอย่างดี ราคาไม่เบาเกือบเหยียบแสนเลยทีเดียว เพราะเป็นสายพันธุ์เก่าแก่ หาเลี้ยงยาก หากไม่ใช่ท้องถิ่น ก็จะเป็นคนมีฐานะเลี้ยง นอกจากนี้ ผิวหนังของพวกเขาค่อนข้างเปราะบางควรใช้น้ำยาสระขนที่บอบบางเป็นพิเศษสกัดจากธรรมชาติได้ยิ่งดี บ้านควรมีพื้นที่มากพอให้พวกเขาสามารถวิ่งเล่นได้ และจำเป็นต้องดูแลเรื่องการกินเป็นพิเศษเพื่อป้องกันความเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งตับ ต่อมน้ำเหลืองที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ถึง 35 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งโรคหัวใจล้มเหลวซึ่งเป็นโรคประจำสายพันธุ์อีกด้วย เพราะฉะนั้นหากพวกเขาป่วย ค่ารักษาจึงค่อนข้างสูงมากและยืดเยื้อยาวนาน
อลาสกัน มาลามิวท์ – ยักษ์ใหญ่ กรูมมิ่งแน่น ค่าสุขภาพสูง
อลาสกัน มาลามิวท์ เป็นหนึ่งในสายพันธุ์สุนัขลากเลื่อนที่เก่าแก่ที่สุดสายพันธุ์หนึ่ง มีถิ่นกำเนิดแถบอาร์คติก ได้ตั้งชื่อตามชาวเผ่าพื้นเมืองอินนุยท์ ที่มีชื่อว่า มาลามิว ผู้ซึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่แถบชายฝั่งโค เซบู เซาด์ ในทางตะวันตกตอนบนอลาสก้า อลาสกัน มาลามิวท์มีลักษณะคล้ายคลึงกับไซบีเรียน ฮัสกี้ แต่ตัวใหญ่กว่า หน้าไม่แหลมเท่า และหูสั้นกว่า หน้าตาไม่เจ้าเล่ห์ พวกเขาเป็นมิตร เรียบร้อย ไม่ค่อยไฮเปอร์
ทำไมถึงคิดว่ารวย ราคาค่าตัวอยู่ที่ 40,000 – 80,000 บาท ผู้ที่จะเลี้ยงได้จำเป็นต้องมีรถ (ยิ่งกว้างยิ่งดี) เพราะพวกเขาตัวยักษ์ใหญ่มากๆ ถ้าพาเที่ยวนานๆ นั่งในที่แคบอาจทำให้มีปัญหาที่ข้อสะโพกได้ด้วย แล้วค่ารักษาก็เพิ่มตามขนาดตัวแล้วน้ำหนัก ผู้เลี้ยงควรตรวจเชคสุขภาพเป็นอย่างดี เพราะถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับกระดูก สะโพก หรือกล้ามเนื้อขึ้นมาค่ารักษาแพงกว่าค่าตัวหลายเท่าตัวแน่นอนค่ะ นอกจากนี้ ควรเลือกอาหารที่มีโภชนาการครบถ้วนเกรดพรีเมี่ยมจะดีสำหรับบำรุงทั้งร่างกายและขน ป้องกันโรคประจำสายพันธุ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ถ้ามีห้องแอร์ได้จะดีต่อพวกเขามากค่ะ ซึ่งก็ต้องเตรียมรองรับค่าไฟไว้ด้วย บ้านควรมีพื้นที่สนามหญ้าให้เขาได้เดินเล่น แล้วสำหรับคนที่ไม่อยากอาบน้ำน้องหมาเอง ค่ากรูมมิ่ง อาบน้ำสางขนก็แพงไม่ใช่เล่น ควรพาไปว่ายน้ำออกกำลังกาย เพื่อป้องกันโรคเกี่ยวกับกระดูก.....การจะเลี้ยงพวกเขาให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ต้องอาศัยเม็ดเงินจริงๆ ค่ะ
พ็อมโบรค เวลช์ คอร์กี้ – หลังยาวระวัง ขาสั้น กินดี
ขอน้องหมาพันธุ์กลางมาแจมความแพงเสียหน่อย พ็อมโบรค เวลช์ คอร์กี้ หรือ คอย่างที่เรารู้จักกัน เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นนี้มีต้นกำเนิดอยู่ที่รัฐเพ็มโบรคเชียร์ สหราชอาณาจักร กันเป็นสุนัขสายพันธุ์ราชวงศ์อังกฤษ เป็นสายพันธุ์เก่าแก่กว่า 3,000 ปี คอร์กี้มีชื่อเสียงมากขึ้นเมื่อมาเป็นที่โปรดปรานสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร พวกเขามีความสง่างามแม้ขาจะสั้น แต่ก็มีดวงตาสดใส รอยยิ้มพิมพ์ใจ
ทำไมถึงคิดว่ารวย ราคาของคอร์กี้สำหรับตัวที่มาตรฐานสายพันธุ์จะอยู่ที่ราคา 35,000 บาทขึ้นไป ขนคิอร์กี้ค่อนข้างหน้าร่วงเยอะมาก ควรแปรงขนเป็นประจำทุกวัน พาไปกลูมิ่ง แต่งขนแต่งเล็บ นอกจากนี้ยังอ้วนง่ายอาหารที่ให้ควรเป็นอาหารสูตรเฉพาะสำหรับคอร์กี้ที่ช่วยควบคุมน้ำหนัก บำรุงขน ซึ่งราคาค่อนข้างสูง การออกกำลังกายก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคอร์กี้ พวกเขามีขาสั้น หลังยาว ออกกำลังกายโดยการวิ่งอาจส่งผลต่อกระดูกสันหลังจึงควรพาไปว่ายน้ำเป็นประจำทุกสัปดาห์ ส่วนเรื่องสุขภาพร่างกาย พวกเขามีแนวโน้มเป็นโรคเกี่ยวกับดวงตา จอรับภาพเสื่อมฉียบพลัน มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง และข้อเท้าโก่งได้หากน้ำหนักเกิน ค่ารักษาจึงค่อนข้างสูง ซึ่งคนที่เลือกเลี้ยงแล้ว ถ้าไม่หาอาหารดีๆ พาไปออกกำลังกายกาย พาไปว่ายน้ำอาจต้องเตรียมตัวเตรียมใจเตรียมกระเป๋าเงินไว้รับมือ
น้องหมาที่มีราคาแพง (อ่านเพิ่มเติม ยลโฉม 12 สายพันธุ์สุนัขที่แพงที่สุดในโลก!) ใครจูง ใครเลี้ยงก็ดูว่าเป็นคนมีฐานะ แต่ก็ต้องระมัดระวังผู้เลี้ยงที่มักสปอยด์น้องหมาทั้งเรื่องของขนม ของเล่น การใช้ชีวิต ที่อาจทำให้ผู้เลี้ยงจะต้องเสียเงินค่ากิน ค่าดูแล แล้วอาจต้องเสียค่าของสิ้นเปลือง ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพได้ ทำให้เสียเงินบานปลาย ถึงเป็นคนมีเงินก็อาจขนหน้าแข้งร่วงได้เหมือนกันนะคะ
บทความโดย : Dogilike.com
ข้อมูลอ้างอิง :
http://theilovedogssite.com/10-most-expensive-dog-breeds-to-own/#x1M18Rw6uBBTqjoj.99
http://theilovedogssite.com/10-most-expensive-dog-breeds-to-own/5/
http://www.bmdinfo.org/newpages/Puppy_Costs.php
http://www.outsideonline.com/outdoor-adventure/dogs/The-10-Most-Expensive-Dog-Breeds.html#slide-6
ภาพประกอบ :
www.nydailynews.com
www.petguide.com
www.dwzrv.com
www.pluspets.net
www.dogforums.com
chowchowdog.net
www.boswellpipes.com
animals.nationalgeographic.com
www.samoyedclubvictoria.com
- ส่งต่อให้เพื่อน:
- Categories : เรื่องน่ารู้ ·
SHARES