ใครกำลังเลี้ยงน้องแมวเบงกอล มาดูกันค่ะว่า มีเรื่องอะไรของน้องที่เราต้องรู้บ้าง ... 

 

 

การกำเนิดขึ้นของแมวเบงกอล เริ่มโดย คุณ Jean Mills หญิงชาวมลรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่หลงใหลในลวดลายของแมวป่า เธอใช้เวลาถึง 20 ปี (เริ่มมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 หรือ พ.ศ. 2523) ในการพัฒนาให้มีจุด (Spotted ที่ใหญ่และแมวตัวผู้ไม่เป็นหมัน (แมวตัวผู้จะเป็นหมันใน F1 and F2) จนสามารถสร้างจุดให้ใหญ่และมีสีที่ตัดกันในจุดมากขึ้นด้วย และเธอตั้งชื่อสายพันธุ์นี้ว่า เบงกอล ตามชื่อวิทยาศาสตร์ของแมวป่าที่เรียกกันว่า Felis Bengalensis นั่นเอง

 

แมวเบงกอล มีลักษณะภายนอกคล้ายแมวป่า แข็งแรง สามารถมองเห็นกล้ามเนื้อได้ชัดเจน มีความสมดุลของกล้ามเนื้อและขนาดตัว แมวเบงกอลมีขากรรไกรที่แข็งแรง มีจุดสังเกตเป็นสีเข้มบริเวณรอบดวงตา มีหูขนาดเล็ก แต่มีความกลมมนที่ส่วนปลายหู ขนสั้นถึงปานกลาง ผิวสัมผัสมีความแน่นและเรียบ นอกจากนี้ยังมีสีของขนที่เป็นเอกลักษณ์ของสายพันธุ์ไม่เหมือนกับแมวชนิดอื่น คือ มีลายจุด, ลายคล้ายดอกกุหลาบ, ลายลูกศร หรือ ลายหินอ่อน ซึ่งจุดส่วนใหญ่จะปรากฎในรูปแบบสุ่ม หรือวางตัวในแนวนอนตามลำตัว

 

แมวเบงกอลเป็นแมวที่มีนิสัยรักใคร่ ชอบแสดงความรัก และเป็นแมวที่มีพลังเยอะ ว่องไว ชอบเล่น ชอบปีนป่าย นอกจากนี้แมวเบงกอลยังเป็นแมวที่ฉลาดและชอบที่จะสังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัว และสามารถส่งเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ด้วย 

 

ด้วยความที่เป็นน้องแมวพลังงานสูง ใครที่อยากจะเลี้ยงแมวเบงกอลจำเป็นจะต้องมีความว่องไวและชอบการทำกิจกรรม ต้องมีเวลาชวนน้องแมวเล่น ให้น้องแมวได้ระเบิดพลังเพื่อคลายเครียดบ้าง เพราะจะช่วยให้มีสุขภาพที่ดี และทำให้พลังงานในร่างกายสมดุล ลดพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ด้วย

 

- แมวเบงกอลมักป่วยเป็นโรคสะบ้าเข่าเคลื่อน (PATELLAR LUXATION)

- แมวเบงกอลจะมีขี้หูมากกว่าปกติ ทำให้มีโอกาสเป็นโรคหูชั้นนอกอักเสบจากไรหู เชื้อรา และเชื้อแบคทีเรียได้สูงกว่าพันธุ์อื่น

- แมวเบงกอลมีโรคผิดปกติทางพันธุ์กรรม ดังนี้

• โรคต้อกระจก

• โรคจอตาเสื่อม

• โรคหัวใจโต

• โรคปลายประสาทเสื่อม

• โรคไตวายเรื้อรัง

 

 

บทความโดย: Dogilike.com

http://www.dogilike.com/