อีกหนึ่งเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้น ใครจะเชื่อล่ะคะว่าการโพสต์ภาพจากงานแต่งงานที่มีน้องหมาหน้าตางง ๆ ตัวหนึ่งที่หลงเข้ามาในเฟรมลงไปในโลกโซเชียล จะทำให้น้องหมาตัวนั้นมีโอกาสได้กลับไปพบกับเจ้าของอีกครั้ง!!
 

     เหตุการณ์ที่น่าประทับใจนี้เกิดขึ้นเมื่อ "คุณวันเฉลิม กองม่วง" ช่างภาพหนุ่มได้ถ่ายภาพขณะที่น้องหมาตัวหนึ่งเดินเข้ามาร่วมในเฟรมในงานแต่งงานขณะที่บ่าวสาวกำลังถ่ายภาพกันอยู่ และด้วยความที่บ่าวสาวเป็นคนรักน้องหมาทั้งคู่เลยไม่ไล่น้องหมาไป และให้เก็บภาพน่ารัก ๆ นั้นเอาไว้ หลังจากนั้นคุณวันเฉลิมก็ได้นำภาพนั้นมาโพสต์ในโซเชียล เมื่อภาพถูกแชร์ออกไปก็มีคนติดต่อกลับมาว่าเขาเป็นเจ้าของน้องหมาตัวนี้ และในที่สุดน้องหมาตัวนี้ก็ได้กลับบ้านอีกครั้ง

     และวันนี้ Dog Spotlight จะพาพูดคุยกับคุณวันเฉลิมถึงเหตุการณ์ที่น่าประทับใจในวันนั้นกันค่ะ


     มะเหมี่ยว : ช่วยเล่าถึงเหตุการณ์ในวันแต่งงาน(ตามที่เป็นข่าว)ให้ฟังหน่อยค่ะ
     คุณวันเฉลิม : จริง ๆ ภาพงานแต่งที่เป็นข่าวถ่ายไว้น่าจะปีหนึ่งแล้วครับ คือวันนั้นผมเป็นช่างภาพที่ไปถ่ายงานนี้ ช่วงที่ถ่ายภาพหน้าแบคดรอปก็มีน้องหมาตัวหนึ่งเดินวนไปวนมาแถวนั้น
 

     "ตอนนั้นผมก็ไปถ่ายภาพน้องหมาตัวนั้นนะ เพราะว่าปกติก็ถ่ายภาพพวกลูกหมาจรเพื่อหาบ้านอยู่แล้ว ก็เล่นกับมันไป ตอนนั้นก็คิดว่าเป็นน้องหมาของสโมสรนั่นแหละ จนช่วงที่แขกเริ่มเข้างานหมดแล้วมันก็มานอนอยู่ตรงแบคดรอปเลย ผมก็เลยถ่ายภาพไว้เล่น ๆ บ่าวสาวมาเห็นพอดีเลยมาถ่ายด้วย เพราะว่าเขาชอบหมากันอยู่แล้ว พอเสร็จจากงานวันนั้นผมก็เลยเอารูปน้องหมาที่ถ่ายไว้ไปโพสลงกรุ๊ปสัตหีบ ... เจ้าเอย ที่ผมเป็นแอดมินอยู่ คือตอนโพสต์ก็แค่อยากให้คนเห็นแล้วยิ้มมีความสุขไปกับภาพ โพสต์นั้นก็มีคนแชร์ออกไป ซึ่งก็ส่วนใหญ่จะแชร์ในสัตหีบ เพราะคนในกลุ่มเป็นคนสัตหีบผ่านมาวันสองวัน มีคนทักมาว่าคล้ายหมาของเขาที่หายไปเพราะตกใจเสียงพลุ ผมเลยบอกให้ลองมาดูไม่แน่ใจว่ายังอยู่หรือเปล่า เพราะมันผ่านมาวันนึงแล้ว เขาเลยไปดู ปรากฎว่ามันยังอยู่และเป็นน้องหมาของเขาจริง ๆ ซึ่งระยะทางจากบ้านที่หลุดมากับสโมสรก็ไกลกันมาก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาได้ยังไง"


     มะเหมี่ยว : ตอนที่รู้ว่าน้องหมาตัวที่ถ่ายรูปแล้วนำไปโพสลงกรุ๊ปได้เจอกับเจ้าของ คิดไหมคะว่าสิ่งที่โพสนั้นจะเปลี่ยนชีวิตน้องหมาขนาดนี้
     คุณวันเฉลิม : ถ้าถามว่าเปลี่ยนชีวิตไหม ผมมองว่าเปลี่ยนนะ เพราะว่าถ้าเราไม่บังเอิญถ่ายรูปน้องหมา และไม่ได้เอาไปโพส เจ้าของก็คงไม่มาเห็น แล้วน้องหมาตัวนี้ก็อาจจะกลายเป็นหมาจรอีกตัวในอนาคต
 

     มะเหมี่ยว : ระหว่างหาข้อมูลทำประเด็นสัมภาษณ์ ไปตามดูภาพต่าง ๆ ที่เคยโพสต์ในกรุ๊ป  Gluta Story Club เห็นว่าถ่ายภาพน้องหมาเอาไว้เยอะมาก แสดงว่าส่วนตัวเป็นคนที่ชอบถ่ายภาพน้องหมาอยู่แล้วใช่ไหมคะ ... จุดเริ่มต้นของความชอบนี้มาจากอะไรคะ
     คุณวันเฉลิม : จุดเริ่มต้นก็มาจากชอบถ่ายรูปแมวที่บ้านครับ แล้วได้ไปช่วยเก็บภาพพวกอาสาช่วยหมา เลยไปถ่ายภาพช่วยเขาแชร์กิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำ
 

     "พอเริ่มทำกิจกรรมตรงนั้นได้สักระยะ ผมก็เริ่มเอาภาพที่ถ่ายรูปลูกหมาจรมาโพสหาบ้านให้เขา ถ่ายมาประมาณปีกว่าน่าจะได้เกือบ 100 ตัวแล้วล่ะครับ ผมจะเน้นถ่ายให้น่ารักคนจะได้สนใจ เขาจะได้ได้บ้าน"


     มะเหมี่ยว : ถ่ายภาพน้องหมาจากหลาย ๆ ที่เก็บไว้เยอะมากขนาดนี้ คิดจะทำโปรเจคภาพถ่ายเกี่ยวกับน้องหมาจรบ้างไหมคะ
     คุณวันเฉลิม : จริง ๆ ผมก็เคยคิดโปรเจคนะครับ คือเป็นช่างภาพหมาจร หาบ้านให้หมา และก็ถ่ายพวกคนที่ช่วยเหลือหมา
 

     "ถ้ามีเวลานะผมอยากทำมาก เพราะผมรับถ่ายรูปงานต่าง ๆ ก็อาจจะไม่ค่อยว่างนิดนึง แต่ถ้าว่างก็ไปตลอด หลายครั้งฝนตกผมก็ขี่รถออกไปถ่าย เพราะภาพเหล่านั้นมันสะท้อนความน่าสงสารได้ดี และที่สำคัญ ผมว่าสำหรับคนที่ใจแข็งกระด้าง เกลียดหมาจรเขาน่าจะลดความแข็งลงได้บ้าง เพราะภาพที่น่าสงสารอาจจะช่วยให้เขารู้สึกเมตตาน้องหมาขึ้นมาบ้าง ผมคิดว่าแบบนั้นนะ"

 
     มะเหมี่ยว : เห็นว่าน้องหมาน้องแมวที่เลี้ยงอยู่ก็เป็นน้องหมาที่รับมาเลี้ยงเหมือนกัน ... โดยเฉพาะน้องฟลุ๊ค เห็นพาไปเที่ยวไหนต่อไหนด้วยทุกที่เลย เล่าเรื่องของพวกเขาให้ฟังหน่อยสิคะ
     คุณวันเฉลิม : ใช่ครับหมาแมวที่บ้านหมาจรแมวจรหมด แม้แต่ฟลุ๊ค ถึงจะชิวาวา แต่ก็โดนทิ้งเหมือนกัน
 

     "คือเจ้าของเก่าฟลุ๊คไปเมืองนอกไม่เอาไปด้วย เลยไปให้บ้านเพื่อนที่สนิทเลี้ยง แต่บ้านนั้นมีพิทบูลหลายตัว ฟลุ๊คก็เลยโดนเล่นแรง ๆ บ้านนั้นเขาก็สงสารเลยติดต่อมาที่ผมเพราะเห็นผมช่วยหมาเยอะ ก็เลยเอามาเลี้ยง ก็ไปเที่ยวด้วยกันตลอดนะ ถ้าไปได้ คนสัตหีบจะรู้จักฟลุ๊คดี 555 เพราะเที่ยไปทั่วเลย ตอนนี้ฟลุ๊คก็มีแฟนเพจด้วยนะครับชื่อว่า พี่ฟลุ๊ค หมาน้อยบนโลกกว้าง"


     มะเหมี่ยว : อยากให้ฝากข้อคิดดี ๆ ในการช่วยเหลือน้องหมาจร ที่หลายคนมองว่าเป็นปัญหาในสังคมหน่อยค่ะ
     คุณวันเฉลิม : ผมค่อนข้างจะอยากให้มีหน่วยทำหมัน หมาแมวจร แบบจริงจังแบบแท้ ๆ นะ เพราะที่มีมันมีแต่หมาบ้านแมวบ้านแบกกันไปทำ ส่วนหมาจรมีคนช่วยกันจับไปแต่มันจับยาก อยากให้มีหน่วยลงพื้นที่กับคนให้อาหารหมาจร เพราะคนพวกนี้คุ้นชินกับหมามากกว่า
 

     "ผมว่าถ้ามีมันจะมีประโยชน์มาก เพราะมันจะช่วยลดปัญหาอันตรายระหว่างการจับทำหมันด้วย เพราะว่าจะชำนาญกว่า"



     ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นนะคะ ... นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่พิสูจน์ให้เราเห็นว่า ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานะใดในสังคม ไม่ว่าจะคุณจะทำงานอะไรก็ตาม คุณก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือและลดปัญหาน้องหมาจรได้ เพียงแค่มีใจที่เมตตาต่อพวกเขา เชื่อว่าถ้าช่วยกันเพียงคนละเล็กคนละน้อย ปัญหาหมาจรในสังคมก็จะเบาบางลงได้ค่ะ

บทความโดย: Dogilike.com