โดย: พริกขี้หนู

มาดูกัน! 10 สายพันธุ์ลูกสุนัขที่หน้าตาเปลี่ยนไปเมื่อโตขึ้น!

ลูกสุนัขบางสายพันธุ์โตขึ้นมารูปร่างหน้าตาไม่เหมือนเดิม การทำความรู้จักและศึกษาสายพันธุ์จึงเป็นสิ่งจำเป็น

6 กรกฏาคม 2558 · · อ่าน (22,091)
2,141

SHARES


2,141 shares
Dogilike.com :: มาดูกัน! 10 สายพันธุ์ลูกสุนัขที่หน้าตาเปลี่ยนไปเมื่อโตขึ้น!
 
     หลายครั้งที่การตัดสินใจซื้อหรือรับเลี้ยงลูกสุนัขเริ่มต้นมาจากความน่ารักน่าเอ็นดูในช่วงวัยเด็กของพวกเขา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติมากเพราะในช่วงวัยเด็กลูกสุนัขแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีความน่ารักตามแบบฉบับเฉพาะตัว ... แต่แล้วเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น ลูกสุนัขบางสายพันธุ์กลับมีลักษณะหน้าตาที่เปลี่ยนไปจากเดิมแทบจะเป็นคนละตัว ผู้เลี้ยงบางคนอาจจะสับสนว่าจริง ๆ แล้วพวกเขาใช่สุนัขสายพันธุ์ที่อยากเลี้ยงหรือไม่บทความนี้พริกจะมาช่วยให้ผู้เลี้ยงได้รู้จักกับสายพันธุ์สุนัขว่ามีสายพันธุ์ไหนบ้างที่ดูแตกต่างไปเมื่อพวกเขาโตขึ้น เพื่อเป็นข้อมูลช่วยในการตัดสินใจค่ะ          

 
1. ชิสุ (Shih Tzu)

       ลูกสุนัขสายพันธุ์ชิสุในช่วงวัยเด็ก พวกเขาขึ้นชื่อในเรื่องของความน่ารักน่าเอ็นดู หน้าตาเหมือนตุ๊กตา ขนยาวฟู ตาโตบ้องแบ๊วไร้เดียงสา ... แต่เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาเติบโตขึ้น สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเช่นได้ชัดคือ ใบหน้าของพวกเขาจะสั้นและหักมากขึ้น ตาโตโปน และในบางตัวฟันด้านล่างจะเกยออกมา และถ้าหากผู้เลี้ยงไม่ตัดขน ขนก็จะยาวและทำให้เกิดคราบสกปรกได้ง่าย ทั้งยังอาจทำให้สุนัขมีกลิ่นไม่พึงประสงค์อีกด้วยล่ะค่ะ ... ในส่วนของดวงตาที่โตโปนของสุนัขชิสุนั้นมีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายได้ง่ายหากเกิดการกระทบที่รุนแรง เช่น โดนกัด, ตกจากที่สูง ฯลฯ ลูกตาของสุนัขพันธุ์นี้อาจหลุดออกมาได้ นอกจากนี้ ด้วยลักษณะขนที่ยาว ถ้าหากไม่ได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยให้ขนยาวพันติดกันรุงรังก็อาจทำให้เกิดปัญหาโรคผิวหนังตามมาได้ เพราะฉะนั้น ผู้เลี้ยงจึงควรมีความรู้ในการดูแลรักษาความสะอาด รวมทั้งดูแลสุขภาพ เลือกดูอาหารที่เหมาะสมตามขนาดสายพันธุ์ รวมทั้งเหมาะสำหรับช่องปากและฟันของพวกเขาเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพฟันค่ะ  

 
2. อิงลิช บูลล์ด็อก (English BullDog)

      ถ้าหากพูดถึงสุนัขสายพันธุ์บูลล์ด็อก เราก็คงจะนึกถึงสุนัขตัวใหญ่กล้ามแน่น หน้าตาดุดัน แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปในช่วงวัยที่พวกเขายังเป็นลูกสุนัข จะพบว่าลูกสุนัขสายพันธุ์บูลล์ด็อกเป็นลูกสุนัขอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีน่าตาน่ารักน่าขำขันมาก ๆ เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของพวกเขาในวัยเด็กคือรูปร่างที่อ้วนกลม และหน้าตามึน ๆ ดูไม่รู้เรื่องรู้ราว หน้าตาก็ยังไม่ยับย่น แต่เมื่อพวกเขาเข้าสู่ช่วงวัย 3-4 เดือน ร่างกายของพวกเขาจะเติบโตเร็วมาก กระโหลกศรีษะจะใหญ่ หน้าย่น ปากกว้าง บางตัวขอบตาห้อยลงเป็นสีแดง ดูแก่เกินวัย เท้าใหญ่ ช่วงอกขยาย เริ่มมีพฤติกรรมกัดแทะ และที่สำคัญพวกเขามักป่วยเป็นโรคผิวหนังได้ง่าย เช่น ผื่นแพ้ ยีนส์ เชื่อรา ทำให้มีกลิ่นตัวแรง ส่วนใหญ่โรคผิวหนังที่เกิดขึ้นกับสุนัขสายพันธุ์นี้จะเกิดขึ้นค่อนข้างบ่อย ดังนั้น จำเป็นอย่างมากที่ผู้เลี้ยงต้องศึกษาข้อมูลการเลี้ยงของสุนัขสายพันธุ์นี้ก่อนการตัดสินใจเลี้ยง เพื่อที่จะได้ดูแลพวกเขาอย่างถูกต้องค่ะ
 

3. ปูลิ (Puli)

      สุนัขสายพันธุ์ปูลิอาจจะเป็นสายพันธุ์ที่ไม่ค่อยพบเห็นกันในเมืองไทยเท่าไหร่นัก เพราะเขาค่อนข้างต้องการการดูแลที่มากกว่าสุนัขตัวไป ในช่วงวัยเด็กลูกสุนัขสายพันธุ์ปูลิจะมีขนที่ยาวปานกลาง ลักษณะขนจะหยักเป็นลอนเล็กน้อย ดูเผิน ๆ คล้ายกับสุนัขพุดเดิ้ล จนกระทั่งพวกเขาเริ่มเติบโตมีอายุ 5-6 เดือน ขนของพวกเขาก็จะเริ่มยาวและหยิกพันกันเป็นเกลียวคล้ายกับคนที่ถักผมทรงเดทร็อค ดังนั้นพวกเขาต้องการการดูแลในเรื่องของความสะอาดและขนเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้ขนสกปรกพันกันจนเป็นที่สะสมของเชื้อโรค ผู้เลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ปูลิมักไม่นิยมใช้แปรงแปรงขนให้สุนัข เพราะจะถือว่าเป็นการทำลายลักษณะเฉพาะตัวของสุนัข และจะทำให้สุนัขเจ็บเมื่อต้องถูกดึงกระชากขนที่พันกันอยู่ให้แยกออกจากกัน ซึ่งอาจทำให้ผิวหนังของสุนัขอักเสบได้
 

4. โคมอนดอร์ (Komondor)

     สุนัขสายพันธุ์โคมอนดอร์มีลักษณะคล้ายกับสุนัขสายพันธุ์ปูลิเลยค่ะ แต่เขาจะมีขนาดร่างกายที่ใหญ่มากกว่ามาก ดังนั้น ถ้าหากคิดจะซื้อสุนัขสายพันธุ์นี้มาเลี้ยงต้องดูให้ดีนะคะว่าเป็นสุนัขโคมอนดอร์หรือปูลิ สำหรับสุนัขโคมอนดอร์ในวัยเด็กพวกเขาก็จะมีลักษณะขนที่เป็นลอนคล้ายกลับสุนัขพุดเดิ้ล แต่นั่นก็แค่ในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้นค่ะ เพราะพวกเขาจะเติบโตอย่างรวดเร็วมากจากที่มีลักษณะคล้ายสุนัขพุดเดิ้ล ก็จะกลายเป็นมีหน้าตาคล้ายสุนัขโอลด์ อิงลิช ชีพด็อก จากนั้นในระยะเวลาไม่นานพวกเขาก็จะกลายเป็นสุนัขที่ไว้ขนทรงเดทร็อคในที่สุด 
 

5. บัสเซ็ต ฮาวนด์ (Basset Hound)

      ถ้าเห็นสุนัขบาสเซ็ต ฮาวนด์ตอนยังเป็นลูกสุนัขอยู่อาจจะคิดว่าพวกเขาเป็นสุนัขบีเกิ้ลที่หูยาวขึ้นมาหน่อย แต่เมื่อโตขึ้นเรื่อย ๆ หูของพวกเขาจะยิ่งยาวขึ้น หนังที่บริเวณใบหน้าและลำตัวจะย้อย หนังตาตก หลังยาวแต่ขนสั้น อุ้งเท้าใหญ่ ถ้าดูแลความสะอาดไม่ดีก็จะมีปัญหากลิ่นหูที่รุนแรงเพราะหูพับปิดตลอดเวลาทำให้เกิดการอับชื้น อย่างไรก็ตาม ความสามารถเรื่องดมกลิ่นพวกเขาเป็นเลิศ และมีอารมณ์ขัน อยู่ด้วยแล้วไม่เบื่อแน่นอนค่ะ
 

6. ดัลเมเชียน (Dalmatian)

      ดัลเมเชียนเป็นสุนัขลายจุด ตัวสูง แรงเยอะ แต่เมื่อเรารับเขามาตอนยังเป็นลูกสุนัข พวกเขายังเป็นสีขาวอาจมีลายจุดบ้างที่บริเวณใบหู รูปร่างเล็กน่ารัก ดูเปราะบาง ผิวขาวดูสะอาดสะอ้าน จนกระทั่งเมื่อเขาโตเราถึงจะเริ่มเห็นทิศทางของจุดดำว่าจะขึ้นตรงไหน บางตัวขึ้นจุดดำเขรอะทั้งใบหน้ากลายเป็นสุนัขหน้าดำ อีกทั้งขนาดตัวที่สูงใหญ่ขึ้น พลังงานเยอะจึงยากจะควบคุม การออกกำลังกายจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น ควรพาพวกเขาออกไปวิ่งอย่างสม่ำเสมอทุกเช้า-เย็น ส่วนเรื่องของความทำความสะอาดนั้นไม่มีอะไรยุ่งยาก เนื่องจากพวกเขาขนสั้นเกรียนทำความสะอาดง่ายและกลิ่นตัวไม่มีเป็นข้อดีของพวกเขาค่ะ
 

7. โอลด์ อิงลิช ชีพด็อก (Old English Sheep Dog)

       ตอนเล็ก ๆ โอลด์ อิงลิช ชีพด็อก มีหน้าตาเหมือนเหมือนตุ๊กตาหมีปุกปุย เห็นตวงตาสีดำเป็นจุดเล็ก ๆ น่ารักน่าชัง พอโตขึ้นขนของพวกเขาจะเริ่มปกปิดใบหน้า ดูกระเซอะกระเซิง และขนาดตัวของพวกเขาก็ค่อนข้างสูงใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อพวกเขาโตขึ้นเรื่อย ๆ ขนบริเวณใบหน้าก็จะยาวปิดดวงตาแต่ไม่ทำให้พวกเขารำคาญเพราะ ขนจะช่วยอำพรางดวงตาจากแสงเนื่องจากพวกเขาทนทานต่อแสงได้น้อย ผู้เลี้ยงจึงควรระมัดระวังเรื่องแสงที่จะผ่านเข้าดวงตาพวกเขาเป็นพิเศษ เวลาอยู่กลางแดงแดดไม่ควรมัดขนที่ปิดใบหน้าของพวกเขาขึ้น เพราะอาจนำไปสู่ปัญหาโรคต้อที่ดวงตาได้ 
 

8. ซาลูกิ (Saluki)

      ตอนเล็ก ๆ รูปใบหน้าของซาลูกิยังไม่ยาว รูปร่างยังไม่สูงปราดเปรียว พวกเขาจึงดูเป็นลูกสุนัขพันธุ์ผสมทั่วไปที่ขนสั้นแต่ขนหูยาว ดูน่ารักแต่ก็ยังไม่มีเอกลักษณ์แต่อย่างใด จนเมื่อพวกเขาโตขึ้นความเป็นเอกลักษณะของสายพันธุ์จึงเผยโฉมออกมา สมกับเป็นหนึ่งในสายพันธุ์สุนัขที่สง่างามและราคาแพงมากที่สุดในโลก 
 

9. เช็ทแลนด์ ชีพด็อก (Shetland Sheepdog)

       ลูกสุนัขเช็ทแลนด์ ชีพด็อกหน้าตาคล้ายกับสุนัขสายพันธุ์บางแก้วบ้านเราเลยค่ะ เพียงแต่สีไม่ใช่บางแก้ว การเรียงตัวของขนยังไม่เข้าที่ กระบอกปากทู่ อาจดูไม่มีแนวโน้มว่าโตขึ้นจะกลายเป็นเช็ทแลนด์ ชีพด็อกได้ แต่เมื่อเขาค่อย ๆ เติบโตขึ้นการเรียงตัวของเส้นขนและสีขนก็เริ่มเป็นรูปร่าง ขนยาวฟู ปลายหูที่ตกจะตั้งขึ้น กระบอกปากแหลมกลายมาเป็นเช็ทแลนด์ ชีพด็อกอย่างที่เราต้องการ ไม่ต้องห่วงว่าจะถูกหลอกค่ะ 

 
10. Labradoodle (ลาบราดูเดิ้ล) 

       ลาบราดูเดิ้ล เป็นสายพันธุ์ที่ผสมระหว่างสายพันธุ์ลาบราดอร์และพุดเดิ้ล ตอนเกิดมาพวกเขาจะหน้าตาเหมือนพุดเดิ้ลเป็นพิมพ์เดียวกันเลยค่ะ แต่เมื่อโตขึ้นก็ต้องวัดดวงกันหน่อยค่ะ เพราะพวกเขาสามารถโตขึ้นมาได้ 3 ลักษณะ คือ เหมือนสุนัขสายพันธุ์โปรตุกีส วอร์เทอร์ ด็อก (Portuguese Water Spaniel) อย่างสุนัขของประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า อีกลักษณะอาจจะคล้ายสุนัขสายพันธุ์เทอร์เรียร์ที่มีขนยาว (Terrier) และลักษณะที่ 3 คือ มีรูปร่างเหมือนลาบราดอร์แต่ขนยาวหยักกระเซอะกระเซิงคล้ายสุนัขสายพันธุ์ไอลิช วูลฟ์ฮาวนด์ (Irish wolfhound) ซึ่งทั้ง 3 ลักษณะนี้อาจเกิดขึ้นพร้อมกันได้ในคอกเดียวกันในกรณีที่การผสมข้ามสายพันธุ์ยังไม่เสถียรนั่นเองค่ะ

     ความเปลี่ยนแปลงของลูกสุนัขเกิดขึ้นในทุก ๆ ย่างก้าวของการเติบโต พวกเขาอาจไม่เหมือนลูกสุนัขตัวเล็กน่ารักอย่างที่เราคุ้นเคย และถึงแม้หลายคนจะชอบพูดว่าอยากให้ลูกสุนัขเป็นลูกสุนัขตลอดไป แต่ทราบไหมคะ สำหรับสุนัขแล้วถึงรูปร่างหน้าตาของเจ้าของจะเปลี่ยนไปอย่างไร ความรักและความซื่อสัตย์ที่พวกเขามีให้แก่เรายังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยเหตุนี้เอง ผู้เลี้ยงจึงควรตอบแทนความรักที่พวกเขามอบให้ดูการดูแลพวกเขาอย่างดีตั้งแต่ก้าวแรกที่อยู่กับเราจนกระทั่งก้าวสุดท้ายก่อนพวกเขาจะจากไปนะคะ 


 
บทความโดย : Dogilike.com