สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาว Dogilike วันนี้หนูนานำเรื่องน่ารู้ที่เป็นประโยชน์มาฝากคุณเพื่อนๆ ค่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับไมโครชิพ อย่างที่ทราบเรื่องนี้ได้เกิดมานานสักพักแล้ว แต่ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไหร่ มีหลายเสียงที่มักถามเข้ามา วันนี้หนูนาจะมาไขข้อข้องใจให้เพื่อนๆ กันค่ะ

     สำหรับคนที่ต้องการติดไมโครชิพให้น้องหมานั้น ถือว่าเป็นความคิดที่ดีมากเพราะไมโครชิพมีประโยชน์หลายอย่างเลยค่ะ เช่น เพื่อเวลาไปต่างประเทศ, เพื่อกลัวน้องหมาหาย , เพื่อการพัฒนาสายพันธุ์ , เพื่อการซื้อขายไม่ผิดตัว , เพื่อการประกวดไม่สลับตัว เป็นต้น

     ถ้าหากเราต้องการติดไมโครชิพให้น้องหมานั้น เราสามารถเริ่มติดได้ตั้งแต่ยังเด็กค่ะ 30-45 วันก็ทำได้แล้ว ไม่มีผลข้างเคียงใดๆแต่การรักษาความสะอาดของการฉีดมีความสำคัญมาก หากเข็มสกปรกจะทำให้เกิดฝีขึ้นได้ ดังนั้นจึงต้องให้สัตว์แพทย์เท่านั้นเป็นผู้ฉีดไมโครชิพ

ขั้นตอนการติดไมโครชิพเป็นอย่างไร

     1. แจ้งความประสงค์ที่คลีนิคสัตวแพทย์ หรือสถานพยาบาลสัตว์ที่เป็นศูนย์ติดตั้งไมโครชิพ)
     2. กรอกรายละเอียดในแบบฟอร์ม อย่าลืม! หลักฐานประกอบ

          2.1. สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของสุนัข
          2.2. สำเนาทะเบียนบ้านที่สุนัขอาศัยอยู่
          2.3. สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของบ้าน (กรณีเจ้าของสุนัขไม่ได้เป็นเจ้าของบ้าน)
          2.4. หนังสือรับรองทะเบียนตัวสุนัข (ใบเพ็ด)
          2.5. หนังสือรับรองการฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า อายุไม่เกิน 1 ปี

     หลังจากตรวจเอกสารเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะดำเนินการฉีดไมโครชิพขนาดความยาว 1 ซม. กว้าง 2 มิลลิเมตร เข้าไปบริเวณหลังคอ พร้อมออกเอกสารรับรองการฉีดไมโครชิพให้ค่ะ

    1.ไมโครชิพที่ได้มาตราฐานต้องบรรจุในเข็มที่ยาอยู่ในซองที่อบฆ่าเชื้อด้วยแก๊ส Ethylene Oxide แล้ว ดังนั้นถ้ามาในลักษณะนี้ มั่นใจได้ว่า เมื่อทำการฝังไมโครชิพ ไปจะไม่มีการติดเชื้อที่แผล

     2 . จะต้องมีเครื่อง Reader เพื่อทำการอ่านรหัสไมโครชิพที่เราจะฝัง หรือทำการฝังไปแล้ว ประกอบการฝังด้วยทุกครั้งเพื่อยืนยันว่ารหัสไมโครชิพถูกต้อง (มีหลายแบบ)

     3. ต้องทำการสแกนเข็มที่บรรจุไมโครชิพเพื่อเช็กก่อนว่าในเข็มได้บรรจุไมโครชิพไว้แล้ว จะได้ไม่เจ็บตัวโดนเข็มจิ้มฟรีๆ และเพื่อทำการตรวจสอบรหัสของไมโครชิพที่ สติ๊กเกอร์ข้างซองว่า ตรงกับเลขที่ขึ้นบนเครื่อง Reader หรือไม่

     4. เอาเลขที่ขึ้นบนหน้าจอเครื่อง Reader มาตรวจสอบ ถ้าตรงก็ดำเนินการต่อได้

     5. ก่อนทำการฝังไมโครชิพ ต้องทำการสแกนหาที่ตัวสุนัขก่อนว่าเคยได้รับการฝังไมโครชิพแล้วหรือยัง

     6. จะพบว่าเครื่อง Reader แจ้งว่า No ID. Found ถ้าขึ้นแบบนี้ก็ทำการฝังไมโครชิพได้ ถ้ามีรหัสขึ้นก็แปลว่าเคยฝังมาแล้ว

     7. ทำการฝังไมโครชิพ โดยการใช้เข็มที่บรรจุไมโครชิพทำการฉีดเข้าไปที่ชั้นใต้ผิวหนัง บริเวณระหว่างหัวไหล่ทั้ง 2 ข้าง ซึ่งเป็นมาตราฐานสากล การที่จะ แทงเข็มบรรจุไมโครชิพเข้าไป ต้องทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่จะฉีดด้วย Alcohol 70 % ก่อนทุกครั้ง

     8. จากนั้นก็ทำการ สแกนหา ไมโครชิพ ที่ตัวสุนัขอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งถ้าไมโคชิพได้เข้าไปอยู่ที่ชั้นใต้ผิวหนังเรียบร้อยแล้ว ต้องมีเลขขึ้น

     9. ไมโครชิพได้เข้าไปอยู่ในตัวสุนัขเรียบร้อยแล้ว

ข้อควรทราบเพิ่มเติม

     1. รหัสไมโครชิพที่ได้มาตราฐาน ISO และ ICAR ซึ่งกทม. ยอมรับให้ใช้ในการขึ้นทะเบียนสุนัขได้ นั้นต้องเป็นไมโครชิพ 15 หลัก ที่ขึ้นต้นด้วย 9 เท่านั้น มีข้อมูลมาว่า บางบริษัทลักไก่เอาไมโครชิพรุ่นเก่า ที่เป็น 7 หลัก มาทำการฝัง ซึ่งทางกทม. ไม่อนุญาตให้ผ่านต้องผ่าตัดเอาไมโครชิพเดิมออกก่อน ค่อยฝังอันใหม่ได้ค่ะ

     2. ราคาที่สถานพยาบาลสัตว์เอกชน ให้บริการจะอยู่ ที่ 350 บาท ขึ้นไปซึ่งราคานี้ ผันแปรตามต้นทุนของแต่ละสถานที่ และมักจะรวมถึงการให้บริการขึ้นทะเบียน โดยการนำส่งเอกสารให้กับหน่วยงานของรัฐบาลแทนเจ้าของสัตว์เลี้ยงด้วย

     3. ราคาที่ต่ำกว่า 350 บาท น่าจะเป็นกลุ่มที่เสี่ยงไม่ได้มาตราฐาน เช่น พวกเอาไมโครชิพรุ่นเก่ามาฝัง , พวกที่ลักลอบเอาไมโครชิพฟรี จากหน่วยอนามัยของ กทม. มาจำหน่ายต่อให้สัตว์แพทย์ หรือแม้เอามาใช้ซ้ำๆ หลังจากฆ่าเชื้อแล้วก็ไม่ปลอดภัย ต้องฉีกออกมาจากซองใหม่เท่านั้นนะคะ

     เป็นยังไงบ้างคะ เพื่อนๆ ชาว Dogilike ไม่ยุ่งยากเลยใช่มั๊ยคะ ง่ายนิดเดียว และใช้เวลาแป๊ปเดียวด้วย แค่นี้ก็เสร็จแล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 500 บาท และสามารถเลือกสถานพยาบาลสัตว์จากศูนย์ติดตั้ง หรือสอบถามได้ที่ 0-2954-2220 แล้วแต่เพื่อนๆ สะดวกนะคะ 

บทความโดย: Dogilike.com

ข้อมูลอ้างอิง :

kallapaphruk.pantown.com

bloggang.com

ภาพประกอบ : examiner.com 

freewebs.com

alexallied.com/page/43

petpositive.blogspot.com

gyllendogs.wordpress.com  

0.tqn.com/d/dogs/1/0/l/5/-/-/microchip.jpg