โดย: Tonvet
5 เรื่องที่คน(บางคน)ชอบทำและความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับน้องหมา
มาดูสิ่งที่ผู้เลี้ยงสุนัขบางคนชอบทำ ซึ่งบางเรื่องก็เป็นบางเชื่อผิด ๆ ด้วย
28 พฤษภาคม 2561 · · อ่าน (33,399)
- บางคนชอบนำยาม่วง (Gentian Violet) และ น้ำมันเครื่อง มาทาให้สุนัขที่คันและเป็นโรคขี้เรื้อน เพราะเข้าใจว่าช่วยรักษาโรคได้ โดยที่ยังไม่พาไปตรวจ
- บางคนชอบบี้เห็บ แม้การบี้เห็บจะไม่ได้ทำให้เห็บเพิ่มจำนวนได้ แต่ก็ไม่ควรทำ เพราะจะทำให้เลือดเลอะเทอะ และเป็นการจำกัดเห็บที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
- บางคนชอบเอากระดูกมาให้สุนัขกิน ซึ่งอาจทำให้สุนัขได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระดูกที่แตกทิ่มแทงทางเดินอาหาร และอาจติดเชื้อโรคจากการกินกระดูกสดได้

การเลี้ยงสุนัขนั้นแต่ละคนมีวิธีและการดูแลเอาใจใส่ที่ไม่เหมือนกัน บางคนตั้งใจศึกษาหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพื่อจะได้นำมาปรับใช้ในการเลี้ยงสุนัขได้อย่างถูกต้อง บ้างก็ได้รับความรู้ผิด ๆ ที่เป็นความเชื่อแบบปากต่อปากส่งต่อกันมา บางคนเคยใช้แล้วได้ผล เลยนำมาบอกแบ่งปันความรู้กันในกลุุ่มผู้เลี้ยง โดยขาดข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องสนับสนุน บางคนนำไปใช้ต่อก็ไม่ได้ผลเช่นนั้น ทั้งยังก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและสุขภาพทั้งของตัวสุนัขเองและตัวของผู้เลี้ยงสุนัขด้วย ซึ่งเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ก็เป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงสุนัขบางคนนิยมทำกัน มาดูกันครับว่า จะมีเรื่องอะไรบ้างและเป็นสิ่งที่สมควรทำหรือไม่...
1 ให้น้องหมากินกระดูก
บางคนเข้าใจว่าสุนัขนั้นสามารถกินกระดูกได้โดยไม่อันตราย เพราะสุนัขเคยเป็นสัตว์ป่ามาก่อน จึงเข้าใจว่าสุนัขนั้นสามารถกินกระดูกได้ ในอตีดนั้นเราเลี้ยงสุนัขโดยให้สุนัขกินกระดูกซึ่งเป็นของเหลือจากอาหารที่มนุษย์กิน หากแต่เราก็ไม่ได้ตามไปดูว่า สุนัขที่เลี้ยงไว้ป่วยหรือตายจากการกินกระดูกเข้าไปหรือไม่ เนื่องจากไม่ได้พาสุนัขไปตรวจและรักษา ความจริงแล้วมีสุนัขจำนวนไม่น้อยที่ได้รับอัตรายจากกระดูกที่กินเข้าไปและบางตัวก็เสียชีวิต เนื่องจากกระดูกที่กินเข้าไปนั้น แตกออกจากการกัดและมีความแหลมคม อาจไปทิ่มแทง หรือบาดทางเดินอาหารได้ กระดูกบางชิ้นอาจไม่ผ่านการย่อย ทำให้ไปอุดตันทางเดินอาหาร จนทำให้สุนัขขับถ่ายไม่ออก แม้กระทั้งกระดูกสดที่ไม่ผ่านการปรุงสุกนั้น ก็อาจมีเชื้อแบคทีเรียก่อโรคได้ ทำให้สุนัขติดเชื้อในทางดินอาหารได้ด้วย การให้สุนัขกินกระดูกจึงไม่ปลอดภัยต่อร่างกายและสุขภาพของสุนัขเลยแต่อย่างไร
2 เอาน้ำมันเครื่องมาทาให้น้องหมา
การนำเอาน้ำมันเครื่อง (น้ำมันขี้โล้ว) มาทาบนตัวของน้องหมาที่เป็นโรคผิวหนัง วิธีนี้เป็นการเล่าต่อกันแบบปากต่อปาก เชื่อกันว่าใช้รักษาโรคขี้เรื้อนในสุนัขได้ ความจริงแล้วน้ำมันเครื่องมีสารกำมะถันหรือซัลเฟอร์ (Sulfur) เป็นส่วนประกอบ (จัดเป็นสิ่งปลอมปนในผลิตภัณฑ์น้ำมัน) กำมะถันนั้นเป็นส่วนประกอบของกรดอะมิโน ที่ร่างกายใช้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ช่วยผลัดเซลล์เก่ากระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ จึงทำให้เช้าใจไปว่า หลังจากที่น้องหมาใช้น้ำมันเครื่องแล้ว สุนัขบางตัวมีขนใหม่ขึ้นปกคลุมตัวดูดีเหมือนหายจากโรค หากแต่น้ำมันเครื่องนั้นยังมีส่วนประกอบอื่น ๆ อีกมากมายที่เป็นพิษต่อร่างกายน้องหมา ไม่ว่าจะเป็นสารไฮโดรคาร์บอน โลหะหนักต่าง ๆ และสารเพิ่มคุณภาพที่อาจเป็นอันตรายต่อผิวหนังของสุนัขได้ อีกทั้งกำมะถันในรูปอนินทรีย์เองยังเป็นพิษต่อร่างกายและเป็นสารก่อมะเร็งด้วย จึงไม่เหมาะที่จะนำมาใช้เป็นอันขาด เพราะจะทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคืองอย่างรุนแรง ทำให้ไม่สบายตัว เจ็บปวด หรือดิ้นทุรนทุราย บางตัวถึงกับผิวหนังที่เปื่อยหลุดลอก ยิ่งหากได้รับผ่านทางการสูดดมก็จะทำให้เกิดการระหายเคืองต่อเนื้อเยื่อโพรงจมูกและทางเดินหายใจ ที่สำคัญละอองไอของน้ำมันเครื่องยังส่งผลให้เกิดความเป็นพิษต่อร่างกายได้ อีกทั้งสารไฮโดรคาร์บอนที่อยู่ในน้ำมันเครื่อง สามารถซึมผ่านผิวหนังได้ เราอาจพบน้องหมาบางตัวคลื่นไส้ อาเจียน อ่อนแรง ซึม และหมดสติได้อีก
3 บี้เห็บสุนัข
มีความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับเรื่องเห็บของสุนัขว่า ถ้าบี้เห็บแล้วไข่ที่ออกมาจะเพิ่มจำนวนเห็บมากขึ้น ความจริงแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับ เพราะเห็บจะไม่วางไข่ในขณะยังดูดเลือดบนตัวน้องหมา เห็บจะลงจากตัวน้องหมาตอนกินเลือดอิ่มแล้ว รอให้ไข่ได้พัฒนาก่อนจึงค่อยวางไข่ หลังจากวางไข่แล้ว ก็ต้องใช้ระยะเวลาฟักไข่ต่อไปอีก 16-24 วัน ไข่จึงจะฟักออกมาเป็นตัวอ่อน ไข่ที่ออกมานั้นจะถูกเคลือบด้วยแว็กซ์ (wax) ที่สร้างจากอวัยวะบริเวณช่องออกไข่ ไข่ที่ไม่ได้ออกจากช่องออกไข่ก็จะไม่ได้เคลือบแว็กซ์ ไม่สามารถทนอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้ ก็จะแห้งและฝ่อไป ตัวอ่อนภายในก็จะตายไปด้วย ทำให้ไม่สามารถฟักออกมาเป็นตัวอ่อนได้แน่นอนครับ ที่เล่ามาก็ไม่ใช่จะแนะนำให้บี้เห็บกันนะครับ เพราะการบี้เห็บทำให้เลือดเลอะเทอะ ไม่ถูกสุขลักษณะ การจำกัดที่เหมาะสมนั้น หลังจากเก็บออกจากตัวสุนัขแล้ว ให้ใส่ในขวดแช่แอลกอฮอล์ น้ำผสมยาฆ่าเห็บไว้ แล้วปิดฝาขวดให้สนิท ก็จะเป็นการกำจัดเห็บที่ปลอดภัยครับ
4 เอารองเท้ามาตบแผลที่ถูกสุนัขกัด
เวลาถูกสุนัขกัดนั้นหลายคนกังวลถึงความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อเรบีส์ (พิษสุนัขบ้า) จึงมีความเชื่อว่า ถ้าหากใช้รองเท้าตบแผลที่ถูกสุนัขกัดแล้ว จะทำให้ไปติดเชื้อ หลายอาจไม่น่าเชือเลยว่า จะมีความเชื่อเช่นนี้จะมีอยู่ด้วย เพราะการที่เรานำรองเท้าไปตบแผลที่ถูกกัดซึ่งเป็นแผลเปิดนั้น หากรองเท้ามีความสกปรก ก็จะยิ่งทำให้ได้รับเชื้อโรคเข้าไปอีก อีกทั้งแผลที่ถูกรองเท้าตบนั้นก็จะยิ่งอักเสบ บอบช้ำมากขึ้น นอกจากจะไม่ได้ทำให้แผลหายแล้ว ยิ่งจะทำให้เชื่อนั้นแพร่กระจายเข้าไปอีก ทางที่ถูกต้องคือ เวลาที่ถูกสุนัขกัดนั้น ให้รีบล้างแผลด้วยน้ำสะอาดทันที อาจใช้สบู่ฟอกที่แผลเบาเป็นเวลาอย่างน้อย 5-10 นาที จากนั้นซับแผลให้แห้ง แล้วแต้มแผลด้วยยาฆ่าเชื้อ เช่น ยาโพรวิโดนไอโอดีน (เบตาดีน) เป็น แล้วให้รีบไปพบแพทย์ต่อไปครับ
5 เอายาม่วงมาทาให้น้องหมาที่คัน
ยาม่วง หรือ Gentian Violet แรกเริ่มผลิตมาใช้เป็นสารเคมีอุตสาหกรรมและใช้ย้อมสีในห้องทดลอง ต่อมาพบว่ามีคุณสมบัติฆ่าพวกเชื้อรา ยีสต์ และแบคทีเรียบางชนิดได้ จึงนำมาใช้เป็นยาทารักษาการติดเชื้อทางผิวหนังและช่องปาก แต่เนื่องจากเป็นสารละลายที่มีสีม่วง คนจึงเรียกกันติดปากกันว่า "ยาม่วง" ในอดีตยาฆ่าเชื้อภายนอกนั้นยังมีใช้ไม่มาก คนจึงนิยมใช้ยาตัวนี้ในการรักษาโรคผิวหนังที่ติดเชื้อดังกล่าวกัน และก็นำมาใช้กับน้องหมาด้วย เนื่องจากเป็นยาพื้นฐานที่สามารถหาซื้อได้ง่าย คนจึงนิยมนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย หากแต่ความจริงแล้วสุนัขนั้นเป็นสัตว์ที่มีขนปกคลุมร่างกาย การทายาใดใดให้ได้ผลนั้น ควรจะต้องโกนขนออกก่อน เพื่อให้ยาได้สัมผัสกับรอยโรคโดยตรงจึงจะได้ผล เหนืออื่นใดก่อนนำยามาใช้ควรต้องได้รับการตรวจและวินิจฉัยหาสาเหตุก่อน การใช้ยาทาพร่ำเพื่อโดยที่สัตวแพทย์ยังไม่ได้ทำการวินิจฉัยโรคก่อน นอกจากจะไม่หายแล้ว ยังอาจมีอันตรายกับสุนัขได้ด้วย ทำให้เกิดอาการแพ้ และระคายเคืองได้ ไม่ควรให้กระเด็นเข้าตา ปัจจุบันมีการห้ามใช้ในสัตว์แล้วในบางประเทศ เนื่องจากเป็นสารก่อมะเร็ง การใช้ยาม่วงต่อเนื่องกันเป็นเวลามากกว่า 6 เดือน จะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งในสัตว์ ทั้งนี้อาการคันในสุนัขเกิดได้จากหลายสาเหตุ ก่อนนำยามาใช้ควรได้รับการวินิจฉัยโรคก่อน ปัจจุบันมียาใช้ภายนอกเฉพาะสำหรับสุนัขที่ปลอดภัยและได้ผลกับโรคมากกว่า อีกทั้งการทางยาม่วงยังอาจบดบังรอยโรคได้ จึงไม่แนะนำให้ทาไปก่อนเข้ารับการตรวจครับ
มีใครเคยทำแบบนี้บ้างครับ รับสารภาพมาซะดี ๆ นะ (ฮาฮา) ความจริงแล้วก่อนจะลงมือทำอะไรนั้น อยากให้ผู้เลี้ยงทุกคนศึกษาข้อมูลถึงข้อดีและข้อเสียก่อน เพราะของทุกสิ่งล้วนมีทั้งประโยชน์และก็มีโทษด้วย ลองชั่งน้ำหนักด้วยเหตุผลให้ดีก่อนที่จะลงมือ โดยเฉพาะกับสุนัขสัตว์เลี้ยงผู้น่ารักของเราทุกคนนะครับ
บทความโดย: Dogilike.com
http://www.dogilike.com/
ภาพประกอบจาก :
https://tcddc.deviantart.com/art/Purple-dog-with-pink-eyes-190021331
https://cdn.omlet.co.uk/images/originals/Dog-Dog_Guide-A_Labrador_puppy_chewing_a_raw_bone.jpg
https://dianerehm.org/wp-content/uploads/images/headline/140318_deertick.jpg
https://imgix.ranker.com/user_node_img/50072/1001426340/original/it-and-_39_s-for-owner-and-_39_s-amusement-not-the-dog-and-_39_s-photo-u2?w=650&q=50&fm=jpg&fit=crop&crop=faces
https://imgix.ranker.com/user_node_img/50072/1001426340/original/it-and-_39_s-for-owner-and-_39_s-amusement-not-the-dog-and-_39_s-photo-u2?w=650&q=50&fm=jpg&fit=crop&crop=faces
SHARES