โดย: fluke.satawat
จัดอันดับ 5 สายพันธุ์น้องหมา หน้าร้อนนี้เสี่ยงฮีทสโตรก
น้องหมาสายพันธุ์ไหนมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคฮีทสโตรกในหน้าร้อนบ้าง ไปดูกันเลยครับ
7 เมษายน 2562 · · อ่าน (8,062)
Hilight
-
อิงลิช บลูด็อก ด้วยรูปร่างลักษณะของ อิงลิช บลูด็อก ทำให้น้องมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคฮีทสโตรก เพราะมีหน้าที่สั้น การมีจมูกและปากที่สั้นสามารถนำไปสู่การเกิดปัญหาสุขภาพ
-
เฟรนช์ บลูด็อก มีหน้าที่สั้น แน่นอนว่าการที่มีใบหน้าสั้นนั้นส่งผลกระทบต่อการหายใจ โดยเฉพาะเวลาที่น้องหมามีอาการตื่นเต้นและสภาพอากาศที่ร้อนเกินไป เลยทำให้ เฟรนช์ บลูด็อก มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคฮีทสโตรกได้ง่าย
- อลาสกัน มาลามิวต์ มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคฮีทสโตรกเหมือนกันอีกด้วย เพราะขนของอลาสกันนั้นมีความยาวและหนา ทำให้การระบายความร้อนของอลาสกันทำได้ไม่ดีนัก ถ้าเกิดทิ้งน้องไว้ในที่อากาศไม่ถ่ายเทในช่วงหน้าร้อน อาจจะทำให้น้องช็อคได้
_________________________________________________________________________
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวด็อกไอไลค์ ทุกคน ก้าวเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนกันแบบเต็มตัวแล้วนะครับถึงจะร้อนมาก่อนที่จะเข้าหน้าร้อนก็ตาม แล้วก็ก้าวเข้าสู่เดือนเมษายนกันแล้ว ซึ่งก็เป็นเดือนที่ขึ้นชื่อเรื่องอากาศร้อนแบบสุด ๆ ถ้าน้องหมาของเพื่อน ๆ คนไหนชอบออกมาวิ่งเล่นกลางแดดก็ต้องคอยระมัดระวังน้องหมากันด้วยนะครับ เพราะด้วยอุณภูมิที่สูงแบบนี้อาจจะเป็นอันตรายกับน้องหมาและในบางครั้งอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้ด้วยโรคฮีทสโตรก ซึ่งโรคนี้สามารถเกิดขึ้นกับน้องหมาทุกตัวได้
เพราะน้องหมาไม่ได้ขับเหงื่อออกทางร่างกายเหมือนกับคน แต่จะระบายความร้อนออกมาทางการหายใจ ซึ่งถ้าน้องหาได้อยู่ในพื้นที่ที่ไม่สามารถถ่ายเทความร้อนได้ดี ก็อาจจะทำให้สูญเสียการควบคุมอุณภูมิในร่างกาย และทำให้เกิดโรคฮีทสโตรกได้ โดยปกติแล้วอุณหภูมิร่างกายของสุนัขจะอยู่ที่ประมาณ 38-39 องศาเซลเซียส ซึ่งถ้าอุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเมื่อไร ก็จะแสดงอาการของโรคฮีทสโตรกให้เห็น และจะเริ่มเป็นอันตรายกับตับ ไต หัวใจ รวมไปถึงสมอง เมื่อร่างกายของสุนัขมีอุณหภูมิสูงถึง 41-42 องศา วันนี้ผมจจะพาเพื่อน ๆ ทุกคนไปดู 5 อันดับสายพันธุ์น้องหมาที่หน้าร้อนนี้ น้องมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคฮีทสโตรก จะมีน้องหมาสายพันธุ์ไหนกันบ้าง เพื่อเราจะได้ดูแลน้อง ๆ ให้เป็นพิเศษในช่วงหน้าร้อนนี้ เราไปดูกันเลยครับ
1. อิงลิช บูลล์ด็อก (English Bulldog)
ถึงแม้ว่าน้องหมาสายพันธุ์ อิงลิช บลูด็อก จะเป็นหมาที่มีขนสั้นก็จริง แต่ด้วยรูปร่างลักษณะของ อิงลิช บูลล์ด็อก ทำให้น้องมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคฮีทสโตรกได้ง่าย เพราะมีหน้าที่สั้น การมีจมูกและปากที่สั้นสามารถนำไปสู่การเกิดปัญหาสุขภาพ ซึ่งประกอบไปด้วยปัญหาที่เกี่ยวกับจมูก ดวงตา ฟัน และระบบหายใจ
รูจมูกของน้องหมาพันธุ์นี้มีลักษณะแคบ และมีเพดานอ่อนยาวกว่าพันธุ์อื่น ๆ ส่งผลให้ผิวของเพดานอ่อนไปขัดขวางทางเดินหายใจบางส่วน ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการหายใจที่ร้ายแรง โดยเฉพาะเมื่อร่างกายของ อิงลิช บูลล์ด็อก ร้อนเกินไปหรือเมื่อตื่นเต้นมากเกินไป
2. เฟรนช์ บลูด็อก (french bulldog)
เฟรนช์ บลูด็อก ก็เป็นน้องหมาอีกสายพันธุ์ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางหายใจ เพราะมีหน้าที่สั้น แน่นอนว่าการที่มีใบหน้าสั้นนั้นส่งผลกระทบต่อการหายใจ โดยเฉพาะเวลาที่น้องหมามีอาการตื่นเต้นและสภาพอากาศที่ร้อนเกินไป เลยทำให้ เฟรนช์ บลูด็อก มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคฮีทสโตรกได้ง่าย ทำให้การหายใจของ เฟรนช์ บลูด็อก จะมีเสียงดังอยู่ตลอดเวลา
และในช่วงหน้าร้อนนี้ เฟรนช์ บลูด็อก ก็เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ต้องมีการดูแลอย่างเป็นพิเศษ เพราะเป็นน้องหมาที่ไม่ค่อยทนกับสภาพอากาศที่ร้อน ดังนั้นต้องให้อยู่ในสถานที่ที่มีสภาพอากาศถ่ายเทได้สะดวก
3. ปั๊ก (Pug)
ปั๊ก เป็นสุนัขที่ไวต่อความชื้นและความร้อน ดังนั้นเจ้าของควรให้น้องหมาอยู่ภายในบ้าน และด้วยความที่มีจมูกและปากที่แบนและเล็ก ทำให้มีแนวโน้มที่จะกรนและหายใจมีเสียงฟืดฟาดและมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ทำให้มีปัญหาในการระบายความร้อนออกจากทางร่างกายด้วย
น้องหมาพันธุ์ปั๊กยังเป็นหมาที่ขี้ตกใจง่ายและยังชอบตื่นเต้นง่าย ทำให้เวลาตื่นเต้นจะหายใจแรง เรื่องการหายใจจึงเป็นปัญหาสำหรับปั๊ก ดังนั้นหน้าร้อนนี้ควรที่จะให้น้องหมาอยู่ในพื้นที่ที่อากาศไม่ร้อนและอากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่ปล่อยให้ไปวิ่งเล่นกลางแจ้งบ่อย ๆ เพราะสภาพอากาศที่ร้อน ปั๊กจะทนไม่ค่อยได้ ถ้าทนไม่ไหวอาจเป็นโรคฮีทสโตรกได้
4. ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky)
ไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นน้องหมาสายพันธุ์ที่มาจากพื้นที่ที่มีอากาศเย็น โดยเป็นสุนัขลากเลื่อนของชาวชุกชี ซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไซบีเรียเป็นผู้ที่ทำให้เกิด ไซบีเรียน ฮัสกี ขึ้นมา ลักษณะร่างกายและขนของไซบีเรียนนั้นจึงเหมาะกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นมากกว่าสภาพอากาศที่ร้อน ร่างกายของพวกมันจึงไม่ค่อยทนกับความร้อน เพราะขนที่หนาเกินไปทำให้ไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีในสภาพอากาศที่ร้อน
ดังนั้นเจ้าของน้องไซบีเรียนอาจจะต้องพาน้องหมาไปตัดขนเพื่อช่วยให้ระบายความร้อนได้ดีกว่าเดิม แต่ก็ไม่ควรไถขนน้องจนเกรียนเห็นผิวหนังเลยนะครับ เวลาน้องโดนแดดอาจจะเป็นอันตรายกับผิวน้องหมาได้ หรือถ้าไม่อยากตัดขน ก็ควรให้น้องอยู่ในห้องที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกและอากาศไม่ร้อนจนเกินไป
5. อลาสกันมาลามิวต์ (Alaskan Malamute)
อลาสกันนั้นนอกจากจะมีลักษณะภายนอกที่ดูคล้าย ๆ กับไซบีเรียนจนทำให้หลาย ๆ คนจำสลับกันแล้ว ยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคฮีทสโตรกเหมือนกันอีกด้วย เพราะขนของอลาสกันนั้นมีความยาวและหนา ทำให้การระบายความร้อนของอลาสกันทำได้ไม่ดีนัก ถ้าเกิดทิ้งน้องไว้ในที่อากาศไม่ถ่ายเทในช่วงหน้าร้อน อาจจะทำให้น้องช็อคได้
การพาน้องไปตัดขนก็จะเป็นอีกวิธีที่จะลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการฮีทสโตรกในช่วงหน้าร้อนได้ เตรียมน้ำไว้ให้น้องหมาทานให้พร้อม หรืออาจจะพาน้องไปเล่นน้ำเพื่อคลายความร้อนให้กับน้องหมา
โรคลมแดดหรือฮีทสโตรก เป็นโรคที่อันตรายมาก ๆ สำหรับน้องหมาในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ เพราะโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับน้องหมาทุกสายพันธุ์ ดังนั้นเราต้องคอยสังเกตุอาการผิดปกติของหมาเราในช่วงหน้าร้อนนี้ให้ดี และเราเองก็ไม่ควรทำพฤติกรรมเสี่ยง ๆ ที่จะทำให้น้องหมาเราเกิดโรคฮีทสโตรกขึ้นมาได้ เช่น การทิ้งน้องหมาไว้ในรถกลางแดด ให้น้องหมาออกกำลังกายกลางแดด การที่น้องหมาได้รับน้ำไม่เพียงพอ ลดอุณถูมิด้วยน้ำเย็นจัด เป็นต้น เพื่อน ๆ ทุกคนก็ต้องดูแลน้องหมาของตัวเองในช่วงหน้าร้อนกันให้ดี ๆ ด้วยนะครับ เพื่อป้องกันน้องหมาของเราจากโรคฮีทสโตรก
ข้อมูลและภาพประกอบ
https://www.honestdocs.co
http://bulliepost.com
https://ourfrenchie.com
https://deskgram.net
https://canna-pet.com
https://petcentral.chewy.com
https://naturaldogcompany.com
https://naturaldogcompany.com
SHARES