โดย: เว็บมาสเตอร์มะเหมี่ยว
สัตวแพทย์หล่อบอกต่อด้วย กับภารกิจตามหาน้องหมาไปบริจาคเลือด จะสำเร็จหรือไม่มาดู !!
ตามคุณหมอหล่อไปดูกันว่า ถ้าจะพาน้องหมามาบริจาคเลือดต้องทำยังไงบ้าง
10 เมษายน 2562 · · อ่าน (2,028)
"ประกาศขอรับบริจาคเลือดน้องหมาด่วน!!" ... เราคงเคยเป็นโพสต์แบบนี้บ่อย ๆ ในเฟซบุ๊กหรือไม่ก็ทวิตเตอร์ใช่ไหมล่ะ หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องมีการประกาศขอรับบริจาคเลือดแบบนี้แทบจะทุกวัน ทำไมที่โรงพยาบาลถึงไม่มีเลือดสำรองในการรักษาน้องหมา
จริง ๆ แล้วในปัจจุบันในหลาย ๆ โรงพยาบาลสัตว์มีธนาคารเลือดสำหรับรักษาน้องหมานะคะ อย่างที่โรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ก็มี "หน่วยธนาคารเลือด" เอาไว้เก็บเลือดสำรองไว้ใช้ในการรักษาสุนัข แต่ปัญหาที่พบคือ ปริมาณเลือดที่สำรองไว้ในธนาคาร มีปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการของสุนัขที่ป่วย หรือได้รับอุบัติเหตุและต้องการใช้เลือดด่วน
และจากปัญหานี้เองค่ะ ทำให้วันนี้ด็อกไอไลค์มีมิชชั่นสนุก ๆ ชวนว่าที่สัตวแพทย์หัวใจหล่ออย่าง "หมอแอมป์ ธัชกร สถิตย์ธฤดี" นักศึกษาคณะสัตวแพทยศาสตร์ ชั้นปีที่ 6 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มาทำกิจกรรมดี ๆ ที่ หน่วยธนาคารเลือด รพ. สัตว์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน กันค่ะ
โดยมิชชั่นของหมอแอมป์ในวันนี้ก็คือ "ตามหาน้องหมาฮีโร่ พาไปบริจาคเลือดให้สำเร็จ!" ... ไปดูกันดีกว่าค่ะว่า วันนี้ภารกิจของหมอแอมป์ของเราจะสำเร็จรึเปล่า ตามหมอแอมป์ไปเลยยยย
เป้าหมายของการหาฮีโร่น้องหมามาบริจาคเลือดในวันนี้ หมอแอมป์บอกว่าอยู่ที่ส่วนของหน่วยธนาคารเลือดค่ะ เพราะว่าคนที่จะพาน้องหมามาบริจาคเลือดก็ต้องไปที่หน่วยธนาคารเลือดค่ะ โดยหน่วยจะตั้งอยู่ที่ชั้น 3 ตึกเก่าค่ะ
... อ๊ะ ๆ ดูเหมือนว่าหมอแอมป์จะเจอฮีโร่น้องหมาที่จะมาบริจาคเลือดแล้วล่ะค่ะ ... และฮีโร่น้องหมาที่จะมาบริจาคเลือดช่วยเพื่อน ๆ ในวันนี้ก็คือ น้องลูกพีช กับน้องลูกแพร์ นั่นเองค่ะ คุณพี่เจ้าของแอบกระซิบมาว่าทั้งสองตัวบริจาคเลือดมาหลายครั้งแล้ว อย่างน้องลูกแพร์เคยบริจาคเลือดมาแล้วถึง 14 ครั้งเลยนะคะ เก่งมาก ๆ เลย!!
ได้ฮีโร่น้องหมาที่จะมาบริจาคเลือดแล้วทีนี้เราก็ตามไปดูกันต่อค่ะว่า การที่จะพาน้องหมามาบริจาคเลือดต้องทำยังไงบ้าง ...
ขั้นตอนแรก >> เจ้าของพาน้องหมาไปลงทะเบียนก่อน
ขั้นตอสที่สอง >> ชั่งน้ำหนัก
ขั้นตอนที่สาม >> พาขึ้นมาชั้น 3 หน่วยธนาคารเลือด พอมาถึงก็จะมีคุณหมอคอยตรวจสุขภาพน้องหมาว่ามีสุขภาพแข็งแรงดีหรือไม่ พร้อมสำหรับให้เลือดหรือเปล่า
ในขั้นตอนของการตรวจสุขภาพน้องหมาเพื่อการบริจาคเลือด คุณหมอจะตรวจร่างกายทั่วไปด้วยการฟังเสียงหัวใจ ฟังเสียงปอด เปิดปากดูเยื่อเมือก คลำช่องท้องว่ามีการปวดท้องหรือมีก้อนเนื้อที่ผิดปกติหรือไม่ รวมไปถึงดูผิวหนังและดูลักษณะของขนว่าสมบูรณ์หรือไม่ จากนั้นถึงจะเข้าสู่ขั้นตอนของการเจาะเลือดค่ะ
เห็นไหมล่ะคะว่า การพาน้องหมามาบริจาคเลือดไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ใคร ๆ กังวลเลย ...
สพ.ญ.จรรยาภรณ์ ธัญกานต์สกุล หัวหน้าหน่วนธนาคารเลือด ได้แชร์ความรู้ให้ฟังว่า การพาน้องหมามาบริจาคเลือดนั้นมีความสำคัญ และมีความจำเป็นอย่างมาก เพราะ ปัจจุบันมีคนเลี้ยงน้องหมากันมากขึ้น มีจำนวนน้องหมาเจ็บป่วยมากขึ้น ไม่ว่าจะป่วยด้วยอาการติดเชื้อหรืออุบัติเหตุก็ตาม ซึ่งอาการป่วยพวกนี้จำเป็นที่จะต้องมีการถ่ายเลือดเพื่อช่วยเหลือให้น้องหมารอดชีวิต ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีเจ้าของพาน้องหมามาบริจาคเลือดอยู่เรื่อย ๆ แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในภาวะที่ขาดแคลนเลือดอยู่ ทางโรงพยาบาลมีเคสน้องหมาป่วยเป็นจำนวนมาก ซึ่งตอนนี้สามารถหาเลือดช่วยน้องหมาได้ประมาณ 50% ยังมีน้องหมาอีกครึ่งที่รอการช่วยเหลืออยู่
ใครที่ติดตามภารกิจของคุณหมอแอมป์แล้วรู้สึกว่าอยากจะพาน้องหมามาบริจาคเลือดนะคะ คุณหมอก็แนะนำว่า น้องหมาต้องมีคุณสมบัติดังนี้ค่ะ
1. น้องหมาต้องมีอายุอยู่ในช่วง 1-7 ปี
2. น้องหมามีน้ำหนักตัว 17 กิโลกรัมขึ้นไป
3. น้องหมามีประวัติการรับวัคซีนที่ครบถ้วน
4. น้องหมาไม่มีภาวะป่วยใด ๆ ไม่กินยารักษาโรคใด ๆ อยู่
5. น้องหมาต้องไม่เคยได้รับการบริจาคเลือดมาก่อน
ถ้าตรงตามเกณฑ์ 5 ข้อนี้ก็สามารถพาน้องหมามาบริจาคเลือดได้เลยค่ะ ... แต่ก่อนจะพามาบริจาคเลือดก็ต้องมีการเตรียมตัวน้องหมาก่อนนะคะ โดยให้น้องหมางดอาหาร 8-12 ชั่วโมง ก่อนมาบริจาคเลือด(แต่ระหว่างนั้นสามารถได้กินน้ำได้นะคะ)
การพาน้องหมามาบริจาคเลือด นอกจากจะเป็นการได้ช่วยเหลือน้องหมาตัวอื่นแล้ว ยังเป็นการเช็กสุขภาพของน้องหมาไปในตัว เพราะก่อนการบริจาคเลือดต้องมีการตรวจสุขภาพเบื้องต้นก่อน มีการตรวจเช็กค่าเลือด ทำให้เจ้าของรู้ว่าน้องหมามีสุขภาพแข็งแรงดีหรือไม่อีกด้วยล่ะค่ะ
สัตวแพทย์หล่อบอกต่อด้วย กับภารกิจตามหาน้องหมาไปบริจาคเลือด จะสำเร็จหรือไม่มาดู !!สรุปว่าวันนี้มิชชั่นของคุณหมอหล่อของเราก็คอมพลีทนะคะ ปรบมือ!!! ... หมอแอมป์ฝากบอกว่า ถ้าน้องหมาของเพื่อน ๆ คนไหนสามารถบริจาคเลือดได้ก็อยากได้พามาบริจาคเลือดกันเยอะ ๆ นะคะ เพราะถือว่าเป็นการได้ตรวจสุขภาพไปในตัวแล้วก็ยังเป็นการช่วยเหลือเพื่อน ๆ น้องหมาด้วยกันอีกด้วย
บทความโดย : Dogilike.com
www.dogilike.com
SHARES