เป็นประจำทุกปีที่เมืองหยู่หลิน มณฑลกว่างซีจ้วง ประเทศจีน จะมีการจัดเทศกาลกินลิ้นจี่และเนื้อหมา เพื่อเฉลิมฉลองวันครีษมายันเป็นเวลา 10 วัน ในช่วงฤดูร้อนของเดือนมิถุนายนของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงที่พระอาทิตย์จะอยู่สูงเลยเส้นศูนย์สูตรไปทางทิศเหนือมากที่สุด ทำให้เป็นช่วงที่เวลากลางวันยาวที่สุดในกลุ่มประเทศแถบซีกโลกเหนือ เนื่องจากโคจรอยู่ใกล้กับเส้นศูนย์สูตร โดยตามความเชื่อว่า การกินลิ้นจี่คู่กับเนื้อสุนัขจะช่วยให้คลายร้อยให้กับคนที่กิน ซึ่งเป็นประเพณียาวนานมาหลายร้อยปีแล้ว แต่เพิ่งถูกยกมาจักเป็นเทศกาลได้ราวไม่ถึงสิบปีเท่านั้นเอง และทุกครั้งก็มีคนต่อต้าน ทั้งคนทั่วโลกและคนในชาติเดียวกันด้วย

 

 

 

 

 

     ประเพณีการกินเนื้อสุนัขเป็นวัฒนธรรมการบริโภคของคนในแถบเอเชียมานานกว่า 500 ปีแล้ว โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชียตะวันออก มีการพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่อาจบ่งบอกว่า มนุษย์อาจมีการบริโภคเนื้อสุนัขมานานกว่า 3,000 ปีแล้ว ในจีนเองมีจุดเริ่มต้นจากสมัยราชวงศ์หมิง โดยระหว่างสงครามครั้งหนึ่ง ชาวบ้านฆ่าสุนัขเพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันเห่าจนข้าศึกจะรู้ หลังจากได้รับชัยชนะชาวบ้านจึงนำเนื้อสุนัขมารับประทานฉลองกัน และยึดถือเป็นประเพณีในเวลาต่อมา ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ มีการจัดงานเป็นเทศกาลอย่างเอิกเกริก พ่อค้าเริ่มหันมาแล่เนื้อสุนัขโชว์ในที่สาธารณะ เพื่อการันตีว่าเนื้อนั้นสดและปลอดภัย จนสื่อต่าง ๆ นำไปลงเป็นข่าวแพร่กระจายไปทั่วโลก ผู้คนต่างก็รู้จักเทศกาลนี้เป็นอย่างดี และเกิดกระแสต่อต้านขึ้นทุกครั้งที่จัดงาน เพื่อกดดันรัฐบาลจีนให้สั่งห้าม
 

     โดยก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าทางการจีนสั่งห้ามไม่ให้จัดเทศกาลนี้แล้ว แต่ทว่าเมื่อเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา ก็ยังคงมีการจัดเทศกาลนี้อยู่ พ่อค้าแม่ค้าเผยว่า ทางการจีนไม่ได้สั่งห้ามไม่ให้จัดเทศกาลสักหน่อย เพียงแต่ขอร้องไม่ให้มีการฆ่าและแล่เนื้อสุนัขโชว์เท่านั้น เพราะเกรงจะไม่ถูกสุขลักษณะในการนำมาบริโภค โดยคาดว่าเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2562 ที่จะถึงนี้ ก็ยังคงมีการจัดเทศกาลกินเนื้อสุนัขในจีนอยู่เช่นเดิม จากสถิติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 มีการประเมินว่า แต่ละปีจะมีสุนัขถูกฆ่าในเทศกาลนี้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ตัว

 

 

 

 

 

     ทุกปีจะมีภาพสุนัขของแออัดนอนทับกันอยู่ในกรงแคบ ๆ ที่เป็นสนิม ถูกขนส่งมาด้วยรถบรรทุกหลายสิบคันจากทั่วประเทศ ตัวที่อยู่ข้างล่างก็จะโชคร้ายหน่อย เพราะถูกตัวบนทับจนไม่มีอากาศหายใจและตายไปก็มี  ไม่มีน้ำและอาหารให้ เพราะอย่างไรก็จะต้องถูกฆ่าให้ตายเพื่อนำไปเป็นอาหารอยู่แล้ว บางตัวร้องโหยหวนน่าเวทนา สุนัขที่ยังมีชีวิตอยู่เมื่อถูกขายได้แล้ว จะถูกทุบด้วยค้อน ตัดด้วยเลื่อย รวมถึงต้มในน้ำเดือดและย่างสดกลางเปลวไฟเพื่อเตรียมส่งขายไปยังตลาด  ไม่ใช่แค่สุนัขจรจัดเท่านั้นที่ตกเป็นเหยื่อ แม้แต่สุนัขเลี้ยงที่สวมปลอกคอก็ยังถูกลักขโมยมา

      พ่อค้าบางคนมียุทธวิธีเรียกร้องความสนใจ โดยการพยายามทรมานสุนัขด้วยวิธีต่าง ๆ เพื่อให้คนเห็นแล้วอาจเกิดความสงสารต้องรีบที่จะซื้อกลับไป คาดว่าภายในเมืองหยู่หลินนั้นมีโรงเชือดสุนัขกว่า 100 แห่ง คอยปลิดชีวิตสุนัขไม่ต่ำกว่าวันละ 1,000 ตัว ตลอดเทศกาล เพื่อส่งมายังตลาดตงโกว ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในเมือง เนื้อสุนัขจะถูกแขวนไว้ตามร้านเป็นภาพชินตาของคนในเมืองช่วงเทศกาลนี้
 

     ภายหลังมีการต่อต้านมากขึ้นทุกปี จึงมีตำรวจจำนวนมากถูกส่งมารักษาความปลอดภัยด้วย เพราะเคยเกิดเหตุกระทบกระทั่งระหว่างพ่อค้ากับกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่พยายามจะช่วยสุนัขไม่ให้ถูกเชือดเป็นอาหาร ทางตำรวจไม่ได้เข้าไปขัดขวางเทศกาลดังกล่าวแต่อย่างใด แต่แค่การพยายามควบคุมความสงบเรียบร้อยเท่านั้น ชาวเมืองหยู่หลินมีความเห็นว่า เทศกาลกินสุนัขเป็นธรรมเนียมโด่งดังของเรา บอกไม่ได้ว่าผิดหรือถูก ปกติก็กินเนื้อสุนัขกันอยู่แล้ว ไม่ต่างกับการกินเนื้อสัตว์อื่น ๆ เนื้อสุนัขมีรสชาติอร่อย และสุนัขเหล่านี้ก็เป็นสุนัขจรจัด เราให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้ และจะซื้อสุนัขไปกินฉลองกันในวันครีษมายัน

 

 

 

 

 

     กลุ่มนักรณรงค์สิทธิสัตว์ ได้ยื่นหนังสือต่อสำนักงานรัฐบาลท้องถิ่นเมืองหยู่หลิน เพื่อเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยกเลิกเทศกาลนี้ โดยในปี พ.ศ. 2559 มีคนทั่วโลกกว่า 11 ล้านคน ร่วมลงชื่อต่อต้านเทศกาลดังกล่าว รวมถึงคนไทยเราด้วย แต่ยังคงไร้วี่แววการยกเลิก ผู้ก่อตั้งสมาคม Beijing Mothers Against Animal Cruelty ชื่อว่า สู อี๋ว์เฟิง ออกประนามเทศกาลกินเนื้อหมาแห่งเมืองหยู่หลินว่า "เป็นความอับยศของประเทศจีน" ทางด้านฮ่องกง นายเถียน เป่ยเฉิน รองหัวหน้าพรรคนิวส์พีเพิ่ล (New People's Party) ของฮ่องกง ได้ส่งหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลจีน สั่งยกเลิกเทศกาลกินหมาดังกล่าวซะ ไม่ใช่แต่เพียงเมืองหยู่หลินเท่านั้น ประเพณีกินสุนัขและแมว ยังมีการจัดเทศกาลกินเนื้อสุนัขที่เมืองจินหวา เมืองหูโถว แต่ก็ถูกสังคมแบนจนล้มเลิกไปในไม่กี่วัน คงเหลือที่เมืองหยู่หลินที่ยังจัดมาจนถึงปัจจุบัน สมาคมพิทักษ์สัตว์ทั่วโลกเคยร่วมกันลงนาม 235,000 รายชื่อ เพื่อให้รัฐบาลจีนยกเลิกเทศกาลดังกล่าวแต่ยังไร้วี่แวว และกระแสต่อต้านเช่นนี้ ก็จะเกิดขึ้นทุกปีในช่วงเทศกาล ที่จะััดขึ้นในเดือนมิถุนายนตรงกับวันครีษมายัน

 

 

 

 

 

 

     ตลาดการค้าเนื้อสุนัขในเอเชียยังเป็นที่ต้องการสูงอยู่ โดยเฉพาะในบางประเทศเกาหลีใต้ เวียดนาม และจีน จึงเป็นที่มาการค้าเนื้อสุนัขข้ามชาติ มีการประเมินว่าแต่ละปีมีสุนัขที่ต้องถูกสังเวยจากความต้องการบริโภคเนื้อสุนัขราว 30 ล้านตัว โดยมีคนเวียดนามกว่า 80% ที่กินเนื้อหมา และพ่อค้าก็ทำรายได้งามเป็นล่ำเป็นสัน ถึงขนาดที่มีการนำเข้าสุนัขจากประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาว กัมพูชา และไทย เวียดนามจึงครองตลาดการค้าเนื้อสุนัขถึง 1 ใน 3 ของเอเชีย ทางด้านคนเกาหลีใต้ก็ไม่น้อยหน้า แต่ละปีมีการประเมินกว่าคนเกาหลีกินเนื้อหมาราว 5 ล้านตัว และยังมีการนำเอาผลิตภัณฑ์จากเนื้อสุนัขไปทำครีมด้วย แต่ว่าศาลในเกาหลีใต้ได้ประกาศว่า การฆ่าสุนัขเพื่อบริโภคเป็นเรื่องผิดกฏหมาย การต่อต้านการกินสุนัขกำลังเป็นวาระของประเทศภายใต้การนำของประธานาธิบดีมุนแจอินที่เป็นคนรักสุนัขมาก และสุนัขที่ท่านเลี้ยง ก็เป็นสุนัขที่ได้รับการช่วยชีวิตมากจากฟาร์มผลิตเนื้อสุนัขในเกาหลีใต้ด้วย


     อย่างไรก็ดีความต้องการกินเนื้อสุนัข อาจมีแนวโน้มลดลงจากกระแสต่อต้านของคนทั่วโลกและคนในชาติ จากที่เคยซื้อขายและบริโภคกันอย่างโจ่งแจ้ง อาจหันไปค้าขายทางออนไลน์ซึ่งจะตรวจสอบได้ยาก มีการเปิดเผยตัวเลขว่าเนื้อสุนัขมีมูลค่าสูงมาก ในบางประเทศอาจถึงกิโลกรัมละ 250-350 บาทเลยทีเดียว

 

บทความโดย : Dogilike.com
www.dogilike.com

 

ข้อมูลอ้างอิงบางส่วนและรูปภาพ :
 

https://gistogram.files.wordpress.com/2016/06/57743-5.jpg
https://brandinside.asia/dog-meat-market-in-asia/

https://www.khaosod.co.th/monitor-news/news_1248412

https://mgronline.com/china/detail/9580000069792