โดย: somo2
7 สายพันธุ์สุนัขขนสีดำสุดนุ่มลึก สำหรับสายแบล็คไลท์
สุนัขสายพันธุ์ที่มีขนสีดำนุ่มสลวย ให้ความรู้สึกนุ่มลึกละมุนเหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบสีดำเป็นพิเศษ
5 มีนาคม 2564 · · อ่าน (32,944)
-
ความจริงแล้วรอตต์ไวเลอร์กับโดเบอร์แมนมีเชื้อสายเหมือนกัน และไม่ได้โหดร้ายอย่างที่เราเข้าใจ พื้นฐานสุนัขสายพันธุ์รอตต์ไวเลอร์มีนิสัยอ่อนโยน รักสนุก และบางครั้งก็อาจมีขี้อายบ้าง แต่ลักษณะพิเศษคือความจงรักภักดีให้กับเจ้าของ รักเจ้าของพร้อมปกป้องอันตรายเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวเลย
- ไม่ว่าสุนัขสายพันธุ์นั้น ๆ จะมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูโหดร้าย หรือน่ากลัว แต่หากเราเลี้ยงด้วยความรัก ความเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอและให้เวลาอย่างเต็มที่ รวมไปถึงการแสดงความเชื่อมั่นให้สุนัขของคุณมั่นใจว่านี่แหละ! เจ้านายฉัน!!!

ไหน ๆ ใครเป็นสายแบล็คไลท์ หรือ All black กันบ้างมั้ยคะ??....บอกเลยว่าสายสีดำเป็นอะไรที่สุดเท่ คูล นิ่งสงบ ให้อารมณ์นุ่มละมุนละไมและดูน่าค้นหาไม่ใช่น้อย แน่นอนว่าสำหรับสายพันธุ์สุนัขแล้ว การมีขนยาวสีดำสลวยเป็นอะไรที่น่าจับจองมากค่ะ เห็นทีไรก็อดใจเต้นไม่ได้เหมือนกัน
วันนี้เราเลยจะพาไปทำความรู้จักกับสายพันธุ์น้องหมาที่มีขนสีดำสลวย ท่าทางทรงสง่า ดูองอาจ มีมาด อีกทั้งยังเป็นสายลุยด้วย ตามมาดูกันเลยค่า
1. โกลนันดาล (Groenendael)
โกลนันดาลเป็นสายพันธุ์เดียวกับเบลเยียม เชพเพิร์ดเป็นหนึ่งใน 4 สายพันธุ์สุนัขของเบลเยียม คือ โกลนันดาล (Groenendael), ลาเกอนัว (Laekenois), เมเชอการ์ (Mechelar หรือ มาลินอยส์ : Malinois) และเทอร์วูเรน (Tervuren) มีต้นกำเนิดในช่วงกลางศตวรรษที่สิบสองซึ่งแต่เดิมถือว่าเป็นสุนัขเลี้ยงแกะ ด้วยลักษณะที่แข็งแกร่งสง่างาม มีความฉลาด กล้าหาญและอดทนอย่างมาก อีกทั้งยังมีความสามารถในการต้อนแกะ ดมกลิ่น แกะรอยเท้า และยังช่วยป้องกันบ้านได้ดีในฐานะผู้เฝ้าพิทักษ์จึงเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในฝั่งยุโรป
ลักษณะนิสัย
โกลนันดาลเป็นสุนัขประเภทที่ต้องอยู่คลุกคลีกับเจ้าของและครอบครัว ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสุนัขที่ความซื่อสัตย์และหวงแหงเจ้าของเป็นอย่างมาก เป็นเพื่อนคู่ซี้ที่พร้อมจะช่วยปกป้องเราจากอันตรายได้เลยล่ะค่ะ เพราะด้วยความที่เขามีลักษณะนิสัยกัด ไล่กวดคนแปลกหน้าอีกทั้งยังเป็นมิตรกับเด็กน้อย ไม่ค่อยแสดงอาการก้าวร้าวมีความอดทนสูง นอกจากนี้ยังมีสัญชาติญาณที่ดีนั่นคือการได้ยินที่ยอดเยี่ยม เขาจะรู้สึกเป็ฯกังวลมากเกี่ยวกับสมาชิกในครอบครัวหากรับรู้ได้ว่ามีใครกำลังตกอยู่ในอันตรายด้วยการถูกดึงดูดความสนใจจากเสียงดังมาก ๆ ไม่เพียงเท่านี้เขายังเป็นพันธุ์ที่สามารถทนต่อสภาพอากาศเลวร้ายได้อีกด้วย
การดูแล
เนื่องจากสายพันธุ์นี้มีขนยาว เราจึงต้องหมั่นหวีให้เป็นระเบียบประจำ เพราะอาจมีสิ่งสกปรกสะสมตามเส้นขนซึ่งจะทำให้มีปัญหาด้านผิวหนังรุนแรง อาจมีการตัดแต่งขนบ้างเพื่อความสวยงาม ขนาดพื้นที่ของบ้านควรกว้างพอให้เขาวิ่งเล่นได้ และควรมีของเล่นให้กัดแทะเล่นเพราะไม่อย่างนั้นเขาอาจกัดข้าวของเครื่องใช้หรือเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ จนเละเทะได้ ควรหมั่นพาไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาสุขภาพ
ข้อควรระวัง
โกลนันดาลเป็นสายพันธุ์ที่มีความสามารถในการไล่ต้อน และกัด แต่เขาจะมีข้อดีตรงที่หวงเจ้าของและระแวงคนแปลกหน้าที่เข้ามาใกล้เพื่อความปลอดภัย แต่ไม่เหมาะที่จะให้อยู่กับเด็กทารกหรือเด็กหัดเดินที่ส่งเสียงร้อง อาจทำให้เขาตกใจและพุ่งเข้าใส่ เจ้าของไม่ควรแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว หรือดุด่าด้วยการใช้เสียงดัง ๆ ด้วยความที่เขามีความรู้สึกและประสาทรับรู้ที่อ่อนไหวอย่างมาก ควรใช้ความเข้มงวดในการฝึกฝนพฤติกรรมให้สุนัขอยู่ในระเบียบ เนื่องจากความสามารถทางสติปัญญานั้นเป็นเลิศ การทำความเข้าใจเรื่องต่าง ๆ จึงไม่ยากเกินความสามารถของเขาหากเจ้าของฝึกฝนอย่างดี
2. เบอร์นีส เมาน์เทนด็อก (Bernese Mountain dog)
เบอร์นีส เมาน์เทนด็อก แปลจากภาษาเยอรมัน มีความหมายว่า เบอร์นีส อัลไพน์ของคนเลี้ยงสัตว์ ชื่อเดิมของสายพันธุ์นี้คือ เดอร์บาชเลอร์ มีต้นกำเนิดมาจากการผสมระหว่างสุนัขพื้นเมืองของสวิตแลนด์ที่ใช้คุมฝูงสัตว์ กับสุนัขเฝ้ายามของกองทัพโรมัน ต่อมาก็นิยมนำไปเลี้ยงใช้งานในฟาร์ม ทั้งต้นวัว ปกป้องฟาร์มและดึงลากรถขนนมในท้องถิ่น ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักมากในกรุงเบริ์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ความจริงแล้วเบอร์นีสยังไม่ค่อยแพร่หลายไปทั่วโลกเท่าไรนัก มีอีกชื่อเรียกคือ เบอร์เนอร์ เซนเนนฮุนด์
ลักษณะนิสัย
เบอร์นีส เมาน์เทนด็อกเป็นสุนัขที่มีความตื่นตัว อัธยาศัยดี เอาใจใส่งาน เป็นมิตร ฉลาด และแข็งแรงด้วยความที่เป็นสุนัขทำงานจึงค่อนข้างสนุกกับการท้าทายการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ สัญชาตญาณคือการป้องกันและการทำงานในฟาร์มก็ยังมีอยู่เรื่อย ๆ ในสวิตเซอร์แลนด์ เป็นสุนัขเฝ้าบ้านที่ดีเหมาะกับการเลี้ยงไว้ต้อนสัตว์และงานลากจูง เบอร์นีส เมาน์เทนด็อกมีขนาดลำตัวที่ใหญ่ตั้งแต่วัยเด็กแต่ใจดีกับผู้คนที่คุ้นเคย เขาจะไม่ค่อยส่งเสียงเห่าพร่ำเพื่อเว้นเสียแต่ถูกทิ้งไว้ลำพังนาน ๆ
การดูแล
เนื่องจากมีขนยาวจึงจำเป็นต้องแปรงขนอย่างสม่ำเสมอเพื่อสุขภาพที่ดี ควรหมั่นพาออกกำลังกายไปวิ่งเล่นบ้างเพื่อคลายความเครียด เพราะด้วยขนาดลำตัวที่ใหญ่มากของเบอร์นีส หากมีอาการเครียดสะสมจากการไม่ได้ขยับตัวอาจทำให้เขากัดแทะเฟอร์นิเจอร์จนเสียหายได้ ซึ่งน้ำหนักของเบอร์นีสโดยเฉลี่ยของเพศผู้ 90-120 ปอนด์ และเพศเมีย 70-100 ปอนด์ หากเราไม่อยากให้สุนัขที่มีน้ำหนักตัวเกิน 100 ปอนด์วิ่งไล่ กระโดดใส่หรือทำลายข้าวของในบ้านก็ควรพาออกไปเล่นนอกบ้านให้เขาใช้ชีวิตอย่างธรรมชาติ การวิ่งเล่นหรือออกกำลังกายจะช่วยเผาพลาญพลังงานให้สุนัขรู้สึกสนุก มีความสุข ลดความเครียดเมื่อกลับถึงบ้านก็จะนอนหลับปุ๋ยไม่กวนเจ้าของเลยล่ะค่ะ
ข้อควรระวัง
เนื่องจากเบอร์นีสมีขนลำตัวยาวมาก อาจไม่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนอบอ้าว ซึ่งเสี่ยงทำให้สุนัขเป็นฮีต สโตรกได้ง่าย ในประเทศไทยอาจมีคนที่เลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้อยู่แต่ไม่มากเนื่องจากปัญหาการผลัดขนด้วย ไม่เหมาะที่จะปล่อยไว้กับเด็กเล็กเพียงลำพังเพราะขนาดตัวใหญ่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุกับเด็ก การทำความสะอาดขนด้วยการอาบน้ำเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะต้องเป่าขนให้แห้ง ไม่ให้ชื้นเปียกเพราะอาจทำให้เกิดปัญหาโรคผิวหนังกับสุนัขชนิดนี้ได้ง่ายตามบริเวณข้อพับต่าง ๆ
3. เบเซอรอน (Beauceron)
เบเซอรอนเป็นสุนัขอีกสายพันธุ์ที่เหมาะกับการเลี้ยงใช้งานในฟาร์ม หรือบ้านที่มีสนามหญ้าขนาดใหญ่ให้เขาใช้พลังงานได้เต็มที่ รู้จักกันในนาม berger de beauce ต้นกำเนิดจากประเทศฝรั่งเศส ได้รับการพัฒนาในช่วงคริสต์ศักราชที่ 1500 เพื่อเป็นนักล่าหมูป่า สามารถต้อนฝูงแกะขนาดใหญ่แล้วโยกย้ายฝูงสัตว์ได้ไกลถึง 50 ไมล์ต่อวันโดยไม่เหนื่อย ซึ่งเป็นสันุขเลี้ยงแกะชนชาติฝรั่งเศสที่มีขนาดตัวใหญ่ที่สุด สายพันธุ์นี้มักใช้ในงานของตำรวจ สำหรับการป้องกันภัยและเป็นผู้กู้ภัย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่เป็นคู่หูที่ยอดเยี่ยมจนได้รับการวาดภาพคู่กับกษัตริย์เลยทีเดียว
ลักษณะนิสัย
เบเซอรอนเป็นสุนัขที่มีความจงรักภักดีและป้องกันระวังเจ้าของ เหมาะกับการเลี้ยงไว้เป็นสุนัขเฝ้าระวังที่ดี หากใครกำลังมองหาบอดี้การ์ดส่วนตัวขนาดกำลังพอดีด้วยส่วนสูง 25 นิ้วขึ้นไปแล้ว เบเซอรอนเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกดี ๆ เลยค่ะ เพราะนอกจากจะเป็นห่วงสมาชิกในครอบครัวแล้วยังเฝ้าทรัพย์สินในบ้านได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นเบเซอรอนยังเป็นสุนัขที่ฉลาด เรียนรู้เร็วและชอบกิจกรรมที่ท้าทาย ต้องใช้พลังงานนอกบ้านเหมาะมากสำหรับใครที่กำลังหาเพื่อนไปผจญภัยข้างนอกเป็นผู้ร่วมทางที่ดี
การดูแล
เพราะมีนิสัยตื่นตัวและเอาใจใส่คนในครอบครัวเป็นพิเศษ การใช้เวลาร่วมกันกับเขาจึงเป็นเรื่องสำคัญ พาออกไปเดินเล่นหรือเล่นนอกบ้านเพื่อออกกำลังกายบ้างก็เป็นเรื่องดีค่ะ ไม่อย่างนั้นเขาจะรู้สึกเบื่อ และหงุดหงิดได้ง่าย เบเซอรอนเป็นสุนัขที่ฉลาดและชอบทำงาน อย่างน้อยควรมีสนามหญ้าให้เขาได้วิ่งเล่นบ้าง ขนลำตัวสั้นดังนั้นดูแลเพียงแค่แปรงขนสัปดาห์ละครั้งก็เพียงพอแล้วค่ะ เขาจะมีการผลัดขนตลอดปีแต่จะผลัดขนเยอะในช่วงอากาศอบอุ่น
ข้อควรระวัง
เบเซอรอนเป็นสุนัขประเภทหวงของและอาณาเขตของตัวเองเป็นอย่างมาก ทำให้เขาไม่สามารถเข้านิสัยกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นได้ หากเพื่อน ๆ คนไหนอยากเลี้ยงเบเซอรอนคู่กับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นคงต้องคิดใหม่แล้วล่ะค่ะ ไม่อย่างนั้นอาจเกิดสงครามในบ้านขึ้นได้
4. ลัปโปเนียน เฮอร์เดอร์ (Lapponian Herder)
ลัปโปเนียน เฮอร์เดอร์เป็นสุนัขพันธุ์ Spitz ที่มีต้นกำเนิดจากดินแดนทางตอนเหนือของสแกนดิเนเวีย มีความทนทานต่อสภาพอากาศและนิยมเลี้ยงไว้เพื่อทำงานในฟาร์มสำหรับต้อนกวางเรนเดียร์ สุนัขสายพันธุ์ Spitz นั้นมีลักษณะโดดเด่นที่หูแหลม ปากกระบอกยาวและขนหนา มีความคล้ายคลึงกับหมาป่า
ลักษณะนิสัย
ลัปโปเนียน เฮอร์เดอร์มีความฉลาดในตัว สามารถฝึกได้ง่าย มีความละเอียดอ่อนตามธรรมชาติจึงไม่เหมาะกับวิธีการฝึกที่รุนแรงจนเกินไป เข้ากับเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี มีความเป็นมิตร กระตือรือร้น จงรักภักดีและซื่อสัตย์ ไม่ชอบการถูกทิ้งไว้ตัวเดียวนาน ๆ จึงเหมาะกับคนที่ทำงานอยู่บ้านมากกว่า ไม่ค่อยแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวจึงอาจไม่ใช่สุนัขที่เลี้ยงไว้เพื่อเฝ้าบ้านสักเท่าไร เทียบกันแล้วสุนัขสายพันธุ์นี้จะเหมาะสำหรับคนที่อยากเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนเล่น ไม่อยากอยู่คนเดียว คลายความเหงา
การดูแล
สุนัขสายพันธุ์นี้มีขนค่อนข้างสั้น ไม่ยาวมาก การดูแลแปรงขนอาจไม่ต้องทำสม่ำเสมอเหมือนพันธุ์ที่มีขนยาว แต่สำหรับลูกสุนัขจะมีความไวต่อเสียงรบกวนได้ง่าย ควรเก็บเครื่องเสียงหรืออุปกรณ์ที่จะทำให้เกิดเสียงดังได้ง่ายไว้ให้ห่าง ควรพาไปออกกำลังกายอย่างน้อย 1 ชั่วโมงต่อวันจะช่วยกระตุ้นสภาพจิตใจที่ดีให้กับสุนัข
ข้อควรระวัง
ลัปโปเนียน เฮอร์เดอร์จะค่อนข้างชอบส่งเสียงดังเป็นพิเศษ ใครที่จะเลี้ยงน้องหมาพันธุ์นี้ต้องทำความเข้าใจก่อนนะคะว่าธรรมชาติของเขาชอบเห่าเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะความก้าวร้าวหากเลี้ยงด้วยความอบอุ่นและเอาใจใส่เขาตลอดเวลา เนื่องจากเขาเป็นสุนัขขี้เหงาที่อยากได้เพื่อนเล่น
5. สวีดิช แลพพ์ฮุนด์ (Swedish Lapphund)
เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์เดียวกับ Spitz ที่ถูกเลี้ยงและผสมพันธฺุโดยชาว Sami เร่ร่อนของ Lappland ซึ่งประกอบไปด้วยนอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์และรัสเซียตะวันตกเฉียงเหนือ สำหรับสวีดิช แลพพ์ฮุนด์มีอีกชื่อเรียกว่า แลพพ์แลนด์สกา สเปตส์ เป็นสุนัขมีขนาดกลาง ใบหน้าคล้ายจิ้งจอก หางม้วนขึ้นบนหลังแบบสายพันธุ์ Spitz มีขนหนาสองชั้นปกป้องจากอากาศหนาว มักนิยมเลี้ยงในประเทศสวีเดนและประเทศอื่น ๆ ในแถบสแกนดิเนเวีย
ลักษณะนิสัย
มักนิยมเลี้ยงไว้ในบ้านเพราะมีความเป็นมิตร นิสัยดีร่าเริงติดการเข้าสังคมและต้องอยู่กับสมาชิกในครอบครัว ไม่ชอบการถูกทิ้งไว้ลำพัง หากเขาถูกทิ้งไว้นาน ๆ จะส่งเสียงเห่าเรียก ซึ่งเป็นอีกสายพันธุ์หนึ่งที่เหมาะกับคนอยากเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนคลายความเหงา ไม่ชื่นชอบการอยู่คนเดียว ค่อนข้างใจเย็นเข้ากันได้ดีกับเด็กและสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ๆ ในบ้าน อาจจะระแวงคนแปลกหน้าแต่ไม่มีท่าทีก้าวร้าวหรือดุร้าย จะมีเพียงเห่าใส่คนแปลกหน้าเท่านั้น
การดูแล
สวีดิช แลพพ์ฮุนด์มีขนยาวและหนาจึงต้องหมั่นดูแลทำความสะอาดบ่อย ๆ ควรแปรงขนไม่ให้พันกันและรักษาสุขภาพ พาออกไปเดินเล่นนอกบ้านบ้างเพราะโดยนิสัยแล้วเขาจะชื่นชอบการขยับตัว
ข้อควรระวัง
สวีดิช แลพพ์ฮุนด์อาจไม่มีข้อควรระวังเป็นพิเศษมากนัก แต่ด้วยความที่เขามีขนยาวหนาสองชั้นอาจไม่เหมาะที่จะเลี้ยงในสภาพอากาศอับชื้น หากจะนำมาเลี้ยงควรเลี้ยงไว้ในห้องแอร์
6. รอตต์ไวเลอร์ (Rottweiler)
รอตต์ไวเลอร์สำหรับใครหลาย ๆ คนคงเป็นสุนัขที่ขึ้นชื่อว่าดุและโหดร้ายที่สุด จากข่าวสารที่รายงานว่ามีรอตต์ไวเลอร์กัดคนจนได้รับบาดเจ็บ หรือข่าวว่ากัดเด็กจนเกือบถึงชีวิตเลยก็มี ทำให้เรามีภาพว่ารอตต์ไวเลอร์มีนิสัยดุร้ายโดยพื้นฐาน แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลยค่ะ ต้องบอกก่อนว่ารอตต์ไวเลอร์เป็นสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุด มาพร้อมกับชาวโรมันผ่านเยอรมนี ใช้สำหรับลากเกวียนและปกป้องเมืองหน้าด่าน ซึ่งรอตต์ไวเลอร์ที่เรารู้จักกันทุกวันนี้จะถือว่าเป็นสายพันธุ์แมสติฟฟ์ รอตต์ไวเลอร์ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาของสายพันธุ์โดเบอร์แมนอีกที
ลักษณะนิสัย
แต่เดิมรอตต์ไวเลอร์เป็นสุนัขที่มีความอ่อนโยน สนุกสนานร่าเริง และบางครั้งอาจมีขี้อายบ้าง กระตือรือร้นในการรับฟังคำสั่งได้ดีเพราะฉลาดในการรับรู้ภาษา เป็นสุนัขที่มีความระมัดระวังภัยต่าง ๆ ได้ดีจึงมีความสามารถในการปกป้องสมาชิกในครอบครัวและเฝ้าทรัยพ์สินได้ แต่ความเป็นจริงแล้วรอตต์ไวเลอร์อาจไม่เหมาะสำหรับการเฝ้าบ้านเท่าไรเพราะเขาจะมีนิสัยเห่าสิ่งผิดปรกติตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น อะไรที่ไม่คุ้นเคยก็จะส่งสัญญาณเห่าก่อนทันทีเหมือนว่าเป็นสุนัขที่ขี้ตกใจและขี้กลัวง่าย การแสดงออกโดยส่งเสียงเห่าจึงเหมือนเป็นการป้องกันตัวด้วยรูปลักษณ์ที่ดูน่าเกรงขามเพื่อข่มขวัญอีกฝ่าย
ทีนี้สาเหตุหลัก ๆ เลยที่ทำให้รอตต์ไวเลอร์มีนิสัยดุร้ายก็คือ การขาดความเอาใจใส่จากผู้เลี้ยงดู ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วพฤติกรรมการเลี้ยงดูของเจ้าของนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากที่จะมีอิทธิพลต่ออารมณ์และพฤติกรรมของสุนัข ยิ่งสำหรับรอตต์ไวเลอร์ที่มีรูปลักษณ์ตัวใหญ่ น่ากลัว และดุดันเป็นทุนเดิมอยู่แล้วและมักจะเห่าเรียกทุกครั้งที่เห็นสิ่งแปลกปลอม หากเจ้าของได้ยินแต่ไม่สนใจเขาว่ากำลังเห่าอะไร เขาก็จะส่งเสียงไปเรื่อย ๆ บางครั้งอาจเห่าจนกว่าตัวเองจะรู้สึกถึงความปลอดภัยในบริเวณรอบ ๆ นั้น ยิ่งหากเป็นคนแปลกหน้าเข้ามาใกล้อาณาเขตของตนก็จะยิ่งเห่าไล่มากขึ้น ซึ่งความเครียดจากการเลี้ยงดูเองก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้รอตต์ไวเลอร์มีนิสัยดุร้ายขึ้นมาทันที หากถูกกักขังเป็นเวลานาน แสดงท่าทีหวาดกลัวจนสร้างความไม่มั่นใจให้กับสุนัข คน ๆ นั้นก็จะไม่สามารถควบคุมสุนัขได้ เพราะสำหรับรอตต์ไวเลอร์ความประทับใจแรกพบกับเจ้านายถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งเช่นกัน
การดูแล
สำหรับรอตต์ไวเลอร์ที่มีขนสั้นเกรียนไม่จำเป็นต้องหมั่นแปรงขนหรือาบน้ำบ่อย แต่หากถามว่าจะเลี้ยงยังไงให้มีนิสัยเชื่อง น่ารักไม่ดุร้าย ตอบได้อย่างเดียวเลยค่ะคือการเอาใจใส่เขามาก ๆ และเลี้ยงด้วยความรักความห่วงใย เพราะหากคุณเลี้ยงเขาด้วยความโหดร้ายของตัวเอง กักขัง ไม่พาออกไปเล่น ใส่อารมณ์ เขวี้ยงปาข้าวของใส่พฤติกรรมเหล่านั้นก็จะกลายเป็นพฤติกรรมของสุนัขที่สะท้อนกลับมาเล่นงานคุณและคนรอบข้าง โดยพื้นฐานรอตต์ไวเลอร์มีนิสัยหวงถิ่น และจะเห่าไล่คนแปลกหน้าที่เข้ามาใกล้ เราสามารถจัดการได้ด้วยออกคำสั่งเขาเพื่อให้รับรู้ว่าคน ๆ นี้ไม่อันตราย ไม่ได้จะเข้ามาขโมยอะไร เรื่องพ่อพันธุ์แม่พันธุ์เองก็สำคัญ หากเราเลือกตัวที่มีนิสัยไม่ดุร้าย ลูกออกมาก็จะไม่ดุร้าย ไม่เพียงเท่านั้นเขายังเป็นสุนัขที่มีความฉลาด สามารถฝึกสอนได้ด้วยการออกคำสั่ง แต่นั่นต้องหมายถึงว่าเจ้าของต้องมีเวลาให้เขาพอสมควรและหมั่นฝึกซ้อมเป็นอย่างดี และต้องฝึกด้วยความอ่อนโยน ไม่ใช่การใช้กำลัง หรือใส่อารมณ์ร้าย
การพาออกไปวิ่งข้างนอกก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะการวิ่งจะช่วยให้สุนัขไม่เกิดความเครียดเหมือน ๆ กับสายพันธุ์อื่น ๆ ที่ต้องขยับร่างกาย เอาพลังงานออก การพาออกไปเจอผู้คนบ่อย ๆ จะช่วยฝึกให้เข้ากับสังคมได้ดี สร้างความเป็นมิตรโดยเราต้องสร้างความเชื่อใจและมั่นใจให้กับทั้งตัวสุนัขและคนแปลกหน้าที่จะเข้ามาเล่นว่าเขาไม่กัด ไม่ได้ดุร้าย ซึ่งจะเป็นหน้าที่หลักของผู้เลี้ยงที่ต้องส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้รอตต์ไวเลอร์
ข้อควรระวัง
ถึงแม้รอตต์ไวเลอร์จะเป็นมิตรกับเจ้าของแต่ก็ไม่ควรปล่อยไว้กับเด็ก ความซุกซนและอยากรู้อยากเห็น รวมไปถึงการส่งเสียงกรี๊ดอาจทำให้สุนัขเกิดความรำคาญแล้วพุ่งโจมตีเข้าใส่ พละกำลังของรอตต์ไวเลอร์ล้นเหลือเฟือจึงไม่แปลกที่มันจะมีกำลังในการกัดอีกฝ่ายจนบาดเจ็บ สุนัขสายพันธุ์นี้ไม่เหมาะกับคนที่เลี้ยงสุนัขครั้งแรก เพราะรอตต์ไวเลอร์ต้องอาศัยการฝึกฝนที่มีความชำนาญและการเอาใจใส่ที่ดีเพื่อฝึกฝนนิสัยและพฤติกรรมค่อนข้างพอสมควร
7. โดเบอร์แมน (Dobermann)
ยุคปลายคริสตศักราชที่ 1800 มีชาวเยอรมันชื่อว่า หลุยส์ โดเบอร์แมน นักพัฒนาสายพันธุ์สุนัข เขาเป็นพนักงานเก็บภาษีที่ต้องการสุนัขอารักขาไปพร้อมตอนที่เขาทำงานจึงนำสุนัขท้องถิ่นมาเลี้ยง จากข้อสันนิษฐานคาดว่าเขานำสุนัขผสมข้ามสายพันธุ์ ได้แก่ รอตต์ไวเลอร์ (Rottweiler), เยอรมัน ฟินสเชอร์ (German pinscher), เกรท เดน (Great Dane), เยอรมัน เฟเฟิร์ด (German Shepherd), แมนเชสเตอร์ เทอร์เรียร์ (Manchester) และอิงลิช เกรย์ฮาวด์ ช็อตแฮร์ เชฟเฟิร์ด (Engligh greyhound shorthaired shepherd) ช่วงแรกเริ่มโดเบอร์แมนถูกเลี้ยงเพื่ออารักขา แต่ปัจจุบันก็มีการนำสุนัขสายพันธุ์นี้มาใช้เป็นสุนัขตำรวจ สุนัขทหาร สุนัขกู้ภัยและสุนัขเพื่อการบำบัด
ลักษณะนิสัย
โดเบอร์แมนถูกจัดในกลุ่มสุนัขที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (people-orienter dog) มีนิสัยอ่อนโยนมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอกที่ดูน่ากลัวเหมือนกับรอตต์ไวเลอร์ สามารถปรับตัวเข้ากับมนุษย์ได้ดีโดยเฉพาะในช่วงที่นำมาฝึกพร้อมกันทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยง เรื่องความจงรักภักดีก็ต้องยกให้โดเบอร์แมนติดอันดับสุนัขอารักขาเลย เขาพร้อมจะโจมตีใส่คนที่เข้ามาทำร้ายเจ้านายและจะไม่ยอมให้สมาชิกในครอบครัวตกอยู่ในอันตรายเด็ดขาด เรียกว่าพร้อมถวายชีวิตเข้าช่วยเหลือ มีความกระตือรือร้นและพลังงานล้นเหลือสูง มีความฉลาดสูงอีกทั้งยังมีเสน่ห์เฉพาะตัว สำหรับใครที่มองหาสุนัขมาดเท่แล้วโดเบอร์แมนถือว่าติดอันดับเลยทีเดียว
การดูแล
ควรพาไปออกกำลังกายหรือวิ่งเล่นข้างนอกบ่อย ๆ หากสุนัขไม่ได้ออกไปวิ่งเล่นเขาอาจจะรบกวนเจ้าของหรือมีนิสัยดุร้ายจากความเครียดสะสมได้ การฝึกโดเบอร์แมนให้เชื่องควรเริ่มตั้งแต่ยังเล็ก เนื่องด้วยความฉลาดเป็นกรดที่สามารถรับรู้การสื่อสารและเข้าใจได้เป็นอย่างดีทำให้เขาเรียนรู้ไวมาก สิ่งสำคัญเลยคือเจ้าของต้องแสดงความมั่นใจในตัวเอง ไม่แสดงอาการหวาดวิตกกังวลหรือทำตัวให้ดูไม่น่าเชื่อถือ เพราะสำหรับโดเบอร์แมนแล้วการให้ความเชื่อใจถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเขา หากคุณแสดงท่าทางอ่อนแอ หรือกำลังกลัวเขาจะสูญเสียความมั่นใจและไม่ไว้ใจคุณหรือใคร ซึ่งนั่นอาจทำให้มีพฤติกรรมก้าวร้าวได้เช่นกัน
ข้อควรระวัง
โดเบอร์แมนเป็นสุนัขที่ติดเจ้าของ ถือว่าเจ้านายของเขาเป็นสิ่งสำคัญและที่สุด เรื่องการเข้าใกล้คนแปลกหน้าอาจต้องระวังเป็นพิเศษ สำหรับสุนัขแล้วการปกป้องเจ้านายถือเป็นหน้าที่อย่างหนึ่ง โดเบอร์แมนไม่เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเลี้ยงสุนัขเป็นครั้งแรก และคนที่มีสภาพจิตใจอ่อนแอ อ่อนไหวง่าย ไม่มั่นคง เพราะนั่นอาจส่งผลต่อสภาพจิตใจและพฤติกรรมของสุนัขให้ไม่เชื่อใจเจ้าของและอาจทำให้ควบคุมสุนัขไม่ได้
เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับสุนัขขนสีดำสำหรับสายแบล็คไลค์ ด้วยรูปลักษณ์ความแข็งแรง น่าเกรงขาม ความสามารถและนิสัยรักหวงเจ้าของ ถูกใจสายพันธุ์ไหนเป็นพิเศษกันบ้างมั้ยคะ แต่ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ เรายังมีคลิปวิดีโอน่ารัก ๆ มาฝากก่อนจากกันไปด้วยค่ะ ตามมาดูเจ้าโดเบอร์แมน สายพันธุ์ที่มีเชื้อสายมาจากรอตต์ไวเลอร์ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสุนัขอารักขาที่มีความเก่งกาจ องอาจและอ่อนโยนกันดีกว่า
บทความโดย: Dogilike.com
http://www.dogilike.com/
ที่มาของข้อมูล :
https://dress-th.techinfus.com/ovcharka/gryunendal/
https://www.hills.co.th/dog-care/dog-breeds/bernese-mountain-dog
https://www.hills.co.th/dog-care/dog-breeds/beauceron
https://sites.google.com/site/rxtwilexrsunakhphanthudu/nisay-laea-xa-rmnrxt-wi-lex-r
ภาพประกอบ :
https://www.luvmydogs.com/2018/06/everything-about-your-swedish-lapphund.html?m=0
https://www.petguide.com/breeds/dog/lapponian-herder/attachment/lapponian-herder-1/
https://www.jinhuitoy.com/โดเบอร์แมน-นิสัย/
SHARES