โดย: เว็บมาสเตอร์มะเหมี่ยว

เมื่อ "ลูก" ขอเลี้ยงหมา มาเช็กก่อนว่าเด็ก ๆ พร้อมเลี้ยงสัตว์หรือไม่

ไปดูกันค่ะว่า ก่อนจะอนุญาตให้เด็ก ๆ มีสัตว์เลี้ยงได้ต้องมีความพร้อมอะไรบ้าง

17 กรกฏาคม 2563 · · อ่าน (3,972)
162

SHARES


162 shares
  • การให้เด็ก ๆ ได้เลี้ยงสัตว์นั้นมีผลดีต่อสภาพจิตใจของเด็ก ช่วยให้เด็กมีนิสัยอ่อนโยน มีความรับผิดชอบ และมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
 
  • แต่การที่จะอนุญาตให้เด็ก ๆ เลี้ยงสัตว์ได้นั้น พ่อและแม่ ต้องประเมินความพร้อมของลูกด้วย โดยหลักสำคัญที่จะใช้ประเมินความพร้อมก็คือ ความพร้อมในด้านวุฒิภาวะ และความพร้อมในด้านสุขภาพร่างกาย

     หลายวันก่อนมีคุณแม่ท่านหนึ่ง inbox เข้ามาที่แฟนเพจด็อกไอไลค์เพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับลูกวัย 9 ขวบ ที่อยากจะเลี้ยงน้องหมา ซึ่งคุณแม่เองเห็นประโยชน์ของการที่ลูกจะมีสัตว์เลี้ยง แต่ว่าคุณแม่อยากจะมั่นใจว่าลูกพร้อมจริง ๆ ที่จะรับผิดชอบชีวิตอีกหนึ่งชีวิต ก่อนที่จะตัตดสินใจให้ลูกได้เลี้ยงสัตว์

     ต้องชื่นชมคุณแม่ท่านนี้มาก ๆ เลยนะคะ ที่มีความรอบคอบและรับผิดชอบต่อชีวิตน้องหมาตั้งแต่เริ่มคิดที่จะเลี้ยง ... ถึงแม้ว่าการให้ลูกมีสัตว์เลี้ยงนั้นจะมีข้อดีหลายอย่าง เช่น ช่วยให้เด็ก ๆ มีนิสัยอ่อนโยน มีความรับผิดชอบ และมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี แต่หลายครั้งการที่อนุญาตให้ลูกมีสัตว์เลี้ยงได้โดยที่ลูกรวมไปถึงพ่อแม่ขาดความพร้อม และความเข้าใจในการเลี้ยงสัตว์ก็นำมาซึ่งปัญหาหลาย ๆ อย่างได้เหมือนกัน

     ... ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดก็คือ ถ้าลูก ๆ อยากเลี้ยงน้องหมา พ่อแม่ควรเตรียมความพร้อมตัวเอง และเช็กกับลูก ๆ ให้แน่ใจว่า ถ้าหากจะเลี้ยงน้องหมาเขาจะต้องรับผิดชอบกับอะไรบ้าง


Dogilike.com :: เมื่อ ลูก ขอเลี้ยงหมา มาเช็กก่อนว่าเด็ก ๆ พร้อมเลี้ยงสัตว์หรือไม่


 

>> ประเมินความพร้อมในการเลี้ยงสัตว์ของลูก


     1. ความพร้อมในด้านวุฒิภาวะของลูก ... พ่อแม่ควรดูเรื่องความเหมาะสมของช่วงวัย อาจจะประเมินจากความสามารถในการช่วยเหลือตัวเองของลูกว่าลูกมีความรับผิดชอบต่อเรื่องส่วนตัวของตัวเองแค่ไหน มีสภาวะทางอารมณ์อย่างไร เวลาโมโห โกรธ หรือไม่พอใจ สามารถควรคุมร่างกายและอารมณ์ได้หรือเปล่า ปัจจัยเหล่านี้มีผลมากต่อการเลี้ยงสัตว์ของเด็ก ๆ นะคะ เพราะบางครั้งเด็ก ๆ อาจจะเล่นแรงกับสัตว์ หรือเมื่อสัตว์ทำให้ไม่พอใจเด็ก ๆ อาจจะโกรธและยั้งมือไม่เป็น ดังนั้น พ่อแม่จึงควรประเมินความพร้อมในด้านวุฒิภาวะของลูกเป็นสิ่งแรกเลยค่ะ

     2. ความพร้อมในด้านสุขภาพร่างกาย ... ถ้าลูก ๆ ของคุณมีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับภูมิแพ้ต่าง ๆ แนะนำว่าควรไปตรวจสุขภาพอย่างละเอียด และลองทำสกินเทสดูนะคะว่าแพ้อะไรบ้าง มีปัจจัยอะไรที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ที่ทำให้แพ้หรือไม่ เพราะถ้าหากมีก็ไม่แนะนำให้เลี้ยงค่ะ

     ทั้งสองข้อนี้เป็นหลักสำคัญที่พ่อแม่จะใช้ประเมินลูกในการเลี้ยงสัตว์นะคะ นอกจากนี้แล้วอีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ "พ่อแม่ต้องประเมินตัวเองด้วยว่ามีความพร้อมมากน้อยแค่ไหนที่จะต้องรับผิดชอบร่วมไปกับลูก"

     หากตัดสินใจให้ลูกเลี้ยงสัตว์แล้ว พ่อแม่ต้องทำหน้าที่เป็นทีมซัพพอร์ตในการให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำในการเลี้ยงการดูแล หรือรับผิดชอบในส่วนของค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมไปถึงการดูแลเมื่อสัตว์เลี้ยงเจ็บป่วย พูดง่าย ๆ ก็คือถ้าตัดสินใจให้ลูกเลี้ยงสัตว์ คุณซึ่งเป็นพ่อแม่ก็ต้องเป็นทีมเดียวกับลูกด้วยนั่นเองค่ะ

 

>> จับเข่าคุยกับลูก เมื่อเขาอยากเลี้ยงน้องหมา


     หลังจากพ่อแม่ประเมินความพร้อมของลูกแล้ว ทีนี้ก็ต้องมานั่งคุยกับลูกอย่างจริงจัง พร้อมกับทำข้อตกลงไปด้วยเลยค่ะว่า ถ้าหากจะเลี้ยงน้องหมา พวกเขาต้องปฏิบัติตัวอย่างไร และมีหน้าที่อะไรบ้างที่จะต้องรับผิดชอบ

     1. ลองถามดูว่า ทำไมถึงอยากเลี้ยงน้องหมา ...
     การเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของเด็ก ๆ คือจุดเริ่มต้นที่ดีนะคะ เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แชร์ความคิดเห็นที่มีต่อน้องหมา และพ่อแม่ควรใช้โอกาสนี้ในการอธิบายให้ลูกเข้าใจด้วยว่า "การเลี้ยงน้องหมา(รวมไปถึงสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ด้วย)ไม่เหมือนกับการเล่นของเล่น" เพราะน้องหมาเป็นสิ่งมีชีวิต ต้องการความรัก การดูแล และการเอาใจใส่ไปตลอดชั่วชีวิต ดังนั้นถ้าหากคิดจะเลี้ยงก็จะต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของน้องหมาด้วย จะละเลยไม่ได้เด็ดขาด

     2. ทำข้อตกลง ขอบเขตความรับผิดชอบที่ต้องมีให้กับน้องหมา ...
     พ่อแม่ควรพูดคุยกับลูกอย่างชัดเจนว่า ถ้าหากเลี้ยงน้องหมาแล้วพวกเขาต้องรับผิดชอบหน้าที่อะไรในการดูแลน้องหมาบ้าง เช่น หน้าที่ในการให้อาหาร เก็บทำความสะอาดอุจจาระและปัสสาวะ ทำความสะอาดบริเวณที่อยู่น้องหมา และต้องแบ่งเวลาเล่นกับน้องหมาทุกวัน เป็นต้น การกำหนดหน้าที่ที่ชัดเจนจะช่วยสร้างความรับผิดชอบให้กับตัวเด็ก ทำให้เด็กเห็นถึงความสำคัญของการดูแลผู้อื่น และก็ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งคู่อีกด้วย

     3. ถามความต้องการ ลูกอยากเลี้ยงน้องหมาแบบไหน ...
     เด็ก ๆ หลายคนอาจจะมีน้องหมาในฝันพันธุ์ที่อยากเลี้ยง พ่อแม่มีหน้าที่พูดคุยถามความต้องการของลูก และช่วยลูกหาข้อมูลเกี่ยวกับน้องหมาพันธุ์นั้น ๆ เพื่อที่จะได้เรียนรู้ไปพร้อมกันว่าน้องหมาพันธุ์ที่อยากเลี้ยงนั้นเหมาะสมกับตัวของลูกและไลฟ์สไตล์ของครอบครัวหรือไม่ เช่น ถ้าลูกอยากเลี้ยงน้องหมาที่มีพลังงานสูงอย่างไซบีเรียนฮัสกี้ แต่ลูกเป็นเด็กที่ไม่ชอบวิ่งเล่นนอกบ้าน พ่อแม่ทำงานเช้ากลับค่ำ ด้วยไลฟ์สไตล์แล้วก็ไม่เหมาะที่จะเลี้ยงน้องหมาที่มีพลังงานสูงอย่างไซบีเรียน เพราะน้องหมาพันธุ์น้องต้องการการปลดปล่อยพลังงาน เพื่อผ่อนคลายความเครียด ถ้าหากไม่ได้ออกกำลังกายเลย อาจทำให้เกิดความเครียดและทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างการเห่าหอน หรือกัดแทะทำลายสิ่งของได้ เป็นต้น

     4. สอนให้ลูกรู้ว่า ถ้าจะเลี้ยงน้องหมาต้องรู้จักออมเงิน ...
     การเลี้ยงน้องหมาเป็นการเพิ่มรายจ่ายในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นค่าอุปกรณ์การเลี้ยง ค่าอาหาร ค่าวัคซีน ค่ายาต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าเด็ก ๆ ไม่สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้แน่นอน พ่อแม่คือผู้รับผิดชอบหลักในส่วนนี้ แต่พ่อแม่ก็สามารถสอนให้ลูกรู้จักความรับผิดชอบในส่วนนี้ได้ โดยการฝึกให้ลูกออมเงินค่าขนมบางส่วน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของน้องหมา เพราะในเมื่อพวกเขาอยากเลี้ยง นั่นแปลว่าพวกเขาต้องเรียนรู้ด้วยว่าการเลี้ยงหมาหนึ่งตัว นอกจากความอยากเลี้ยงแล้วยังต้องมีความรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย การนำเงินที่ออมไปใช้ได้จริงแค่ไหนนั้นเป็นเรื่องรองค่ะ แต่จุดประสงค์หลักคือเด็ก ๆ จะได้เรียนรู้เรื่องความรับผิดชอบในด้านค่าใช้จ่ายที่คนเลี้ยงสัตว์ทุกคนจำเป็นต้องมีนั่นเองค่ะ


Dogilike.com :: เมื่อ ลูก ขอเลี้ยงหมา มาเช็กก่อนว่าเด็ก ๆ พร้อมเลี้ยงสัตว์หรือไม่


     การตัดสินใจเลี้ยงน้องหมาสักตัวถือว่าเป็นการรับผิดชอบชีวิตอีกหนึ่งชีวิต ดังนั้นเราอยากจะให้พ่อแม่ทุกคนไตร่ตรองดูให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจอนุญาตให้ลูก ๆ เลี้ยงน้องหมานะคะ เช็กความพร้อมของลูก ๆ จนกว่าจะมั่นใจ จากนั้นจึงศึกษาวิธีเลี้ยงและวิธีดูแลให้ความรักอย่างถูกต้อง ถ้าเตรียมตัวทุกอย่างพร้อมแล้วก็เตรียมต้อนรับสมาชิกใหม่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวได้เลยค่ะ
 



บทความโดย: Dogilike.com
http://www.dogilike.com/