เข้าหน้าหนาวแล้วเพื่อน ๆ หลายคนคงกำลังมองหาทริปเดินทางรับลมหนาวอยู่อย่างแน่นอน ซึ่งถ้าน้องหมาตัวไหนมีเจ้าของเป็นนักเดินทางก็อาจจะต้องนอนเหงา นอนรอเจ้าของในบ้านหรือศูนย์รับฝากเลี้ยงว่าเมื่อไหร่เจ้าของจะกลับบ้าน มาเล่น มากอด แต่สำหรับน้องหมาบางตัวอย่าง Oscar สุนัขพันธุ์ผสมจากประเทศแอฟริกาใต้ ผู้เดินทางมาแล้วกว่า 150,000 กม. ทั่วโลก (อ่านเพิ่มเติม น้องหมากับสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ รอบโลก ) ก็โชคดีได้เดินทางไกลกับเจ้าของพบประสบการณ์ที่นำพาให้พวกเขาพบชีวิตใหม่มีสีสันไม่ซ้ำใคร 

        ซึ่งในบทความนี้พริกได้นำเอาเรื่องราวการเดินทางของน้องหมาที่เดินทางไกลอีก 3 ตัวที่มีเรื่องราวแตกต่างกันไป บางตัวเดินทางเดี่ยว ๆ แล้วกลายมาเป็นครอบครัว บางตัวเดินทางบุกลุยเป็นพัน ๆ กิโลกับเจ้าของ และบางตัวก็เริ่มต้นการเดินทางเพราะความสัมพันธ์ที่สั่นคลอนกับเจ้าของที่ไม่ค่อยมีเวลาให้เพื่อจะได้เรียนรู้ "ความรัก" ที่แท้จริง ... มาต้อนรับฤดูการท่องเที่ยวไปกับเจ้าของและน้องหมาผู้รักการเดินการพร้อม ๆ กันเลยนะคะ ^0^

 

     
 

 

 

 

      Xiao Sa (เสี่ยวซา) เป็นชื่อน้องหมาเพศเมียจากเมืองจีนที่ได้รับหลังจากการเป็นข่าวดังทั่วโลกในฐานนะน้องหมาที่ทรหดวิ่งไกลกว่า 1,700 กิโลเมตร ซึ่งถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้น้องหมามาตลอดช่วงสองปีที่ผ่านมา คงจะได้เห็นกระแสข่าวเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ 2555 ว่ามีน้องหมาเร่ร่อนตัวหนึ่งวิ่งจากมณฑลเสฉวนจนถึงเขตปกครองพิเศษที่เบตประเทศจีน ตามขบวนนักศึกษากลุ่มที่วางแผนปั่นจักรยานไปทิเบตเพื่อฉลองเรียนจบ  

 

 

     สิ่งที่ได้เรียนรู้จากน้องหมานักเดินทาง : โดยแรงผลักดันที่ทำให้Xiao Sa ตัดสินใจวิ่งตามขบวนจักรยานยอมเหนื่อย ยอมร้อนนั่นก็เพราะความหิวโหย และ ความอ้างว้างที่ต้องการความรักและความเมตตานั่นเอง Xiao Sa ตัดสินใจที่จะเชื่อสัญชาตญาณติดตามกลุ่มนักจักรยานที่พบและแบ่งอาหารให้จนเกิดความผูกพัน วิ่งตามนักปั่นไปทุกหนทุกแห่ง ตลอดวัน ตลอดคืน....เพราะอย่างน้อยที่สุดก็มีเพื่อน...อย่างน้อยที่สุดก็มีอาหาร....อย่างน้อยที่สุดยังมีความเอื้ออาทร...และโชคดีที่สุด หากใครสักคนเห็นความตั้งใจ ความอดทน ความซื่อสัตย์และเปิดใจรับเลี้ยง    

 

 

     แล้วปาฏิหาริย์ของ Xiao Sa ก็เกิดขึ้น เมื่อนายจาง เหิงหนึ่งในนักปั่นผู้เข้าไปผูกมิตรกับXiao Sa เป็นคนแรกได้ตัดสินใจซื้อกรงเล็กๆ สำหรับให้ Xiao Sa นอนและนั่งพักเหนื่อยจากการเดินทางที่ใช้เวลาทั้งสิ้น 24 วัน  1,700 กิโลเมตร! โดยหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ นายจาง เหิง ก็ตัดสินใจเลี้ยง และนำเรื่องราวXiao Sa มาถ่ายทอดผ่านไมโครบล็อกกิ้งของจีน ซึ่งเพียงแค่ 2 สัปดาห์ ไมโครบล็อกกิ้งของ Xiao Sa ก็มีผู้ติดตาม (Followers) มากกว่า 37,000 คน โด่งดังไปทั่วโลกในฐานะน้องหมาพันธุ์อึดที่เดินทางไกลที่สุดในจีน และอาจจะเป็นสุนัขตัวแรกที่เดินทางผ่านเส้นทางนั้นไปยังทิเบตอีกด้วย! 

 

 

 

     เกร็ดเล็ก ๆ น้องหมาแถบทิเบตและเทือกเขาหิมาลัย มีบันทึกของเดินทาง นักปีนเขาอยู่หลายคนได้บอกเล่าเรื่องราวที่พบว่า น้องหมาเร่ร่อนเหล่านี้ มักมองหานักเดินทางอยู่ตลอดเวลา หลายตัวคอยเดินตามสร้างรอยยิ้ม นอนอยู่หน้าเต้นท์เฝ้ายามให้ตลอดคืน...ราวกับว่าพวกเขากำลังแสดงให้ใครสักคนที่เห็นหัวใจแห่งความภักดี เผื่อจะมีใครมองเห็นล้วเปิดใจพาพวกเขากลับไปด้วย....แต่ปีแล้วปีเล่าน้องหมาหิมาลัยก็ต้องเดินกลับลงมารอคอยบุญวาสนาอย่างโดดเดี่ยวจนวาระสุดท้ายของชีวิต ....

 

 

 

 

 

     เมื่อปี 2013 Przemek Bucharowski และ Agata Wlodarczyk สองนักเดินทางชาวโปแลนด์ ได้ได้รับคำเชิญจากเพื่อชาวอินเดียให้ไปเยือนดินแดนภารตะที่ทั้ง 2 ใฝ่ฝัน แต่ทว่าอุปสรรคที่ขวางกั้นให้พวกเขาอาจละทิ้งความฝันนั่นก็คือ  Diuna (จูน่า) น้องหมาของพวกเขาที่ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร ทิ้งไว้ที่บ้านก็ไม่ได้ จะฝากเลี้ยงก็ไม่สบายใจ เลยตัดสินใจว่าจะเอาหมาไปด้วยโดยให้ Diuna  ติดตามไปได้ทุกที่ ซึ่งทั้งคู่ใช้เวลาเตรียมการเพื่อให้ Diuna  เดินทางข้ามประเทศนานอยู่หลายเดือนจนในที่สุดก็ไปถึงนิวเดลี กลางเดือนมกราคม 2013 (อ่านเพิ่มเติมการพาน้องหมาข้ามประเทศได้ที่บทความ ขั้นตอนการพาน้องหมาขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ ค่ะ)

 

 

 

     อย่างไรก็ตาม การเดินทางโดยมีน้องหมาพ่วงไปด้วยในอินเดีย เมืองที่แสนจะวุ่นวายกลับไม่ง่ายดายและสวยหรูอย่างที่พวกเขาวาดหวังเอาไป เพราะตลอด 2 ข้างทางเต็มไปด้วยผู้คนเดินขวักไขว่ เสียงแตรรถ เสียงเด็ก ๆ คนต้อนแพะ สัตว์ต่าง ๆ  เดินตามท้องถนน  จึงยากที่จะควบคุม Diuna  ให้อยู่ในความสงบ หลังจากอยู่ได้ไม่นานนักพวกเขาก็ต้องตัดใจเดินทางกลับไปยังโปแลนด์ แต่! โชคชะตากลับเล่นตลกอีกครั้งเมื่อพวกเขามีปัญหาเรื่องการพา Diuna กลับประเทศเพราะตามกฏกติกาของสหภาพยุโรป สุนัขที่เดินทางมาจากประเทศโลกที่ 3 จะต้องได้รับการตรวจเชื้อพิษสุนัขบ้าน ฉีดวัคซีน นำเลือดไปตรวจหลังจากฉีควัคซีนอย่างน้อย 30 วัน แล้วต้องรอเวลาอีก 3 เดือนถึงจะสามารถเข้าประเทศได้ นั่นแสดงว่า พวกเขาต้องอาศัยอยู่ในอินเดียอีกอย่างน้อย 3 เดือนครึ่งถึงจะได้กลับโปแลนด์!

 

 

     สิ่งที่ได้เรียนรู้จากน้องหมานักเดินทาง : เมื่อชะตาชีวิตพลิกผันก็เลยตัดสินใจพลิกวิกฤตเป็นโอกาส โดยเดินทางไป Garhwal เพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอการดำเนินการ พวกเขาใช้เท้าเดินกว่า  500 กิโลเมตร นั่งรถจีป รถโดยสารอีกกว่า 500 กิโลเมตร สู่เทือกเขาสูง ซึ่งการได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ การยอมให้ทุกย่างก้าวของชีวิตพวกเขาผ่อนคลายลง ได้ค่อย ๆ ทำให้ลืมปัญหาที่เกิดขึ้นในที่สุดและมีความสุขกับประสบการณ์ของการเดินทาง....แต่ทว่าปัญหาก็มักเข้ามาเรื่อย ๆ เพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้และพิสูจน์ใจของตน! Agata Wlodarczyk ได้ผูกสายจูงที่รัดเข้ากับเอวของเธอกับปลอกคอของ  Diuna ระหว่างขึ้นเขา แต่ลงเขาทางค่อนข้างชันจึงต้องปลดสายจูง เจ้า Diuna ก็เลยเตลิดหายไปครึ่งค่อนวันก่อนจะกลับมาพร้อมกับรอยเลือดของแพะชาวบ้านละแวกนั้น ทั้งคู่จึงเข้าไปขอโทษชาวบ้านพร้อมกับให้ชดใช้ค่าเสียหาย แล้วตั้งแต่นั้น Diuna ก็ไม่เคยได้รับอนุญาตให้ถูกปลดสายจูงระหว่างการเดินทางอีกเลย (การพาน้องหมาเที่ยวจึงควรอยู่ในการควบคุมของสายจูงทุกครั้งนะคะแต่!....)

 

 

 

     ...แต่ 2 เดือนผ่านไปก็เดินทางมาถึง Gaumukh สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาฮินดู Diuna คงได้กลิ่น Himalayan tahrs สัตว์หายากประจำถิ่นหน้าตาคล้าย ๆ แพะจึงตื่นเต้นเกิดควบคุม จึงวิ่งพรวดดึงสายจูงที่ผูกรั้งเอวของ  Agata Wlodarczyk ไว้ เธอจึงล้มลง ถูกลากกับพื้นจนกระดุกไหปลาร้าหัก การเดินทางในครั้งนั้นจึงต้องจบลง อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ไม่ได้กล่าวโทษ Diuna  หากยังขอบคุณกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะหลังจากที่ทั้งคู่กลับมาเพียงเดือนเดียว มีข่าวเกิดมรสุมทำให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวหลายคนต้องอพยพออกจากพื้นที่ไม่ได้ มีนักท่องเที่ยวสูญหายกว่า 5000 คน ถือว่าเป็นโชคดีที่พวกเขารอดชีวิตมาได้  (สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นย่อมดีเสมอจริง ๆ นะคะ ^^)

 

 

 

     แล้วตอนนี้ทั้งคู่ก็ได้มีโปรเจคการเดินทางครั้งใหม่ในปี 2014 นี้ โดยการเดินเขากว่า 1,000 กิโลเมตรเหนือเทือกเขาอัลไตของมองโกเลีย โดยเดินทางจากโปแลนด์ด้วยรถไฟ จักรยาน และ 2 เท้า....โดยมีตัวแสบ Diuna พ่วงไปด้วยเช่นเคย เพื่อน ๆ คนไหนอยากดูรูปก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ Facebook ตามนี้เลยนะคะ https://www.facebook.com/WatahaWPodrozy 

 

 

 

 

 

 

      Casey น้องหมาพันธุ์ผสมลาบราดอร์- โกลเด้นเพศผู้ อายุ 9 ปีสุดแสบ แสนซน ผู้รักการเดินทาง ท่องเที่ยว เกิดมีพฤติกรรมบางอย่างที่ทำให้ Benoit Denizet-Lewis คอลัมนิสต์ New York Times Magazine เกิดคความรู้สึกว่า Casey ไม่รัก ไม่ผูกพันกับเขาเลย ไม่ค่อยขลุกตัวใกล้ ๆ เขาเหมือนน้องหมาตัวอื่น ๆ  จึงได้ไปปรึกษาจิตแพทย์สอบถามสาเหตุแต่ก็ไม่ได้มีอะไรคืบหน้าขึ้น.....อาจเป็นเพราะเขาไม่มีเวลาและใกล้ชิดกับ Casey มากเท่าที่ควร ในปี 2012 จึงเกิดไอเดียสร้างทริปการเดินทางสานความสัมพันธ์กับน้องหมาเพื่อค้นหาคำตอบที่ว่า “เราคาดหวังอะไรจากตัวน้องหมา แล้วน้องหมาต้องการอะไรจากเรา และ ความสัมพันธ์ที่เรามีให้น้องหมาเหมือนกับที่หมามีกับเราไหม”  โดยการเดินทางในครั้งนี้ Benoit Denizet-Lewis  ได้ลงทุนเช่ารถ RV (รถบ้านเคลื่อนที่) ลางาน 4 เดือนออกเดินทางพร้อม Casey ทั่วสหรัฐอเมริกา โดยมีระยะทางการเดินทางกว่า 13,000 ไมล์ หรือ ประมาณ 2,000 กิโลเมตรเพื่อค้นหาคำตอบและเยียวยาความสัมพันธ์กับน้องหมาเชียวล่ะค่ะ   

 

 

 

     การเดินทางเพื่อค้นหาคำตอบของ Benoit Denizet-Lewis  เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างคนเลี้ยงกับสุนัขนั้นไม่ได้เกิดขึ้นแค่การท่องเที่ยวกับน้องหมายังสถานที่สวย ๆ ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกอย่างที่ใคร ๆ ทำกันนะคะ หากจุดหมายปลายทางของแต่ละสถานที่คือการไปพบกับผู้คนที่เลี้ยงสุนัข สัตวแพทย์ นักจิตวิทยาสัตว์ ผู้ทำงานในองค์กรช่วยเหลือสัตว์ คนทำเกมการแข่งขันน้องหมา สมาคมประกวดสุนัข หรือแม้กระทั่งไปพบปะพูดคุยกับซีซ่า มิลาน ผู้โด่งดัง (อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ สุดยอดเทคนิคการฝึกสุนัขจากผู้ฝึกสุนัขชื่อดังของโลก!!  ค่ะ)

 

 

 

    สิ่งที่ได้เรียนรู้จากน้องหมานักเดินทาง : ตลอดการเดินทางร่วมกับ Casey เป็นเวลา 4 เดือนทำให้เขาได้เข้าใจและเรียนรู้ทัศนตคิที่ใหม่ ๆ และแตกต่างจากเดิมในหลาย ๆ มุม อีกทั้งเขายังได้เรียนรู้สังคมอเมริกันผ่านการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงน้องหมาอีกด้วย ระหว่างการเดินทางนี้เอง เขาก็ได้พบน้องหมาตัวสีดำที่ถูกทิ้ง เร่ร่อนอยู่ในปั้มน้ำมัน จึงตัดสินใจเก็บขึ้นรถมาเลี้ยง ใช้ชื่อ Rezzy โชคดีที่ Casey ไม่เป็นน้องหมาขี้อิจฉาจึงไม่มีปัญหา อีกทั้ง Rezzy เองก็ปรับตัวเข้ากับฝูงใหม่ได้เป็นอย่างดี  ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ Casey ที่ได้อยู่ด้วยกันนานกว่า 4 เดือนก็พัฒนาดีขึ้น ผูกพันมากขึ้น ....แต่ก็เหมือนกับว่า Casey ก็ยังดูมีโลกส่วนตัวเช่นเดิม ถ้าไม่ใช่เวลาเล่น Casey ก็จะแยกตัวนอนอยู่เงียบ ๆ 

 

 

 

       หลังจบการเดินทาง Benoit Denizet-Lewis  ก็ได้เขียนบึกทึกเรื่องราวต่าง ๆ ออกมาเป็นหนังสือ  “Travels With Casey” ให้ผู้อ่านได้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับน้องหมารวมไปถึงคำแนะนำจากการได้พูดคุยกับผู้มีความรู้เกี่ยวกับน้องหมาตลอดการเดินทาง เพื่อช่วยให้เข้าใจน้องหมามากยิ่งขึ้น  
 

      ส่วนคำตอบของคำถามที่ทำให้เกิดการเดินทางในครั้งนี้ แม้ตัว Benoit Denizet-Lewis จะไม่ได้สรุปออกมาอย่างชัดเจน แต่ก็มีนักวิจารณ์หลายคนออกมาให้ความเห็นว่า “Casey นั้นแม้ไม่ได้แสดงออกถึงความรักอย่างไร้เงื่อนไขให้แก่ Benoit ได้เห็นเช่นน้องหมาตัวอื่น ๆ แต่ Casey ก็ได้สอนให้เขาได้เรียนรู้ที่จะมอบความรัก”  หากเพื่อนคนไหนสนใจการเดินทางของ Casey สามารถเข้าไปดูได้ที่ Facebook  Travels With Casey ได้เลยนะคะ ^^

 

 

 

     เป็นอย่างไรกันบ้างคะ การเดินทางของน้องหมาทั้ง 3 ตัว มีการเรียนรู้ที่แตกต่างกันไปตามสถานการณ์และสิ่งแวดล้อม หากสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือความรัก ความผูกพัน ที่เกิดขึ้นระหว่างน้องหมากับเจ้าของ....นั่นก็เพราะว่าการเดินทางจะทำให้เราเปิดใจท่ามกลางสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ได้มองเห็นความสัมพันธ์ของกันและกันมากขึ้น.....อย่างที่หลายคนมักบอกว่า....ระหว่างทางนั้นสวยกว่าจุดหมายปลายทางเสมอ.... (อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ เตรียมตัวยังไงเมื่อต้องพาน้องหมานั่งรถไปเที่ยวไกล ๆ ค่ะ)

 

 

บทความโดย : Dogilike.com

http://www.dogilike.com/

 

ข้อมูลอ้างอิง :
 

http://www.bostonglobe.com/arts/books/2014/07/24/book-review-travels-with-casey-journey-through-matthew-gilbert-crazy-country-benoit-denizet-lewis-and-off-leash-year-dog-park/EisOuKMgiG8ehVUrXYQxNL/story.html

http://www.publishersweekly.com/978-1-4391-4693-4

http://twistedsifter.com/2014/04/the-himalayan-dog-wanderer/

http://thebark.com/content/himalayas-four-paws

http://hereandnow.wbur.org/2014/09/03/travels-with-casey

https://www.indiegogo.com/projects/310-miles-1000-km-trekking-with-our-dog-over-mongolian-altai-in-2014

http://youtu.be/sL_4Rdl8Ywk

http://youtu.be/tE0N_kpeLNU

https://www.facebook.com/pages/Travels-With-Casey/263362263719249

 

ภาพประกอบ :
 

http://hereandnow.wbur.org/2014/09/03/travels-with-casey

https://www.facebook.com/WatahaWPodrozy

www.telegraph.co.uk

www.businessinsider.com

www.businessinsider.com.au

gawker.com

https://www.facebook.com/pages/Travels-With-Casey/263362263719249