"ขอรับบริจาคเลือดสุนัข ด่วน !! เพื่อช่วยเหลือสุนัขเป็นพยาธิในเม็ดเลือด"

"น้องหมาต้องการเลือดด่วนค่ะ ช่วยกระจายข่าวหน่อยนะคะ"

"ต้องการเกล็ดเลือดให้น้องหมาด่วนค่ะ"

     ... บ่อยครั้ง เรามักจะเห็นข้อความเหล่านี้ถูกแชร์ต่อๆ กันอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คและตามเว็บบอร์ดต่างๆ หลายคนได้อ่านข้อความนี้แล้วเกิดความสงสัยว่า ถ้าหากสุนัขกำลังป่วยหรือได้รับอุบัติเหตุมาแล้วต้องการเลือด ทางโรงพยาบาลสัตว์ก็น่าจะมีเลือดสำรองเอาไว้ช่วยเหลือสุนัข ทำไมเจ้าของสุนัขถึงต้องมาประกาศความช่วยเหลือให้คนนำสุนัขมาบริจาคเลือดให้สุนัขของตัวเอง

     จริงๆ แล้ว ในปัจจุบัจทางโรงพยาบาลสัตว์ ม. เกษตรศาสตร์ บางเขน เองก็ได้ก่อตั้ง "ธนาคารเลือด" เอาไว้เก็บเลือดสำรองไว้ใช้ในการรักษาสุนัข แต่ปัญหาที่พบคือ ปริมาณเลือดที่สำรองไว้ในธนาคาร มีปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการของสุนัขที่ป่วยหรือได้รับอุบัติเหตุและต้องการใช้เลือดด่วน 

     ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ หลายครั้งที่เจ้าของสุนัขจำเป็นจะต้องหาเลือดเพื่อมารักษาสุนัขของตัวเอง บางรายสามารถหาเลือดให้สุนัขได้ทันก็สามารถช่วยชีวิตสุนัขของตัวเองเอาไว้ได้ทันเวลา แต่ก็มีหลายรายที่ไม่หาสามารถหาเลือดมาให้สุนัขของตัวเองได้ทันเวลา ทำให้ต้องสูญเสียสุนัขอันเป็นที่รักไป ...

     มาถึงจุดนี้ ก็มีคำถามเกิดขึ้นว่า ถ้าหากโรงพยาบาลมีธนาคารเลือดเอาไว้เก็บเลือดสำรองในการรักษาสุนัข แล้วทำไมถึงยังเกิดสภาวะขาดแคลนเลือดสุนัขอยู่­

     สาเหตุที่เลือดสุนัขที่สำรองไว้ในธนาคารไม่เพียงพอนั้นก็เพราะว่า ในปัจจุบันผู้ที่นำสุนัขมาบริจาคเลือดนั้นยังมีจำนวนน้อยมาก ถ้าหากเปรียบเทียบกับจำนวนสุนัขที่ต้องการใช้เลือด  ซึ่งจากสถิติของโรงพยาบาลสัตว์ ม. เกษตรศาสตร์ บางเขน พบว่า ในหนึ่งวันจะมีจำนวนสุนัขที่เข้ามารักษาประมาณ 300 ตัว และ สุนัขที่มีความต้องการใช้เลือดในการรักษามีมากถึง 3 เท่า ของเลือดที่ทางธนาคารมีสำรองไว้ 

     โดยสาเหตุที่มีผู้นำสุนัขมาบริจาคเลือดน้อยนั้น ส่วนหนึ่งมาจากเจ้าของสุนัขหลายคนยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการบริจาคเลือดสุนัขว่า จะเป็นการทำร้ายสุนัข ทำให้สุนัขได้รับความเจ็บปวด และอาจทำให้สุนัขของตัวเองไม่แข็งแรง

     แต่ในความเป็นจริงแล้ว การพาสุนัขมาบริจาคเลือดนั้นจะทำให้สุนัขได้ตรวจสุขภาพไปในตัว เพราะก่อนที่สุนัขจะบริจาคเลือดได้ สัตวแพทย์จะต้องทำการตรวจสุขภาพให้แน่ใจก่อนว่าสุนัขมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงไม่มีโรคติดต่อใดๆ ถ้าหากของเรามีอาการป่วย ก็จะทำให้เราทราบและรักษาได้ทันท่วงที (เพราะอาการเจ็บป่วยของสุนัขบางทีก็อาจไม่แสดงผลในช่วงเริ่มป่วย แต่อาจจะแสดงผลเมื่อมีอาการป่วยหนักแล้ว) 

     ส่วนความกังวลของเจ้าของสุนัข ที่กลัวว่าถ้าหากสุนัขให้เลือดแล้วสุขภาพของเราจะอ่อนแอลงนั้น สัตวแพทย์ยืนยันว่าการบริจาคเลือดจะไม่มีอันตรายต่อสุขภาพของสุนัขอย่างแน่นอน เพราะในการบริจาคเลือดแต่ละครั้ง สุสุนัขจะให้เลือดได้ครั้งละ 350 - 450 มล. ซึ่งเท่ากับ 1 ยูนิต หรือเทียบได้ประมาณ 10 - 20 มล. ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ซึ่งปริมาณเลือดที่เสียไปนี้ อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายสุนัขอย่างแน่นอน 

     นอกจากนี้อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้มีผู้นำสุนัขมาบริจาคเลือดน้อยนั้นก็เพราะ เจ้าของสุนัขไม่สะดวกที่จะพามาบริจาคเลือดที่โรงพยาบาล เนื่องจากสุนัขที่จะสามารถบริจาคเลือดให้สุนัขตัวอื่นๆ ได้นั้น จะต้องเป็นสุนัขที่มีอายุ 1-7 ปี และมีน้ำหนักประมาณ 17 กิโลกรัมขึ้นไป ซึ่งนั่งก็หมายความว่าจะต้องเป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ ดังนั้นอาจมีปัญหาในการเดินทางมาบริจาคเลือดที่โรงพยาบาล 

     จากปัญหาดังกล่าวนี้เองทำให้ทาง โรงพยาบาลสัตว์ ม. เกษตร บางเขน เห็นถึงความสำคัญของปัญหาในเรื่องการเดินทางของผู้ที่จะนำสุนัขมาบริจาคเลือด ทำให้ที่ผ่านมาได้มีการนำรถตู้ออกไปรับบริจาคเลือดนอกสถานที่ แต่ข้อจำกัดคือ ไม่สามารถเดินทางได้ไกล และต้องเดินทางในเวลาจำกัด เนื่องจากขาดแคลนอุปกรณ์ที่มีคุณภาพที่จะใช้ในการเก็บเลือด ทำให้มีความเสี่ยงที่เลือดจะเสียระหว่างการเดินทาง

     ด้วยเหตุนี้เองทำให้ทางโรงพยาบาลสัตว์ ม. เกษตรศาสตร์ บางเขน ได้จัดทำโครงการรับบริจาคเงินเพื่อซื้อ "รถรับบริจาคเลือดสุนัข" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้รับบริจาคไปใช้จัดซื้อรถปฏิบัติการที่จะใช้ในการออกรับเลือดสุนัขในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อให้มีปริมาณเลือดสำรองในธนาคารเพียงพอต่อความต้องการ และมีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่าในปัจจุบัน

     ... ในตอนนี้ยังมีสุนัขอีกจำนวนไม่น้อยต้องนอนรอคอยความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป เลือดของสุนัขหนึ่งตัว สามารถช่วยเหลือสุนัขที่เจ็บป่วยได้อีกมากมายหลายต่อหลายตัว การนำสุนัขไปบริจาคเลือดหนึ่งครั้งเท่ากับเราได้ช่วยชีวิตสุนัขอีกหลายๆ ชีวิต

     ดังนั้น ถ้าหากมีโอกาสและสุนัขของเรามีสุขภาพแข็งแรงพอ เราก็ควรจะพาสุนัขของเราไปบริจาคเลือดด้วย เพราะนอกจากจะได้ทำบุญช่วยเหลือชีวิตสุนัขตัวอื่นๆ แล้ว ก็ยังถือว่าเป็นการตรวจสุขภาพสุนัขของเราไปในตัวอีกด้วย