โดย: พริกขี้หนู
แท้จริงแล้ว...ขนน้องหมามีกี่ชั้น?
บางคนเชื่อว่าน้องหมาขนยาวต้องมีขนหลายชั้น แต่ความจริงไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไปค่ะ
15 เมษายน 2556 · · อ่าน (26,280)
ถ้าหากเสื้อผ้าเป็นสิ่งที่คอยปกปิดร่างกายของเราไม่ให้เปลือยเปล่า และช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหนังต้องเผชิญกับแดดหรือเชื้อโรคต่างๆ รวมไปถึงให้ความอบอุ่นเมื่ออากาศหนาวเย็น 'ขนของน้องหมา' ก็ทำหน้าที่เปรียบเสมือนเสื้อผ้าของคน เพราะขนของน้องหมาจะช่วยปกป้องผิวหนังจากแสงอาทิตย์ ช่วยรักษาความอบอุ่นให้ร่างกายเมื่อเวลาอากาศหนาวเย็น นอกจากนี้ยังป้องกันแมลงสัตว์กัดต่อย หรืออุบัติเหตุต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดการขีดข่วน และเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนฤดูกาลต่างๆ เช่น ในหน้าหนาวขนของน้องหมาก็จะหนาฟูขึ้นเพื่อสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย แต่พอในหน้าร้อนน้องหมาก็จะพลัดขนเสียออกจากร่างกาย ทำให้ขนบางลง และระบายความร้อนได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
ทั้งนี้ หลายคนอาจจะเข้าใจว่า เรื่องของสิ่งแวดล้อมหรือสภาพอากาศของถิ่นฐานที่อยู่อาศัยของน้องหมาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับความหนาบางของขนน้องหมา เช่น ยิ่งอยู่ในประเทศที่หนาวมากๆ ยิ่งมีขนที่หมามากกว่าปกติ 3-4 ชั้น ซึ่งในความจริงแล้ว ไม่ว่าน้องหมาจะอยู่ในเมืองร้อนจัด หรือหนาวจัดระดับขั้วโลกเหนือ น้องหมาก็มีชั้นขนเพียง 2 ประเภทคือ ขนชั้นเดียว (Single Coat) และ ขน 2 ชั้น (Double Coat) เท่านั้นค่ะ แล้วถึงแม้จะมี 2 ชั้นแต่ก็มีหลากหลายรูปแบบนะคะ มาดูกันค่ะว่ามีขนแบบไหนกันบ้าง ^__^
ขนน้องหมาแบบชั้นเดียว
ขนชั้นเดียวเป็นขนชั้นนอก เป็นขนที่ไม่ได้มีการเรียงตัวจนอัดแน่น เนื่องจากไม่มีขนชั้นล่างปกคลุม ซึ่งลักษณะของขนจะมีลักษณะเส้นขนที่ค่อนข้างหยาบกระด้างก็ได้ หรือเรียบเนียนลื่นก็ได้ อีกทั้งยังเป็นไปได้หลากหลายรูปแบบ น้องหมาที่มีขนชั้นเดียวมีทั้งขนสั้น ขนยาวปานกลาง และขนยาวมากค่ะ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นน้องหมาขนสั้นเท่านั้นนะคะ น้องหมาที่เกิดในประเทศเขตอบอุ่นหรือเขตร้อนจะมีขนชั้นเดียว เพราะไม่ต้องมีขนอีกชั้นช่วยปกป้องร่างกายจากความหนาวเย็น ซึ่งข้อดีของน้องหมาขนชั้นเดียวคือค่อนข้างพลัดขนน้อยเพราะไม่มีขนชั้นล่างเพื่อป้องกันความหนาว แต่โดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจะผลัดขนตามฤดูกาลค่ะ แต่ก็มีบางสายพันธุ์ที่เป็นน้องหมาขนชั้นเดียวแต่มีการผลัดขนค่อนข้างมากนะคะ เช่น เจแปนนิสชิน เฟรนช์ บูลด็อก และ คาวาเลียร์ คิง ชาร์ลส์ สเปเนียล เป็นต้นค่ะ
ในขณะที่น้องหมาขนชั้นเดียวที่ไม่ค่อยการผลัดขนหรือผลัดน้อย เช่น มอลทีส พุดเดิ้ล ยอร์คเชียร์ และ มินิเจอร์ พิชเชอร์ เป็นต้นค่ะ ซึ่งเพื่อนๆ สามารถสังเกตได้ว่าน้องหมาที่มีขนชั้นเดียวส่วนใหญ่ขนจะไม่หนา จะโปร่งบาง ขนจะไม่จับเป็นแผงแน่นหนา ไม่ว่าน้องหมาจะขนยาวก็ตาม ตรงกันข้ามกับลาบราดอร์ที่ถึงแม้ขนจะสั้น แต่จะหนามาก เพราะพวกเขามีขน 2 ชั้น โดยมีขนชั้นปกคลุมหนาแน่นอยู่ชั้นล่างค่ะ
การดูแลทำความสะอาด
น้องหมาขนชั้นเดียวทำความสะอาดไม่ยากค่ะ เพราะขนไม่หนา เวลาอาบน้ำเสร็จเป่าให้แห้งใช้เวลาไม่นาน มีโอกาสน้อยที่จะเกิดโรคผิวหนัง หรือรังแค จากการเป่าขนไม่แห้ง เนื่องจากแสงอาทิตย์ หรือลมสามารถเข้าผ่านเข้าไปได้ง่าย ช่วยให้ผิวหนังแห้งได้อีกระดับหนึ่งค่ะ
สำหรับการผลัดขนของน้องหมาขนชั้นเดียวจะมีการผลัดขนน้อยกว่าน้องหมาขน 2 ชั้น ซึ่งการผลัดขนของน้องหมาที่มีขนชั้นเดียว(ซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้องหมาที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศเขตอบอุ่นหรือเขตร้อนชื้น)นั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นไปตามธรรมชาติตามวงจรขนทั่วไป คือ ขนเสียหมดอายุ ก็จะร่วงออกมาเอง ในขณะที่น้องหมาที่มีขน 2 ชั้น (ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นน้องหมาที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศที่มีอากาศเย็นหรือหนาวจัด) จะมีการผลัดเปลี่ยนขนเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของฤดู เช่น จากช่วงฤดูหนาว ไปช่วงฤดูร้อน เป็นต้น ... ดังนั้น ใครที่เลี้ยงน้องหมาขนชั้นเดียวก็จะไม่ต้องกังวลเรื่องการทำความสะอาดบ้าน โกยขนน้องหมาทิ้งเป็นกระสอบๆ รวมไปถึงยังง่ายต่อการตกแต่งทรงขนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม น้องหมาที่มีขนชั้นเดียวจะมีปัญหาหากต้องอยู่ในประเทศเขตหนาว พวกเขาไม่มีขนที่ช่วยป้องกันความหนาวเย็น หรือเก็บรักษาความอบอุ่นไว้กับร่างกาย จึงจำเป็นต้องหมาเสื้อผ้าใส่ให้เขา ด้วยเหตุนี้เอง น้องพุดเดิ้ล และชิวาวา จึงกลายเป็นผู้นำแฟชั่นสุดชิคค่ะ แล้วการที่น้องหมาผลัดขนได้น้อยก็อาจมีแนวโน้มเป็นขนสังกะตังได้ด้วยเช่นกัน เพราะขนที่ตายแล้วจะจับเป็นก้อนไม่ร่วงหล่นลงมา ยิ่งขนหยิกก็ยิ่งพันติดกัน จึงควรแปรงขนให้น้องหมาเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ หรือพาเข้าร้านตัดแต่งตรงขนนะคะ
ขนน้องหมาแบบ 2 ชั้น
ขน 2 ชั้นของน้องหมาจะแบ่งเป็นขนชั้นนอก หรือ ขนชั้นบน กับขนชั้นในหรือขนชั้นล่าง ซึ่งขนชั้นบนจะยาวกว่า หยาบกระด้างกว่าขนชั้นล่าง และไม่เกาะเป็นแผงแต่จะแยกเป็นเส้นๆ ขนชั้นบนมีหน้าที่ปกป้องผิวหนังไม่ให้ได้รับบาดแผลจากการเคลื่อนไหว การนอนเกลือกกลิ้งอยู่กับพื้น และช่วยกันไม่ให้ขนเปียกน้ำค่ะ ในขณะที่ขนชั้นล่าง จะเป็นเส้นเล็กนิ่มละเอียดปุกปุยและเกาะกันแน่นเป็นแผงคล้ายกับผืนพรมทำหน้าที่ป้องกันความหนาวเย็น รักษาความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย โดยน้องหมาจะผลัดขนชั้นล่างประมาณ 2 ครั้งต่อปี
อย่างไรก็ตามในเมืองไทยความแตกต่างของสภาพอากาศไม่มากเท่าในประเทศที่มี 4 ฤดู การผลัดขนของน้องหมาอาจจะมีมากในช่วงเข้าฤดูร้อน แต่สำหรับน้องหมาที่มีถิ่นกำเนิดทางแถบประเทศหนาวจัดอย่างไซบีเรียน หรือ อลาสกัน มลามิวท์ที่จะมีการผลัดขนมากเป็นพิเศษ เมื่อต้องมาอยู่ในเมืองร้อนจัดอย่างเมืองไทย เพื่อช่วยคลายความร้อน รักษาอุณหภูมิภายในร่างกายของพวกเขาค่ะ
น้องหมาที่มีขน 2 ชั้นส่วนมากจะเป็นน้องหมาที่มีถิ่นกำเนิดบนภูเขา เช่น น้องหมากลุ่มมาสทิฟฟ์ตัวบิ๊กเบิ้มทั้งหลาย หรือน้องหมาที่มีต้นกำเนิดทางขั้วโลกที่หนาวเย็น อย่างไซบีเรียน น้องหมากลุ่มสปิตซ์ อลาสกัน มลามิวท์ กลุ่มเทอร์เรียร์ก็เช่นกันค่ะ แต่ยกเว้นน้องหมายอดฮิตยอร์คเชียร์ที่เป็นน้องหมาขนชั้นเดียวไปซะงั้น นอกจากนี้น้องหมากลุ่มทำงานล่าสัตว์ อย่าง คอลลี่ ออสเตรเลีย เชฟเพิร์ด โอลด์ อิงลิช ชิพด็อก ก็มีขน 2 ชั้นเพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากการล่าสัตว์ อีกทั้งยังต้องทำงานได้ทนทุกสภาพอากาศ ทุกเวลาไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน
อย่างไรก็ตามใช่ว่าน้องหมาที่มีขน 2 ชั้นก็ใช่ว่าจะพลัดขนเยอะไปเสียทุกตัว ยังมีน้องหมาอย่าง ชิสุ ลาซา แอปโซ บิชอง ฟริเซ่ ที่มีการผลัดขนไม่มาก เมื่อเทียบกับน้องหมาที่มีขน 2 ชั้นสายพันธุ์อื่นค่ะ
การดูแลทำความสะอาด
น้องหมาขน 2 ชั้นดูแลค่อนข้างยาก และต้องใส่ใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในช่วงผลัดขนคะ เพราะน้องหมาขนจะล่วงออกเยอะมากๆ กวาดเก็บได้เป็นกระสอบๆ จึงควรแปรงขนเป็นประจำทุกวันค่ะ แต่ถ้าขนน้องหมายุ่งพันกันเป็นสังกะตังขนาดหนัก ไม่ควรจะแปรงนะคะ เพราะจะทำลายขนน้องหมา เกิดอาการอักเสบที่ผิวหนังได้เมื่อเราพยายามจะดึงขนให้หลุดออกจากกัน แล้วน้องหมาก็ยังต้องเจ็บตัวอีกต่างหาก ทางที่ดีควรจะตัดขน หรือไถขนออกค่ะ
ทั้งนี้ก็ต้องระวังเรื่องการไถขนน้องหมาเป็นพิเศษ เพราะอาจจะทำให้ผิวหนังสัมผัสกับแสงอาทิตย์โดยตรง ทำให้ผิวไหม้ได้ค่ะ ดังนั้นจึงไม่ควรตัดขนเขาจนสั้นจนมากเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวหนังซึ่งค่อนข้างอ่อนบางถูกทำร้ายได้ จึงควรสังเกตอาการน้องหมาอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ก็ต้องระวังเรื่องการไถขนน้องหมาเป็นพิเศษ เพราะอาจจะทำให้ผิวหนังสัมผัสกับแสงอาทิตย์โดยตรง ทำให้ผิวไหม้ได้ค่ะ ดังนั้นจึงไม่ควรตัดขนเขาจนสั้นจนมากเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวหนังซึ่งค่อนข้างอ่อนบางถูกทำร้ายได้ จึงควรสังเกตอาการน้องหมาอย่างใกล้ชิด
ในหน้าร้อนผู้เลี้ยงควรพาน้องหมาไปตัดเล็มขน หรือไถขนออกจะช่วยให้น้องหมาสบายตัวมากขึ้น ไม่อบความร้อนค่ะ แต่ต้องเข้าใจนะคะว่า การตัดขนให้สั้นไม่ได้ทำให้น้องหมาผลัดขนน้อยลงค่ะ ขนของพวกเขายังคงผลัดร่วงตามวงจรธรรมชาติเช่นเดิม
ในส่วนน้องหมาที่ไม่ค่อยได้รับการดูแลแปรงขน หรือทำความสะอาดอย่างเหมาะสมก็จะทำให้ขนที่ตายแล้วซึ่งปกติควรถูกแปรงกำจัดออกไป กลับยังเกาะติดเป็นสังกะตัง เกิดรังแค คัน เป็นสะเก็ดแผล หลุดออกมาค้างเกาะอยู่ตามผิวหนังที่มีน้ำมัน เมื่ออากาศไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ช่วยให้ผิวหนังแห้งลง หรือมีความชื้นที่เหมาะสมก็ทำให้น้องหมามีกลิ่นเหม็น ทั้งยังดูไม่สวยงามอีกด้วยค่ะ
ในส่วนน้องหมาที่ไม่ค่อยได้รับการดูแลแปรงขน หรือทำความสะอาดอย่างเหมาะสมก็จะทำให้ขนที่ตายแล้วซึ่งปกติควรถูกแปรงกำจัดออกไป กลับยังเกาะติดเป็นสังกะตัง เกิดรังแค คัน เป็นสะเก็ดแผล หลุดออกมาค้างเกาะอยู่ตามผิวหนังที่มีน้ำมัน เมื่ออากาศไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ช่วยให้ผิวหนังแห้งลง หรือมีความชื้นที่เหมาะสมก็ทำให้น้องหมามีกลิ่นเหม็น ทั้งยังดูไม่สวยงามอีกด้วยค่ะ
ลักษณะของขนไม่ว่าชั้นเดียวหรือ 2 ชั้นมีทั้งหมด 4 ชนิด
ลักษณะของเส้นขนถือเป็นอัตลักษณ์ของน้องหมาแต่ละสายพันธุ์เลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นน้องหมาขนชั้นเดียวหรือ 2 ชั้น แต่ลักษณะที่ต่างกันของเขาก็ทำให้น้องหมาแต่ละตัวดูมีความแตกต่าง อีกทั้งการดูแลทำความสะอาดก็ยังแตกต่างกันอีกด้วย ผู้เลี้ยงควรศึกษาเรื่องเป็นอย่างดีเช่นเดียวกับเรื่องสุขภาพนะคะ เพราะหากดูแลเรื่องขนไม่ดี โรคผิวหนังตามมา สุขภาพของน้องหมาก็ไม่มีเป็นไปในทางจะดีได้ค่ะ
เส้นขนแบบตรง เรียบ (Smooth)
น้องหมาที่ตรงเรียบมักเป็นขนที่ค่อนข้างสั้น เรียบไปกับผิวหนัง เช่น ดัมเมเชี่ยน บูลด็อกซ์ ซึ่งน้องหมาขนเรียบ หรือสั้นก็สามารถมีขน 2 ชั้นได้อย่างที่บอกไปแล้วข้างต้นค่ะ ซึ่งข้อดีของขนตรงเรียบก็คือดูแลง่าย ไม่ยุ่งยาก ผลัดขนไม่มากอีกด้วย ซึ่งผู้เลี้ยงควรแปรงขนให้น้องหมาอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งเพื่อแปรงขนที่ตายแล้วออกไป และควรอาบน้ำทุกๆ 2-3 สัปดาห์ ถ้าอาบบ่อยจะทำให้น้ำมันบนเส้นขนถูกชะล้างไปกับน้ำ ผิวหนังแห้งเป็นรังแค และสะเก็ดแผลได้ค่ะ
เส้นขนแบบหยัก (Wire)
ขนลักษณะนี้เป็นเป็นขนที่มีความยาวปานกลาง ยาวมาก โดยขนจะมีลักษณะหยักนิดๆ ที่ปลายขน หรือมีลักษณะเป็นขนหยักศก ในกรณีที่เป็นน้องหมาขน 2 ชั้นจะมีขนชั้นล่างบางอ่อนนุ่มปกคลุมผิวหนัง ขนเส้นหยักนี้เมื่อลูบเราจะรู้สึกถึงความกระด้างๆ หยาบนิดๆ น้องหมาที่มีขนลักษณะนี้ก็เช่น โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ บางแก้ว ไซบีเรียน ไจแอนท์ ชเนาเซอร์ ผู้เลี้ยงควรทำความสะอาดอย่างน้อง 2 สัปดาห์ต่อครั้ง เป่าขนให้แห้งสนิท ป้องกันการเกิดโรคผิวหนังจากความอับชื้น แปรงขนเป็นประจำทุกวัน เพื่อไม่ให้ขนพันกัน และอาจจะต้องแปรงมากขึ้นเมื่ออยู่ในช่วงผลัดขนสำหรับน้องหมาขน 2 ชั้นค่ะ
เส้นขนแบบหยิก (Curly)
น้องหมาขนหยิกจะมีขนพองฟู หยิกหยอกคล้ายติดสปริง สามารถตัดแต่งให้สั้น หรือยาวก็ได้ตามรสนิยมผู้เลี้ยง ซึ่งน้องหมาที่ขนหยิกนั้นมีให้พบเห็นไม่มากนัก แต่เมื่อไหร่ที่พบเห็นใครๆ ก็ต้องจำได้อย่างแน่นอน เช่น พุดเดิ้ล บิชอง ฟริเซ่ โปรตุกีส วอเตอร์ ด็อก และน้องหมาฝาแฝดกับพุดเดิ้ลไอลิส วอร์เทอร์ สเปเนียล เป็นต้นค่ะ น้องหมาขนหยิกมักมีขนชั้นเดียว นั่นเป็นเพราะเป็นน้องหมาที่เดิมที่ต้องล่าเป็ดน้ำ ลงน้ำอยู่บ่อยๆ การที่มีขนชั้นเดียวทำให้ขนแห้งเร็ว ทั้งยังไม่ต้องแบกรับน้ำหนักขนที่เปียกเวลาลงน้ำอีกด้วยค่ะ สำหรับการดูแลเส้นขนแบบหยิก ผู้เลี้ยงต้องดูแลเป็นอย่างดี พาไปต้องตัดแต่ง เล็ม และที่สำคัญควรแปรงขนเป็นประจำทุกวันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้ขนพันกันเป็นสังกะตังค่ะ
เส้นขนแบบขดเป็นเกลียว( Corded)
ขนลักษณะนี้จะค่อนข้างหนายาว บิดเป็นเกลียวเชือกแบบเดรดล็อค (Dreadlocks) มองไปมองมาอดนึกถึงพรมเช็ดเท้าไม่ได้ ซึ่งน้องหมาที่มีขนขดเป็นเกลียวก็เช่น ปูลิ และ โคมอนดอร์ ค่ะ การดูแลขนน้องหมาลักษณะนี้ไม่ต่างจากคนที่ไว้ผมทรงเดรดล็อคค่ะ คือ แปรงขนไม่ได้เด็ดขาด เวลาอาบน้ำให้ก็ไม่ควรขยี้ให้ลอนคลาย เพราะ การแปรงขนจะทำไปทำลายอัตลักษณ์ทรงขนกับกิ๊บเก๋ของพวกเขา อีกทั้งยังทำให้พวกเขารำคาญจะเจ็บผิวจากแรงดึงรั้งขณะแปรงขนค่ะ อีกสิ่งที่ต้องคำนึงก็คือขนที่ปรกหน้าจะสร้างความรำคาญให้น้องหมา และพันกันยุ่งเหยิงเป็นสังกะตังได้ ผู้เลี้ยงจึงควรพาน้องหมาไปแต่งทรงขน ให้ช่างแยกเกลียวขนไม่ให้พันกัน ซึ่งการดูแลขนของน้องหมาจะใช้เวลามากกว่า 2 ชั่วโมงต่อครั้งเชียวล่ะค่ะ กว่าจะให้ขนเปียกทั้งตัว เป่าให้แห้งไม่ให้อับชื้น แล้วก็แต่งทรงขน .....นานมากๆ เลย >//<
ขนของน้องหมาเป็นเสมือนเกราะป้องกันทั้งสภาพอากาศร้อน ฝน หนาว หรือบาดแผลต่างๆ ดังนั้นไม่ว่าน้องหมาขนจะสั้นหรือยาว การดูแลรักษาก็เป็นสิ่งจำเป็นมากๆ เพื่อให้น้องหมามีขนที่ที่สวยงาม สุขภาพขนแข็งแรง ไม่มีโรคผิวหนังสร้างความเจ็บปวด ให้น้องหมาเป็นทุกข์ แล้วถ้าน้องหน้องได้รับการดูแลที่ดี ขนสวย เวลาพาน้องหมาออกไปไหน ใครๆ พบเจอก็ชื่นชม เราก็ยิ้มแป้น ภูมิอกภูมิใจที่ดูแลน้องหมาเป็นอย่างดี แล้วแน่นอนค่ะว่าเมื่อเรารู้สึกดี น้องหมาก็รับรู้ได้ แถมสภาพขนที่ดีก็ทำให้เขาสบายตัว แฮปปี้ทั้งคู่เลยยยยย ^^
บทความโดย : Dogilike.com
ข้อมูลอ้างอิง
http://en.wikipedia.org/wiki/Coat_%28dog%29
http://www.dummies.com/how-to/content/what-types-of-coats-can-dog-have.html
http://www.petplace.com/dogs/top-dogs-for-cold-climates/page1.aspx
http://www.netplaces.com/dog-grooming/coat-types/thick-and-bushy-coats.htm
http://www.netplaces.com/dog-health/dog-anatomy/your-dogs-fur.htm
http://www.petside.com/article/how-keep-your-dog-safe-summer
http://www.ehow.com/info_8239890_dogs-single-coats.html
รูปภาพประกอบ :
honda-tech.com
www.petwave.com
www.today.com
californiagroomin.com
www.caninest.com
www.petstew.com
www.xn--72c2azblnq3c2a1h6dtb.com
commons.wikimedia.org
www.bangkaewthailand.com
www.sheknows.com
petrepublicthailand.com
motleynews.net
SHARES