คงไม่แปลกใช่ไหมคะ ถ้าเราเดินในที่มืดตอนกลางคืน แล้วน้องหมาที่บ้านจะเห่าเพราะจำเราไม่ได้ แต่ในกรณีที่เราแค่เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย อย่างใส่หมวกปีกกว้าง หรือผ้าคลุมผม ถือของลุ่มล่าม แต่งตัวผิดไปจากเดิม อย่างเช่นใส่ชุดหมีมาสคอต ชุดแฟนซีออกงาน หรือ เปลี่ยนสีผมจากสีดำเป็นสีแดง น้องหมากลับทำท่าหวาดระแวง ไม่กล้าเข้าใกล้ เห่าเสียงกระโชก ดีไม่ดีจะแยกเขี้ยวขู่อีกต่างหาก  
 

     พริกจึงเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า น้องหมามีประสาทรับรู้กลิ่นเป็นเลิศ ทำไมแค่เจ้าของเปลี่ยนเสื้อผ้า กลายเป็นจำไม่ได้ จมูกไม่ได้กลิ่นหรือไงนะ ก็เลยไปหาข้อมูลการรับรู้ต่างๆ ของน้องหมา ว่ามีปัญหาตรงไหน ทำไมจำเราไม่ได้เนี่ยยยย ... ถ้าเพื่อนๆ อยากรู้ก็ไปดูกันเลยค่ะ

 

 

     สาเหตุที่น้องหมาจำเราไม่ได้ใส่เสื้อผ้าแบบที่เปลี่ยนไป สามารถเป็นได้หลายสาเหตุค่ะ ขึ้นอยู่กับลักษณะนิสัยน้องหมาแต่ละตัว อย่างบางตัวเคยได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีกับคนใส่หมวก ก็จะเห่า ขู่ เมื่อเห็นเราใส่หมวกก็จะรู้สึกกลัว นอกจากนี้แล้วยังขึ้นอยู่กับมุมมอง และ การเห็นภาพของน้องหมาอีกด้วย ซึ่งเราจากการรวบรวมข้อมูลมา น้องหมาที่มักจำเจ้าของเวลาแต่งตัวเปลี่ยนไป ดังนี้ค่ะ

 

     รู้สึกไม่คุ้นเคย

 

 

 

     การใช้ชีวิตของน้องหมา จะมีตารางเวลาที่ชัดเจนมากๆ ค่ะ เช่นถ่ายกี่โมง ออกไปเดินเล่นกี่โมง เดินกี่โมง โดยที่นาฬิกาในร่างกายจะเป็นไปอย่างอัตโนมัติ  ซึ่งนอกจากเรื่องของระเบียบวินัยต่างๆ ในชีวิตแล้ว สิ่งแวดล้อมที่น้องหมาพบเจอในแต่ละตัวก็ติดอยู่กับความเคยชินแล้ว  ยังรวมไปถึงการใช้ชีวิตของเจ้าของอีกด้วย เช่น น้ำหอม ลักษณะเสื้อผ้า เวลากลับบ้าน เวลาอาหารของครอบครัว กิจวัตรในแต่ละวันของเจ้าของ เมื่อเราใช้ชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิมในทันที ก็ทำให้น้องหมารู้สึกได้ถึงความผิดปกติ แล้วเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจ ไม่มั่นคง และเริ่มหวาดระแวง 

     ด้วยเหตุนี้เอง ถ้าปกติเราใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ หรือ ชุดกระโปรงปกติออกนอกบ้าน แต่อยู่มาวันหนึ่งต้องออกไปปลูกต้นไม้ เลยใส่หมวก ผ้าคลุมหน้า พอเห็นว่าเราใส่เสื้อผ้าปิดตัวน้องหมาก็ชักไม่มั่นใจว่าใครหว่าเดินออกมาจากบ้าน สัญชาตญาณนักล่า ปกป้องฝูงก็เผยออกมา เลยต้องเห่าเตือนภัยในทันทีค่ะ

 

     ไม่ชอบอะไรที่ลุ่มล่าม 

 

 

 

     อย่างที่รู้กันว่าน้องหมาไม่ชอบอะไรที่ลุ่มล่ามรุงรัง อย่างเช่น คนใส่กางเกงขาก๊วย หรือกระโปรงยาวกรุยกราย กรอมเท้า ผ้าที่ยาวรุงรังเคลื่อไหวไปมาจะกระตุ้นให้น้องหมาเกิดความตื่นตัว ตกใจ สงสัย ว่านั่นคืออะไร ปัจจัยเหล่านี้เป็นแรงกระตุ้นให้สัญชาตญาณระวังภัยของน้องหมาทำงาน น้องหมาจะแสดงพฤติกรรมระวังภัยรวมไปถึงแสดงความก้าวร้าวเพื่อป้องกันตัว เช่น ถอยหนีไปพร้อมๆ กับเห่าขู่ เป็นต้น

 

 

 

     มุมมองของน้องหมาไม่เหมือนกับของคน

 

 

 

 

     ลักษณะภาพที่น้องหมามองเห็นจะเป็นภาพที่มองจากมุมต่ำ เหมือนกับเด็กน้อยแหงนของผู้ใหญ่ ภาพที่เห็นจะทำให้คนที่ยืนสูงกว่าตัวใหญ่มากๆ แล้วคิดดูสิคะว่าน้องหมาสูงประมาณเหนือเข่าของเรา บางตัวเล็กกว่านั้นมาก เวลาเขาเงยหน้ามองขึ้นมาคนเห็นขาเราใหญ่ๆ หัวเล็กๆ ไกลๆ ยิ่งถ้าใส่เสื้อผ้าที่เขาไม่คุ้น เสื้อผ้าลุ่มล่าม หรือชุดประหลาดๆ ที่ไม่เคยใส่ จำทำให้น้องหมาจะตกใจกลัว แทนที่จะวิ่งเข้าหาด้วยความคิดถึงค่ะ  

 

 

 

     นอกจากนี้ องศาของภาพที่น้องหมาเห็นจะกว้างกว่าของคนเรา เป็นคุณสมบัติพิเศษที่มีไว้เพื่อใช้ในการล่าสัตว์ยามค่ำคืนค่ะ ซึ่งน้องหมาสามารถมองได้ถึง 240 องศา ในขณะที่คนเรามองได้ 200 องศา แต่มุมภาพที่เห็นด้วยตาทั้ง 2 ข้างจะแคบกว่าของคนเรา แต่มุมภาพที่มองเห็นด้วยตาข้างเดียว (อย่างเวลาชำเลืองมอง) สามารถกว้างกว่าคนเรามากค่ะ ไว้สอดส่องศัตรูที่จะเข้ามาจู่โจมทางด้านหลัง  ดังนั้น อะไรที่เหมือนจะดูผิดแปลก หรือระแคะระเคืองสายตา จึงทำให้น้องหมาเตรียมป้องกันตัวในทันที ดังนั้นเมื่อนำการมองจากมุมต่ำ รวมกับองศากว้างๆ ที่น้องหมามองมารวมกัน คงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะรู้สึกกลัว เมื่อเห็นสิ่งที่ผิดปกติมายืนอยู่ตรงนั้น ยื่นมือมาหา เพื่อทักทายค่ะ

 

 

 

     น้องหมามองเห็นสีต่างไปจากคน

 

 

 

 

     หลายคนคงเข้าใจกันว่าภาพที่น้องหมาเห็นเป็นภาพขาวดำใช่ไหมคะ ซึ่งในความจริงแล้วน้องหมาสามารถเห็นภาพเป็นสีค่ะ แต่จะเห็นเฉพาะ สีน้ำเงิน สีเหลือง และเทา เท่านั้นเอง พวกเขาไม่สามารถแยกสีเขียวกับสีแดงออกจากกันได้ เช่นเดียวกับคนตาบอดสีค่ะ ดังนั้น เวลาเขาเห็นสีดำจึงเป็นสีเทา เห็นสีโทนน้ำเงินม่วงเป็นสีน้ำเงิน เห็นสีโทนเหลือง ส้ม แดง เขียว เป็นสีเหลือง หรือ เหลืองออกเขียวๆ เท่านั้นค่ะ  

 

     สาเหตุที่น้องหมามองเห็นสีได้น้อยกว่าคนเรา และเห็นภาพได้ละเอียดไม่เท่าเรา (น้องหมาเห็นรายละเอียดได้ชัดน้อยกว่าคนถึง 6 เท่า) นั่นก็เพราะว่า เดิมทีน้องหมาเกิดมาเพื่อมีความสามารถในการมองเห็นตอนกลางคืนเพื่อไล่ล่าเหยื่อในตอนกลางคืน ไม่ได้ใช้ชีวิต หรือ ออกหากินในตอนกลางวัน การมองเห็นสีอย่างละเอียดจึงไม่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของพวกเขาค่ะ ดังนั้นเวลาเราเปลี่ยนสีผมจากสีดำเป็นสีออกแดงๆ น้องหมาจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของสีได้อย่างชัดเจน จากสีดำเทาเข้มๆ กลายเป็นสีเขียวเหลืองขี้ม้า บวกกับความรู้สึกไม่คุ้นชิน จึงทำให้รู้สึกไม่ไว้ใจนั่นเองค่ะ แหม่ ... นี่ถ้าคนผิวคล้ำๆ น้องหมาต้องเห็นเป็นตัวสีเขียวอ่อนๆ ผมสีเขียวเข้มเยี่ยวม้า ... เอิ่ม ดูไปก็น่าตกใจอยู่นะคะ น้องหมาคงคิดว่าเป็น Shrek ^0^

 

 

 

 

     หลายคนคงสงสัยว่า น้องหมามีประสาทดมกลิ่นที่ดีเยี่ยม แต่ทำไมเปลี่ยนการแต่งกายจึงไม่สามารถจำเจ้าของได้ เพราะถึงจะเปลี่ยนเสื้อผ้ายังไง กลิ่นก็ไม่ได้เปลี่ยนไปอยู่ดี ซึ่งจากหนังสือซีซาร์ เวย์ ของซีซาร์ มิลาน ได้อธิบายการเรื่องการรับรู้ของประสาทสัมผัสน้องหมาว่า เมื่อแรกเกิด รูหู กับ ดวงตาน้องหมายังไม่เปิด พวกเขาอาศัยประสาทการดมกลิ่นในการนำทางไปสู่แม่หมาอันดับแรก พออายุได้ 15 วันตาก็เริ่มเปิด และเริ่มได้ยินเมื่ออายุ 20 วัน กระทั่งเมื่อโตมาน้องหมาก็ยังสื่อสาร และรับรู้สิ่งต่างๆ ให้แน่ใจว่าใครเป็นใคร อะไรเป็นอะไรก็จาก กลิ่น ตา และ หูตามลำดับเช่นเดิม เช่น เมื่อทำความรู้จักใครสักคน น้องหมาจะจำว่าคนนี้ กลิ่นนี้นะ หน้าตาแบบนี้นะ และ เสียงแบบนี้นะ เป็นต้นค่ะ 

 

 

 

     แต่สำหรับการรับรู้โดยทั่วไปของน้องหมาในชีวิตประจำวัน เขาใช้ดวงตาในการมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ถ้าหน้าตา หรือท่าทางไม่คุ้น เขาก็จะเริ่มไม่มั่นใจ แต่เราออกเสียงเรียกชื่อ จึงเริ่มจำได้วิ่งเข้ามาหา และจบลงด้วยการดมกลิ่นเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่า นี่คือ เจ้าของของเรา จริงแท้แน่นอน ดังนั้น การที่เขาเห็นเราใส่เสื้อผ้าที่ปกติไม่ใส่ แล้วมีท่าทางว่าจะจำไม่ได้ ให้ส่งเสียงเรียกชื่อเขาเพื่อเป็นการเรียกสติ และความเชื่อมั่นของน้องหมากลับคืนมาค่ะ ^^

 

 

 

     ถึงแม้น้องหมาจะมีประสาทการรับรู้กลิ่น ตา และหูดีเยี่ยม แต่พวกเขาจะไม่ยอมแน่ใจกับภาพที่เห็นง่ายๆ จนกว่าจะรับการพิสูจน์ขั้นสุดท้ายจากการดมกลิ่นเสียก่อนว่าใช่คนที่พวกเขารู้จักหรือเป็นคนที่ไว้ใจได้หรือไม่ ซึ่งจะสามารถรับรู้ได้จากความเคยชิน และจากฮอร์โมนของร่างกายคนเรานั่นเองค่ะ ดังนั้นถ้าเราแต่งตัวแปลกไป แล้วน้องหมาเห่าจำไม่ได้ การส่งเสียงเรียกเขาจะช่วยเรียกความจำให้กลับคืนมาได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรแกล้งเดินเข้าหา เมื่อน้องหมารู้สึกกลัวนะคะ เพราะ จะทำให้เขารู้สึกไม่มั่นคง ไม่ไว้ใจ ดีไม่ดีอาจจะกระโดดงับเราได้เพื่อป้องกันตัว เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนนะคะ !!   

 

 

บทความโดย : Dogilike.com

 

ข้อมูลอ้างอิง :

 

http://www.alleydog.com/101notes/s&p.html

http://www.dogster.com/lifestyle/dog-facts-sense-of-smell

http://www.lifeslittlemysteries.com/2608-dog-color-vision.html

http://veterinaryvision.com/resources/what-do-dogs-and-cats-see/

หนังสือ ซีซาร์ เวย์ เขียนโดย ซีซาร์  มิลาน และ เมลิซ่า โจ เพลเทียร์

 

ภาพประกอบ

 

veterinaryvision.com

www.lovingpawsllc.com

dogs.thefuntimesguide.com

caninegoodcitizen.wordpress.com

www.montisimagica.com

vimeo.com

costume-hire-prahran.street-directory.com.au