โดย: พริกขี้หนู
ความจริงของน้องหมาขนสั้นที่ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องรู้!!!
ถึงน้องหมาขนสั้นจะดูแลง่าย แต่ก็ใช่ว่าปล่อยปละละเลยได้นะคะ
7 เมษายน 2557 · · อ่าน (13,960)
ขนน้องหมา (รวมไปถึงขนสัตว์อื่นๆ) แตกต่างจากผมของคนตรงที่เส้นขนจะยาวไปสักพัก จนถึงจุดหนึ่งก็จะหยุดยาว ซึ่งความยาวของแต่ละสายพันธุ์ก็ขึ้นอยู่กับยีนที่อาจมีผลมาจากสิ่งแวดล้อม สภาพอากาศ พันธุกรรมที่ขึ้นอยู่กับว่าจะได้ยีนเด่นขน(สั้น)หรือยีนด้อย(ขนยาว)มา โดยลักษณะความยาวของขนน้องหมานั้นก็สามารถแบ่งออกได้เป็น ไร้ขน ขนสั้น ขนยาวปานกลาง และขนยาว ซึ่งหากมองกันด้วยสายตาน้องหมาขนสั้นน่าจะดูแลได้ง่าย ไม่ต้องเอาใจใส่มากเป็นพิเศษ ซึ่งก็ถูกต้องนะคะ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด มาดูกันค่ะว่า มีอะไรที่เราอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับน้องหมาขนสั้นเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน จะได้ดูแลพวกเขาอย่างถูกจุดค่ะ
ลักษณะขนสั้นของน้องหมา (Short Coat)
น้องหมาที่เรียกได้ว่ามีลักษณะขนสั้นจะต้องมีความยาวของขนไม่เกิน 2 นิ้ว เส้นขนค่อนข้างใหญ่ หยาบ ตรง ราบไปกับลำตัว และน้ำมันเคลือบอยู่บนเส้นขน ขนไม่ค่อยพองฟู ขนอัดเรียงตัวกันแน่น รูขุมขนของน้องหมาขนสั้นส่วนใหญ่จึงมีมากกว่าน้องหมาขนยาว
ในกรณีที่มีขน 2 ชั้น (Double) จะยิ่งมีรูขุมขนมาก ระยะการเติบโตของเส้นขนสั้นกว่าน้องหมาขนยาว ขนจึงผลัดเร็วกว่า และผลัดมากกว่าน้องหมาขนยาวที่มีขน 2 ชั้น เพียงแต่ขนของพวกเขาสั้น และผลัดไปเรื่อยๆ อาจมีผลัดหนักในช่วงเปลี่ยนฤดูกาล จึงไม่ทันสังเกตเห็นว่าเยอะมากกว่าน้องหมาขนยาวนั่นเองค่ะ อย่างไรก็ตามน้องหมาขนสั้นมีดีตรงที่สามารถปรับตัวได้ง่ายกับทุกสภาพอากาศโดยเฉพาะในเขตร้อนถึงอบอุ่นค่ะ
น้องหมาขนสั้นใช่ว่าจะมีแค่ขนชั้นเดียว
หลายคนอาจเข้าใจว่าน้องหมาขนสั้นคือน้องหมาขนชั้นเดียว (Single Coat) ดำรงชีวิตไดดีในเขตร้อนเท่านั้น แต่อันที่จริงแล้ว น้องหมาขนสั้นบางสายพันธุ์ก็สามารถอยู่เมืองหนาวได้ เพราะพวกเขามีขน 2 ชั้น (Double Coat) ซึ่งลักษณะความต่างของขนสั้นทั้ง 2 แบบ เราสามารถสังเกตได้ดังนี้ค่ะ
ขนสั้นชั้นเดียว
ขนสั้นชั้นเดียวจะมีลักษณะใหญ่ หยาบ กระด้าง ซึ่งเป็นลักษณะของขนชั้นบน (Top coat ) เส้นขนไม่ได้มีการเรียงตัวแน่น เพราะไม่มีขนชั้นล่าง (Under Coat) ที่เส้นจะสั้นกว่า บางนุ่มกว่า ขึ้นถี่ละเอียดกว่า ปกคลุมผิวหนังอยู่ใต้ขนชั้นบนอีกที ซึ่งส่วนใหญ่น้องหมาขนสั้นที่เป็นน้องหมาขนชั้นเดียวจะอาศัยอยู่ในประเทศเขตอบอุ่นหรือเขตร้อน ซึ่งข้อดีของน้องหมาขนชั้นเดียวคือค่อนข้างผลัดขนน้อย เนื่องจากไม่มีขนชั้นล่างและรูขุมขนไม่แน่นถี่ การทำความสะอาดก็ค่อนข้างง่าย มีโอกาสสะสมของเชื้อโรค เชื้อราต่างๆ ได้น้อย แต่ถ้าต้องอาศัยอยู่ในเขตหนาว หรือช่วงฤดูหนาว ขนสั้นชั้นเดียวของพวกเขาก็จะไม่สามารถเก็บรักษาความร้อนไว้ในร่างกายได้นานค่ะ
สายพันธุ์น้องหมาที่มีขนสั้นชั้นเดียว ก็เช่น โดเบอร์แมน, มินิเจอร์ พิชเชอร์, อิตาเลียน เกรย์ ฮาวนด์, ไทยหลังอาน เป็นต้น
ขนสั้น 2 ชั้น
น้องหมาขนสั้น 2 ชั้นจะมีความพิเศษกว่าขนชั้นเดียวตรงที่มีขนชั้นล่าง (Under Coat) ที่คอยทำหน้าที่ป้องกันความหนาวเย็น รักษาความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย รวมไปถึงป้องการการกระทบกระเทือน การกดทับของผิวหนัง และอันตรายจากอุบัติเหตุที่เกิดกับผิวหนังได้อีกด้วยค่ะ โดยน้องหมาขั้นสั้น 2 ชั้นจะผลัดขนชั้นล่างอยู่เรื่อยๆ แต่จะผลัดหนักช่วงเปลี่ยนฤดูกาลประมาณ 2 ครั้งต่อปีเช่นเดียวกับน้องหมาขนยาว 2 ชั้นค่ะ เพียงแต่จะผลัดเยอะกว่าอย่างที่ได้อธิบายไว้ข้างต้นค่ะ แล้วเนื่องจากพวกเขามีขนชั้นล่างที่หนา จึงมีโอกาสเก็บความอับชื้น เชื้อโรค แล้วเชื้อรา ไว้ที่ขนชั้นนี้ ผู้เลี้ยงจึงควรเป่าขนให้แห้งหลังการอาบน้ำทุกครั้งนะคะ เพื่อไม่ให้มีเชื้อโรคเชื้อราสะสมไปจนเกิดโรคผิวหนังได้ค่ะ แล้วที่สำคัญต้องการวังเรื่องอาการฮีตสโตรก ถึงแม้จะขนสั้น แต่ถ้าร่างกายเก็บความร้อนไว้มากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดอันตรายได้เช่นเดียวกับน้องหมาขนยาวค่ะ
สายพันธุ์น้องหมาที่มีขนสั้น 2 ชั้นก็เช่น ร็อตไวเลอร์, ออสเตรเลีย แคทเทิล ด็อก, ลาดอร์ รีทรีฟเวอร์, บีเกิล, ปั๊กสีครีมน้ำตาล เป็นต้น
(เพื่อนๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมลักษณะขนน้องหมาว่ามีกี่ชั้น กี่ประเภท ได้ที่บทความ แท้จริงแล้ว...ขนน้องหมามีกี่ชั้น? ค่ะ)
อันตรายที่มาพร้อมกับขนสั้นของน้องหมา
น้องหมาขนสั้นอาจดูแลทำความสะอาดง่าย แต่ก็มีโอกาสเกิดโรคเกี่ยวกับผิวหนัง และ มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง และมะเร็งหลอดเลือดค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้องหมาที่มีขนสั้น สีขาว หรือสีสว่างๆ มีสีจมูก สีขอบตาเป็นสีอ่อน นั่นเพราะว่าขนสีขาว หรือ สีสว่างนี้จะรับรังสีอัลตร้าไวโอเลตได้ดีกว่าน้องหมาขนสีเข้มค่ะ ซึ่งสายพันธุ์ที่มีโอกาสเสี่ยงก็เช่น ดัลเมเชียน,บูลเทอร์เรีย, เกรย์ฮาวนด์ เป็นต้นค่ะ ในส่วนน้องหมาขนสั้นชั้นเดียว หรือ ขนสั้นที่บาง ไม่หนา ต้องระวังผิวไหม้แดดด้วยนะคะ ซึ่งรวมไปถึงน้องหมาขาสั้น ขนสั้น อย่างดัชชุน เพราะผิวหนังหน้าท้องสามารถรับความร้อนที่สะท้อนจากพื้นปูนได้ง่าย และไหม้แดด พุพองค่ะ ฝ่าเท้าของน้องหมาก็เป็นอวัยวะสำคัญที่ต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เนื่องจากน้องหมาขนสั้นจะไม่ค่อยมีขนปกคลุมบริเวณอุ้มเท้าจึงมีโอกาสผิวไหม้ เกิดแผลพุพองได้มากกว่าน้องหมาขนยาวค่ะ
นอกจากเรื่องของความร้อน และ แสงอาทิตย์ที่เป็นอันตรายต่อผิวหนังของพวกเขาแล้ว ฝุ่นละออง เห็บไรต่างๆ รวมไปถึงการถูไถพื้นปูน พื้นดินก็สามารถทำให้เกิดการระคายเคือง และ การบาดเจ็บต่อผิวหนังได้อีกด้วย ผู้เลี้ยงควรดูแลระมัดระวังไม่ให้น้องหมาเล่นซน ค่อยตรวจดูความผิดปกติของผิวหนังน้องหมาอย่างสม่ำเสมอค่ะ
การดูแลน้องหมาขนสั้น
การทำความสะอาดน้องหมาขนสั้นไม่ยุ่งยากเท่าน้องหมาขนยาวแต่ก็ต้องเป่าขนให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันโรคผิวหนัง เชื้อราต่างๆ ค่ะ และแปรงขนเป็นประจำสัปดาห์ละครั้งเป็นอย่างน้อยเพื่อช่วยได้ผลัดฃขนเก่าออกมา
อีกทั้งให้ระมัดระวังเรื่องการออกแดด ถ้าน้องหมาตัวไหนชอบอยู่กลางแดดก็ควรหาครีมกันแดดสำหรับน้องหมาโดยเฉพาะที่ไม่มีส่วนผสมของ Zinc Oxide และสารที่เป็นพิษอื่น ๆ มาทาให้น้องหมาบริเวณที่ผิวหนังบอบบางไม่มีขนปกคลุม แต่ก็ให้ตากแดดได้ไม่ควเกิน 15 นาที และออกได้เพียงช่วงเช้าและช่วงเย็นเท่านั้นนะคะ แล้วเมื่อเข้าหน้าหนาวก็ควรหาเสื้อผ้าให้เขาใส่ หรือ หาเบาะอุ่นๆ ผ้าหนาๆ ให้พวกเขาได้ซุกนอนค่ะ (ติดตามการดูแล ป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับน้องหมาขนสั้นฉบับเต็ม ได้ที่คอมลัมน์การเลี้ยงการดูแลได้ที่บทความ ใครว่า ... หน้าร้อนไม่ต้องดูแลหมาขนสั้น !! ค่ะ)
พริกเป็นคนหนึ่งที่ชอบเลี้ยงน้องหมาขนสั้น เพราะดูแลง่ายไม่ต้องพาไปตัดแต่งขน เพียงแค่อาบน้ำเป่าให้แห้งก็กอดได้ เล่นได้ภายในเวลาไม่กี่สิบนาที แต่ก็ต้องระมัดระวังเรื่องของสภาพอากาศที่ร้อนมากเกิน หรือ หนาวมากไปสำหรับน้องหมา และบาดแผลจากอุบัติเหตุที่สัมผัสถึงชั้นผิวหนังได้ง่าย.....ดังนั้น ใครที่เลี้ยงน้องหมาขนสั้นอยู่ก็อย่าเพิ่งตายใจว่าเลี้ยงง่าย ไม่ต้องใส่ใจก็ได้นะคะ....เพราะถึงอย่างไร พวกก็ต้องการการใส่ใจที่ยืนยาวนานไม่ต่างจากน้องหมาขนยาวค่ะ
บทความโดย : Dogilike.com
ข้อมูลอ้างอิง :
http://dogcare.dailypuppy.com/dogs-single-coats-2027.html
http://www.furminator.com/why-do-dogs-cats-and-rabbits-shed.aspx
http://www.vetstreet.com/our-pet-experts/skin-cancer-risk-in-animals-new-research-shows-that-even-fish-get-it
http://scribol.com/lifestyle/protect-your-dog-from-sunburn
ภาพประกอบ:
www.tipresentoilcane.com
en.wikipedia.org
petapparelfashion.com
blog.sfgate.com
oklahomawatch.org
www.jenkspugs.com
SHARES