หากเอ่ยถึงภาพยนตร์น้องหมา หลายคนคงพอจะได้โครงเรื่องได้ว่าต้องมีฉากที่สะเทือนใจ เรียกน้ำตาถึงแม้จะเป็นภาพยนตร์น้องหมาคอมเมดี้ ฮากระจายก็ตาม ก่อนจะดูจึงต้องเตรียมทำใจ อย่างพริกเนี่ย ไม่เคยคิดจะเตรียมใจ หรือยอมทำใจรับได้ เลยต้องเลี่ยงไม่เอา ไม่ดู แต่สำหรับบทความในครั้งนี้ ด้วยหน้าที่ก็จำเป็นต้องเปิดดู พลางหากระดาษทิชชูมาซับน้ำตา เพื่อคัดสรรฉากเด็ด จากภาพยนตร์น้องหมาสุดฮอตมาให้เพื่อนๆ ได้ซาบซึ้งไปกับตัวละครที่ถ่ายทอดความรัก ความผูกพันระหว่างคนกับน้องหมาได้แน่นแฟ้นอย่างสมจริง ถึงขนาดเขียนบทความไปคิดถึงน้องหมาที่บ้านไป อยากกลับไปกอด หอมฟอดๆ ให้หายคิดถึง.....แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะ กล้าไหม....บอกเตือนก่อนนะคะว่าสปอยด์หนังมากๆ...แต่ถ้ากล้า ขอท้ามาดูกันเลยค่ะ!  

 

 

1. ฉากที่ฮาชิรอเจ้านายที่สถานีรถไฟ : Hachi ฮาชิ...หัวใจพูดได้

 

 

 

 

     ฮาชิ น้องหมาพันธุ์อาคิตะ จะคอยเดินตามไปส่งเจ้านายที่สถานีรถไฟเป็นประจำทุกวัน และ ทุกๆ เย็น ฮาชิก็จะไปรอรับเจ้านายอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย ตั้งหน้าตั้งตารอ เพื่อให้ได้เห็นคนที่รักแล้วได้มีช่วงเวลาที่ดีเดินกลับบ้านด้วยกันทุกวัน จนกระทั่งวันหนึ่ง การรอคอยของฮาชิ ไม่อาจสร้างความสุขได้อีกต่อไป 

 

     ฉากการรอคอยของฮาชิหลังจากวันที่เจ้านายจากไป เป็นฉากที่ดูเรียบง่าย ภาพเคลื่อนไหวเชื่องช้า เหมือนกับการรอคอยกำลังเดินทางไร้จุดสิ้นสุด ภาพฮาชิที่รอคอยมองประตูสถานีรถไฟท่ามกลางหิมะ อากาศที่หนาวเหน็บอย่างตั้งใจ อดทน จดจ่อ และมีความหวัง เห็นผู้คนเดินขวักไขว่ หากไม่มีใครสัมผัสได้ถึงหัวใจที่ซื่อตรงของฮาชิ สร้างความสะเทือนใจให้แก่คนดูที่รู้ความจริงว่าอะไรเกิดขึ้น...ฉากนี้เป็นฉากที่เศร้าซึมลึก หดหู่ ไร้ความหวัง  ในขณะที่ดวงตาของฮาชิแสดงเปี่ยมไปด้วยพลังของความจงรักภักดี แน่วแน่ไม่ไหวติง ....อันนี้ต้องขอความดีให้แก่เจ้า Chico, Layla, และ Forrest น้องหมาทั้ง 3 ตัวที่รับบท ฮาชิค่ะ ^^

 

2. ฉากมาริวิ่งตามเจ้าของที่อยู่บนเครื่องบิน :
     A tale of Mari and three puppies เพื่อนซื่อ ชื่อ “มาริ”

 

 

 

     เรื่องจริงที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่จังหวัดนิงาตะ ประเทศญี่ปุ่น ปี 2004 สุนัขสายพันธุ์ชิบะชื่อ “มาริ” ได้ช่วยชีวิตเจ้าของเอาไว้ รวมทั้งลูกๆ อีก 3  ตัวของมาริอีกด้วย จนกระทั่งมีเฮลิคอปเตอร์ทหารมาช่วยคุณปู่กับหลานสาวออกจากพื้นที่นั้น.....และนี่ก็คือจุดที่สะเทือนใจมากที่สุดฉากหนึ่งของเรื่อง
 

     มาริเรียกให้ทหารตามไปช่วยคุณปู่กับหลานสาวที่อยู่ใต้ซากปรักหักพังของบ้าน โดยทหารได้นำคุณปู่ขึ้นเฮลิคอปเตอร์พร้อมที่จะนำไปส่งยังโรงพยาบาลโดยด่วน เหลือแต่หลานสาวตัวน้อยกับนายทหารอีกคนที่อยู่ข้างล่างเพื่อตัดสินใจว่า....จะพามาริไปด้วยได้หรือไม่ ภาพเด็กหญิงที่ขอร้องนายทหารให้พามาริไปด้วยได้แสดงให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างมาริกับครอบครัวของเธอ ส่วนตัวมาริเองแม้จะพูดอะไรไม่ได้ แต่ก็แสดงสีหน้าอาการได้อย่างน่าเห็นใจ แม้จะดูกล้าหาญ หากมีท่าทีของการหวั่นกลัวจะถูกทิ้ง....แต่สุดท้ายนายทหารก็ต้องยอมตัดใจที่จะช่วยมาริกับลูกๆ เสียงเด็กหญิงที่ร้องไห้ขณะถูกเชือกดึงขึ้นเฮลิคอปเตอร์กับเสียงเห่าเรียกของมาริสร้างความเศร้าสะเทือนใจให้อย่างมาก ยิ่งตอนที่มาริวิ่งตามเฮลิคอปเตอร์ แล้วเด็กหญิงร้องไห้จนพลอยให้เด็กคนอื่นที่เห็นเสียใจร้องตามไปด้วยก็เป็นอีกฉากที่ทำให้เราต้องหลั่งน้ำตา....มันเศร้าเกินไปแล้วน้า T^T 

 

3. ฉากการกลับมาเจอกันอีกครั้ง : Eight Below  ปฏิบัติการ 8 พันธุ์อึดสุดขั้วโลก

 

 

 

     เหตุการณ์เกิดขึ้นในขั้วโลกใต้ ณ สถานีทดลองแห่งหนึ่งในช่วงก่อนเข้าฤดูหนาว โดยในการสำรวจนี้มีนักนำทางและน้องหมาลากเลื่อน  8 ตัวคอยนำทางให้นักวิทยาศาสตร์ แต่ต่อมาเกิดพายุเลวร้ายจึงต้องรีบลี้ภัย จึงต้องทิ้งน้องหมาทั้ง 8 ตัวไว้ หากโชคร้ายซ้ำเติมอีกครั้งมีพายุหิมะครั้งใหญ่เกิดขึ้นตัดขาดเส้นทาง น้องหมาทั้งหมดจึงถูกทิ้งไว้เบื้องหลังไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ จนกระทั่งต่อมา นักนำทางกับเพื่อนที่เคยทำงานที่สถานีนั้นได้รวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อออกตามหา กู้ภัยน้องหมาลากเลื่อนที่ขั้วโลกใต้ เพื่อจะได้พบกันอีกครั้ง

     โดยฉากที่ซึ้งมากๆ น่าจดจำเป็นที่สุดก็คือฉากที่น้องหมาลากเลื่อนที่เหลืออยู่กับทีมของพระเอกพบเจอว่าน้องหมายังมีชีวิตอยู่ ช่วงเวลาที่ทั้ง 2 ฝ่ายมองหน้ากัน จำกันได้ แล้วตัดสินใจวิ่งโผเข้าหากันมันซาบซึ้งใจมาก...ระยะทางที่วิ่งดูยาวไกล แต่เหมือนหัวใจของพวกเขาไปถึงกันและกันเรียบร้อยแล้ว ฉากนี้เรียกทั้งน้ำตาและรอยยิ้มได้ไปพร้อมๆ กัน อบอุ่นมากๆ ค่ะ  

 

 

 

4. ฉากตอนควิลใกล้สิ้นใจ : Quill  โฮ่ง (ฮับ) เจ้าตัวเนี้ยซี้ 100%

 

 

 

     ภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงของ ควิล  สุนัขนำทางพันธุ์ลาบราดอร์ ลีทรีฟเวอร์ ที่ต้องจากบ้านไปเรียนโรงเรียนฝึกสุนัข จนมาเป็นสุนัขนำทางให้ชายตาบอดกระทั่งชายตาบอดเสียชีวิต เมื่อเวลาผ่านไป ควิลแก่ตัวลง ถูกปลดละวางกลับไปอยู่บ้าน อยู่กับครอบครัวของเขา แต่ด้วยสุขภาพร่างกายที่เสื่อมลงเดินเหินไม่สะดวกจนเกิดอุบัติเหตุลมลงหัวฟาดพื้นไม่สามารถลุกขึ้นได้ 
 

     ฉากที่เศร้ามากที่สุดเป็นวินาทีการร่ำลาก่อนที่ควิลจะต้องจากไป สายตาของควิลดูอ่อนล้า หมดเรี่ยวแรงแต่เต็มไปด้วยความเข้าใจถึงความเศร้าและความรักของเจ้าที่อยู่ข้างกาย ชีวิตของควิลจากไปอย่าสงบ หากเปี่ยมด้วยคุณค่า แม้กระทั่งเราที่เป็นคนดูยังอดชื่นชมกับความอดทน การเสียสละ และความซือสัตย์ของควิลที่มีมาตลอดเรื่องไม่ได้ เป็นเรื่องราวที่ถ่ายทอดชีวิตสุนัขช่วยเหลือได้น่าสนใจมากๆ เรื่องหนึ่งค่ะ 

 

 

 

5. ฉากก่อนการถูกการุณยฆาต :Marley & Me จอมป่วนหน้าซื่อ

 

 

 

      เรื่องราวของ มาร์ลีย์ น้องหมาพันธุ์ลาบราดอร์ สุดแสบซ่านที่อยู่กับคู่รักข้าวใหม่ปลามัน มาร์ลีย์สร้างแต่เรื่องป่วนๆ แต่กลับสามารถดึงหัวใจที่ดีงามของเจ้าของทั้ง 2 ออกมาได้ การให้อภัยของคนเลี้ยงคือพรอันสุดประเสริฐที่น้องหมาตัวหนึ่งจะได้รับ 

     ฉากที่เศร้าสะเทือนใจคือเมื่อครอบครัวต้องตัดสินใจฉีดยาให้มาร์ลีย์ ที่แก่ตัวเป็นโรคจนไม่สามารถเดินเหินได้ ต้องอยู่กับความทรมาน ทุกคนเพียงแค่เห็นหน้ามาร์ลีย์ก็รู้สึกเศร้า รู้สึกผิดจนต้องเสียน้ำตา บรรยากาศที่มีชีวิตชีวากลายเป็นหมือนดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา จนกระทั่งถึงวันที่ไม่มีใครต้องการให้มาถึง มาร์ลีย์ได้รับการฉีดยาให้จากไปอย่างสงบ ดวงตาของมาร์ลีย์จับจ้องที่เจ้าของด้วยความรัก คล้ายกับพยายามมองคนที่รักให้ได้นานที่สุดท่าที่จะนานได้...แล้วจึงค่อยหลับตาลงจากไปอย่างผ่อนคลาย...... (อ่านเพิ่มเติมการทำการุณยฆาตได้ที่บทความ เหตุผลที่น้องหมาถูกฉีดยาให้หลับไปตลอดกาล ... ค่ะ)

 

 

 

6. ฉากแลสซี่กลับมาถึงบ้าน : Lassie 

 

 

 

     ภาพยนตร์แลสซี่สร้างขึ้นหลายภาคหลายรอบมาก พริกขอเลือกเวอร์ชั่นปี 2005 นะคะ เพราะมีการ

อิงจากเนื้อหาในวรรณกรรมมากที่สุดเวอร์ชั่นหนึ่งค่ะ  แลสซี่เป็นน้องหมาพันธุ์คอลลี่ แสนสวยและฉลาด แต่ครอบครัวเกิดประสบปัญหาทางการเงินจึงต้องขายแลสซี่ให้กับเศรษฐีที่อยู่ไกลออกไปหลายไมล์ แต่แลสซี่ก็ได้พยายามหาทางหนีออกมา ฝ่าฟันอุปสรรคจากการเดินทาง เพื่อกลับมายังครอบครัวเดิมอันที่ที่รักในวันคริสมาสต์  

     ฉากวันคริสมาสต์คนในครอบครัวเดิมของแลสซี่ได้ไปเลี้ยงฉลองเทศกาลกันที่โบสถ์ แลสซี่ที่ผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากมาจนร่างกายบอบช้ำเดินทางมาจนถึงหน้าบ้าน มองเงยหน้ามองหน้าต่างที่ปิดไฟไม่มีใคร.... ดวงตาของแลสซี่บอกถึงความรัก ความคิดถึง ขณะเดียวกับมีความหดหู่ หวาดกลัวว่าจะไม่มีใครต้องการเพราะมีน้องหมาอีกตัวอยู่ที่บ้านแล้ว .....การถอดใจของแลสซี่ที่เดินหันหลังกลับทำให้รู้สึกถึงความหวังตลอดช่วงเวลาที่พยายามฟ่าฟันได้พังทลายลง ภายใต้ความหนาบเหน็บของหิมะวันคริสมาสต์ ดูแล้วน่าสงสารมากๆ เลยค่ะ แต่ตนจบจะเป็นอย่างไร ต้องไปหาดูกันต่อเองนะคะ ^__^

 

 

7. ฉากอ่านสัญญาณ 10 ข้อขณะน้องหมาใกล้สิ้นใจ :
    Ten promises to my dog 10 คำสัญญากับน้องหมาของฉัน

 

 

 

 

     ภาพยนตร์ญี่ปุ่นอีกเรื่องที่เรียกน้ำตาคนรักน้องหมา เรื่องราวก็มีอยู่ว่า ซ็อก (Sock) น้องหมาพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ได้ถูกรับเลี้ยงโดยเด็กหญิงวัย 14 ปี แม่ของเธออนุญาตให้เลี้ยงแต่ต้องทำสัญญา 10 ข้อกับน้องหมาตัวนี้ด้วย ซ็อกโตขึ้นพร้อมกับเด็กหญิงมีการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ร่วมกัน ผูกพันด้วยความรัก ความซื่อสัตย์ที่แนบแน่น จนถึงวาระสุดท้ายของซ็อกนั่นเอง

 

     ฉากที่หญิงสาวเปิดสมุดภาพในสิ่งที่น้องหมาตัวหนึ่งต้องการบอกทีละข้อๆ  ขณะที่ซ็อกกำลังนอนอ่อนแรงใกล้สิ้นใจ เป็นฉากที่สะเทือนใจมากที่สุด ทั้งตัวละครและคนดูแทบไม่เคยรู้เลยว่า ใน มุมมองของน้องหมาแล้วพวกเขามีความคิด มีความรักอย่างไรต่อเจ้าของจนกระทั่งตอนนั้น...ซึ่งเป็นวาระสุดท้ายของซ็อก สายเกินไปเสียแล้วที่จะย้อนกลับมาดูแล....ฉากนี้ดูไปก็ต้องร้องไห้ไปพลางนึกถึงน้องหมาของตัวเอง....เพราะฉะนั้นถ้ายังมีเวลารักเขาให้มากๆ นะคะ  

 

 

 

8. ฉากขอโทษของเด็กชายกับน้องหมาของเขา : Hearty Paws ขอบใจนะเจ้าเพื่อนยาก

 

 

 

      แมอึม หรือ ฮาร์ตี้น้องหมาพันธุ์ลาบราดอร์  ถูกเด็กชายขโมยจากบ้านตายายคู่หนึ่งเพื่อเอามาให้เป็นของขวัญวันเกิดน้องสาว ฮาร์ตี้เติบโตมาในครอบครัวนี้ มีความผูกพันที่แน่นแฟ้นกับเด็กทั้ง 2 คน จนวันหนึ่งเกิดเรื่องร้ายจนเด็กชายต้องตัดขาด และเกลียดชังฮาร์ตี้ แต่ฮาร์ตี้ก็ยังติดตามเด็กชาย คอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังอย่างจงรักภักดี แม้ต้องเอาชีวิตของตัวเองแลกก็ตาม  

      ฉากสุดซึ้ง คือฉากบอกความในใจของเด็กชายที่ปฏิเสธหัวใจตัวเองที่รักฮาร์ตี้มากๆ มาตลอดจนกระทั่งวันที่ต้องเสียฮาร์ตี้ไป เด็กชายให้ฮาร์ตี้นอนหนุนตัวค่อยลูบตัวฮาร์ตี้อย่างแผ่วเบา บอกเล่าสิ่งร้ายๆ ที่ตัวเองเคยทำรวมไปถึงการขโมยฮาร์ตี้มาจากคนอื่น และขอโทษสิ่งไม่ดีที่ทำมาตลอด ในวินาทีที่ฮาร์ตี้จากไปเด็กชายกอดรัด ร่ำร้องไห้ขอให้ฮาร์ตี้กลับมา เขาจะดูแลฮาร์ตี้ ชดใช้สิ่งไม่ดีที่ตัวเองทำ....ดูแล้วใครไม่ร้องไห้นี่เรียกว่าใจหินสุดๆ ค่ะ ดราม่าสมกับภาพยนตร์เกาหลีมากๆ ใครรักหนังเกาหลี รักน้องหมา รักดราม่า พลาดไม่ได้ค่ะ 

 

 

9. ฉากสุดท้ายของเจ้านายอันเป็นที่รัก : Star Watching Dog

 

 

 

 

      แฮปปี้ น้องหมาพันธุ์อากิตะ ได้ติดตามคุณลุงคนหนึ่งที่ตัดสินใจลงทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง เดินทางด้วยรถตู้ไปทั่วญี่ปุ่น เกิดเป็นเรื่องราวของมิตรภาพอันแสนงดงาม ความจงรักภักดีของแฮปปี้ที่ความตายไม่อาจพรากหรือลดทอนความซื่อสัตย์ของฮาร์ตี้ที่มีต่อคุณลุงได้ แม้กระทั่งถึงวาระสุดท้ายของเจ้านาย....และตัวของแฮปปี้เอง 

     ฉากสุดท้ายบนรถตู้ก่อนที่คุณลุงจะจากไป แฮปปี้ได้ออกไปหาอาหารมาให้คุณลุงที่ไม่ได้สามารถลุกไปไหนได้สายตาของคุณลุงที่มองน้องหมาเปี่ยมไปด้วยความรัก ซาบซึ้งในความกตัญญู ที่เขาไม่สามารถหาได้แม้จากครอบครัวของตัวเขาเอง คุณลุงขอบคุณพลางลูบแฮปปี้ด้วยความรักก่อนที่จะสิ้นใจท่ามกลางความหนาวเหน็บของค่ำคืนที่โดดเดี่ยวแต่ไม่เดียวดาย ยังพอจะมีไออุ่นของคู่หูที่รักและจงรักภักดีอยู่เคียงข้าง....ซึ้งมากๆ เลยค่ะ 

 

 

10. มะหมา 4 ขาครับ ภาค 1

 

 

 

     ถ้าไม่เอ่ยถึงภาพยนตร์ไทยก็คงไม่ได้ เพราะเราก็มีภาพยนตร์หมาที่โด่งดัง การันตีฝีมือได้ไม่น้อยหน้าใคร มะหมา4 ขาครับภาค 1 ได้รับการตอบรับอย่างสวยงามของคนรักภาพยนตร์และรักน้องหมาของเมืองไทย ว่าด้วยเรื่องราวการผจญภัยของเหล่าน้องหมาวัด น้องหมาบ้าน ที่สร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ น้ำตา และแรงบันดาลใจได้อย่างน่ารัก อีกทั้งยังเป็นการแจ้งเกิดของน้องหมานักแสดงมากหน้าหลายตาของเมืองไทย อย่างน้องริชาร์ด ที่หลายคนรู้จักนั่นเอง

      ฉากที่ซาบซึ้ง กินใจมากๆ คงหนีไม่พ้นฉากน้องหมาทุกๆ ตัวร่วมหัวจมท้าย ทั้งดึง ทั้งเข็นพาคุณลุงกาแฟ น้องหมาอาวุโสข้ามฟากถนน เป็นฉากที่ดูยิ่งใหญ่มากๆ เห็นพลังของน้องหมาทุกตัวที่ต้องการช่วยเหลือคุณลุงกาแฟเพื่อไปถึง สุนัขวดี สวรรค์ในตำนานของหมาๆ  ไม่มีทิ้งกัน จนคนที่ผ่านไปเห็นต่างตื่นเต้นกับภาพที่เกิดขึ้น....ฉากนี้ใช้น้องหมาแสดงพร้อมกันถึง 6 ตัว เป็นการกำกับน้องหมาที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ค่ะ 

 

 

 

     ภาพยนตร์น้องหมาที่ซาบซึ้งกินใจไม่ได้มีเพียง 10 เรื่องนี้เท่านั้นนะคะ ยังมีอีกหลายเรื่องที่เรียกทั้งรอยยิ้มและน้ำตาจากความรักความผูกพันที่เราได้มีให้แก่น้องหมาได้ ส่วนเพื่อนๆ คนไหนที่ยังไม่ได้ดูก็ลองหาดูกันนะคะ แต่ขอแนะนำให้เตรียมกระดาษทิชชูไว้ข้างตัว....ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าไม่เตือนนะคะ (ขอไปร้องไห้แป๊บค่ะ T^T ) 

 

 

 

บทความโดย : Dogilike.com

http://www.dogilike.com/

 

 

 

ภาพประกอบ :
 

http://youtu.be/jxpSKpEA9ig

http://youtu.be/cfkeFdoR3tQ

http://youtu.be/Xrv6_YLU-6A

http://youtu.be/1PdaGlrDbdI

http://youtu.be/-NCObC1J5Z0

http://youtu.be/1t7HZgqpH9E

http://youtu.be/3WepSR6mj9M

http://youtu.be/ycmztOJxDBQ

http://youtu.be/LfnPgJGzZG0

http://youtu.be/PfH1iAAu_bQ