โดย: พริกขี้หนู

10 สายพันธุ์สุนัขที่มีกลิ่นตัวแรงมากที่สุด

กลิ่นตัวสุนัขแต่ละสายพันธุ์แตกต่างกัน ควรเตรียมตัวป้องกันและกำจัดกลิ่นอย่างถูกวิธี

9 มีนาคม 2558 · · อ่าน (25,008)
885

SHARES


885 shares

10 สายพันธุ์สุนัขที่มีกลิ่นตัวแรงมากที่สุด

    

 
     “กลิ่น”  เป็นการสื่อสารที่สำคัญที่สุดของสุนัข พวกเขาทำความรู้จักกัน จดจำกันได้ ก็จากกลิ่นตัวของอีกฝ่าย ซึ่งแน่นอนค่ะว่า กลิ่นตัวสุนัขแต่ละตัวย่อมมีกลิ่นที่แตกต่างกัน บ้างขึ้นอยู่กับสภาพผิว ความสะอาดของขน ของหู การระบายความร้อนของต่อมเหงื่อ บ้างขึ้นอยู่กับอาหารการกิน สภาพสิ่งแวดล้อมที่อยู่อาศัย สุนัขที่ได้กลิ่นจะสามารถรับรู้ได้ว่าบริเวณ หรือ สภาพแวดล้อมที่สุนัขอีกตัวอยู่เป็นอย่างไร 
 
     แต่มีอีกสาเหตุหนึ่งค่ะ ที่ทำให้สุนัขมีกลิ่นตัวแรง แม้จะเพิ่งอาบน้ำเสร็จก็ตาม นั่นก็คือ กลิ่นตัวที่ติดมากับสายพันธุ์ของพวกเขา ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งสาบ ทั้งฉุน ทั้งอับ กลิ่นตัวแรงยากจัดการ แล้วถ้าคิดจะเลี้ยง ก็ต้องทำใจนะคะ บ้านมีกลิ่นแน่นอน
 
     ... มาดูกันค่ะว่า มีสุนัขสายพันธุ์ไหนที่มีกลิ่นประจำตัวไม่พึงประสงค์มากที่สุด ถ้าใครคิดจะเลี้ยงก็ต้องทำใจนะคะ เฟอร์นิเจอร์ ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน เบาะรถ หรือ ในตัวบ้าน มีกลิ่นของสุนัขแน่นอน  

 
Dogilike.com :: 10 สายพันธุ์สุนัขที่มีกลิ่นตัวแรงมากที่สุด


 
1. บาสเซ็ต ฮาวนด์ (Basset Hound)

 
     บาสเซ็ต ฮาวนด์ มีรูปร่างเตี้ย ตัน ตัวยาว หูยาว หน้าย่น ตัวย่น จึงมีร่องพับตามลำตัวเป็นจำนวนมาก ยิ่งถ้าได้รับการดูแลทำความสะอาดไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดความอับชื้นที่ผิวหนังตามรอยย่น เกิดเป็นเชื้อรา หูไม่ได้ทำความความสะอาด ปล่อยให้อับชื้นก็อาจนำไปสู่การเกิดเชื้อราและการอับเสบ ส่งผลให้เกิดกลิ่นเหม็นมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ ตามปกติของสายพันธุ์นี้ พวกเขาจะมีโรคประจำสายพันธุ์เป็นโรคผิวหนังอยู่แล้ว ผู้เลี้ยงจึงควรดูแลสภาพผิวเป็นพิเศษนะคะ 
 

 
2. ค็อกเกอร์ สเปเนียล (Cocker Spaniel )

 
     สุนัขหูยาว ขนหยักศกสลวย เหมือนกับใส่วิกผมลอนอย่างค็อกเกอร์ สเปเนียล ก็ขึ้นชื่อเรื่องกลิ่นไม่น้อยหน้าไปกว่าบาสเซ็ต ฮาวนด์ เนื่องจากมีหูที่ยาว ขนที่ยาว ง่ายต่อการอับชื้นและติดเชื้อ จึงจำเป็นต้องได้รับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ และเป็นอย่างดีเพื่อป้องกันการเกิดกลิ่น ซึ่งนอกจากกลิ่นที่มาจากหูแล้ว พวกเขายังมีปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง มีแนวโน้มทำให้เกิดการแพ้ได้ง่าย ตกสะเก็ด เป็นเชื้อราที่ผิว เกิดการติดเชื้อ การอักเสบของผิวหนัง อันนำมาซึ่งกลิ่นไม่พึงประสงค์  ดังนั้น ผู้เลี้ยงจึงควรใช้แชมพูที่อ่อนโยนต่อผิวหนัง เป่าขนให้แห้งทุกครั้งหลังการอาบน้ำนะคะ   


 
3. บีเกิ้ล (Beagle)
 
     
      สุนัขบีเกิ้ลสุดแสบมีกลิ่นเฉพาะตัวกับเขาอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ก็ไม่มากถึงขนาดฉุนกึก มีกลิ่นสาปแรงเมื่อเทียบกับค็อกเกอร์ สเปเนียล ทว่าเมื่อใดที่ผิวหนังของพวกเขาแห้งกร้าน เกิดอาการคันจนพวกเขาต้องเกา ถูกไถ จนเป็นแผลอักเสบ ก็จะยิ่งขับกลิ่นให้แรงมากขึ้นไปอีกเท่าตัวนอกจากปัญหาผิวหนังที่ทำให้เกิดกลิ่นแล้ว กลิ่นหูของบีเกิ้ลก็แรงอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะพวกเขามีหูที่ค่อนข้างใหญ่ ยาว พับตก ก่อให้เกิดการอับชื้น สะสมแบคทีเรีย และเชื้อรา นำไปสู่การติดเชื้อในหูได้ ดังนั้นผู้เลี้ยงจึงควรทำความสะอาดหูของพวกเขาเป็นประจำอย่างน้อยทุกสัปดาห์ เพื่อช่วยลดความแรงของกลิ่นตัวพวกเขานั่นเองค่ะ 


 
4. ปั๊ก (Pug)

 
     แค่เห็นหน้าสุนัขปั๊กก็รู้ทันทีเลยว่าเข้าข่ายสุนัขมีกลิ่นตัว เพราะตัวค่อนข้างกลมตันดูอ้วน มีรอยย่นยับบนใบหน้าเสี่ยวต่อการสะสมเชื้อรา ความอับชื้น หน้าสั้นเปรอะเปื้อน เปียกชื้นได้ง่าย ทำให้เกิดกลิ่นอับ ผิวแห้ง ขนสั้นหยาบ มีโอกาสนำไปสู่ผื่นแพ้คันการอักเสบ และ หูพับตก เกิดการอับชื้นได้ ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ที่เลี้ยงสุนัขปั๊กจึงจำเป็นที่จะต้องคอยดูแลทำความสะอาดพวกเขาเป็นอย่างดีไม่ให้บริเวณใบหน้าเปรอะเปื้อน เช็ดร่องผิวหนังให้แห้งหนังการอาบน้ำ ไปพบสัตวแพทย์เมื่อเห็นว่าผิวหนังมีการติดเชื้อนะคะ ซึ่งนอกจากกลิ่นตัวที่สุนัขปั๊กมีปัญหาแล้ว...จริงๆ ก็ยังมีกลิ่นตดอีกด้วนะคะ ผู้เลี้ยงควรระมัดระวังเรื่องการกิน ให้กินแต่พอประมาณ หลีกเลี่ยงอาหาร ขนมที่ย่อยยาก ฝึกให้กินอย่างช้าๆ เพื่อจะได้ไม่ทำให้เกิดก๊าซค่ะ    


 
5. บลัดฮาวนด์ (Bloodhound)

 
     บลัดฮาวนด์หนึ่งในสุนัขที่จมูกดีมากที่สุดในโลก พวกเขามีประสาทสัมผัสการดมกลิ่นที่ยอดเยี่ยม... เช่นเดียวกับกลิ่นตัวที่แรงยอดเยี่ยมไม่แพ้กันค่ะ เพราะพวกเขามีหูที่ใหญ่ยาว ไปจนถึงลำคอ ส่งผลให้เกิดกลิ่นตัวอับชื้นจากน้ำมันบนเส้นขนได้ง่าย มีโอกาสหูติดเชื้อสูง นอกจากนี้พวกเขายังมีใบหน้าที่ย่น ย้อย มีน้ำลายและเศษอาหารเลอะเขรอะอยู่รอบปาก ส่งให้เกิดกลิ่งหมักหมมสะสม ส่วนผิวหนังที่หน้าอกก็พับย่นเป็นร่องส่งผลให้เกิดการสะสมแบคทีเรียหรือ เชื้อราได้หากไม่เช็ดทำความสะอาดให้แห้งหลังอาบน้ำ ซึ่งสาเหตุต่างๆ นี้เองที่ทำให้พวกเขามีกลิ่นตัวแรง จึงเป็นหน้าที่ของผู้เลี้ยงที่จะคอยดูแลร่างกายของพวกเขาให้สบายอยู่เสมอนะคะ   


 
6. ยอร์คเชียร์ เทอร์เรียร์ (Yorkshire Terrier)
 

     ไม่น่าเชื่อว่าสุนัขตัวเล็กขนบางยาวอย่างยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย ก็ติดอันดับสุนัขมีกลิ่นตัวแรงกับเขาเหมือนกัน นั่นก็เพราะขนของยอร์คเชียร์ เทอร์เรียร์มีน้ำมันอยู่ค่อนข้างมาก มีขนบริเวณหูค่อนข้างมักจึงกักเก็บความชื้น เชื้อรา แบคทีเรียต่างๆ เช่นเดียวกับขนรอบปากที่ยาว สะสมสิ่งสกปรกได้ง่าย ผิวหนังค่อนข้างแพ้ง่าย จึงเกิดผดผื่น แผลอักเสบ อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่น เท่านั้นยังไม่พอ พวกเขามักมีโรคฟันผุเป็นโรคประจำสายพันธุ์ และมีต่อมก้นที่คอยส่งกลิ่นเฉพาะตัวเพื่อใช้ในการสื่อสารอีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่ยอร์คเชียร์ เทอร์เรียร์ตัวเล็กๆ จะมีกลิ่นแรงไม่น้อยหน้าใคร 


 
7. อิงลิช บูลด็อก (English Bulldog)

 
     อิงลิช บูลด็อก ต้องหมาหน้าสั้น ตัวย่น มักมีปัญหาผิวหนัง ที่ทำให้เกิดกลิ่นที่ขน หูพับตกสะสมแบคทีเรียและเชื้อราต่างๆ ได้ง่าย ผู้เลี้ยงจึงควรดูแลทำความสะอาดโดยการเช็ดขนให้แห้งหลังอาบน้ำ ทำความสะอาดหูเป็นประจำทุกสัปดาห์ ทำความสะอาดร่องผิวหนังที่ย่นเพื่อไม่ให้เกิดการหมักหมมของแบคทีเรียและเชื้อรา เพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดกลิ่นของพวกเขาให้เบาบางลงได้ค่ะ 


 
8. ชาเป่ย (Chinese Shar Pei)

 
  ชาเป่ยสุนัขตัวย่นทั้ง หูตก ผิวบอบบาง แห้ง แพ้ง่าย หน้าค่อนข้างสั้น เข้าข่ายทุกประเด็นไม่มีทางรอดว่าเป็น 1 ในสายพันธุ์สุนัขที่มีกลิ่นตัวแรง ผู้ที่คิดจะเลี้ยงต้องทำใจกับกลิ่นตัวที่จะซ่อนอยู่ตามร่องผิวหนังที่ยับย่น ซึ่งถ้าไม่ได้รับการดูแลอย่างดีก็จะยิ่งทวีกลิ่นตัวของพวกเขาให้แรงมากขึ้นค่ะ
 


9. บ็อกเซอร์ (Boxer)

 
     บ็อกเซอร์เป็นสุนัขที่ปกติมีกลิ่นตัวแรงอยู่แล้ว เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าเห็บมากๆ พวกเขามีขนที่สั้นก็จริง แต่มักมีปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง เกิดอาการแพ้ ตกสะเก็ด คันจนเป็นแผลอักเสบ หูอับชื้นมีกลิ่น มีเชื้อราเกิดขึ้นได้ง่ายถ้าไม่ทำความสะอาดเป็นอย่างดี นอกจากนี้พวกเขายังมีใบหน้าที่สั้นเล็กน้อย และย่น จึงเปรอะเปื้อนเศษอาหาร น้ำดื่ม ทำให้เกิดความอับชื้น นอกจากนี้พวกเขายังเป็นสุนัขที่ชอบตด ปล่อยกลิ่นออกมาคละคลุ้งผสมกลิ่นตัวอยู่เรื่อยๆ จนกลายเป็นกลิ่นประจำตัวนั่นเอง 


 
10. เซ็นต์ เบอร์นาร์ด (Saint Bernard)
 

     เซ็นต์ เบอร์นาร์ดน้ำลายยืดไหลเปรอะเปื้อนรอบปาก รอบขนหนาๆ บนหน้าอก  อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เจ้ายักษ์ใหญ่เซ็นต์ เบอร์นาร์ด นอกจากนี้ ยังมีปัญหาจากโรคผิวหนัง กลิ่นตด กลิ่นหู กลิ่นขนที่อับชื้น ยิ่งถ้าไม่อาบน้ำทำความสะอาด เป่าขนให้แห้งแล้วล่ะก็ เหม็นจนไม่อยากให้เข้าบ้านเลยค่ะ 

 
Dogilike.com :: 10 สายพันธุ์สุนัขที่มีกลิ่นตัวแรงมากที่สุด

 
      ปัญหากลิ่นตัวของน้องหมาเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ และอาจมีกลิ่นไปติดกับเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านได้อีกด้วย เช่น โซฟา ผ้าม่าน พรม ซึ่งอาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ระหว่างวันที่เราอาจจะต้องรับแขก โดยสามารถแก้ปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์ได้โดยใช้ผลิตภัณฑ์ขจัดกลิ่นบนผ้าอย่างแอมบิเพอร์ ที่มีให้เลือกถึง 3 สูตร ลองมองหาผลิตภัณฑ์นี้ได้จากแผนกผลิตภัณฑ์ซักผ้า เพื่อแก้ปัญหากลิ่นที่มาจากตัวของน้องหมาพร้อมทั้งคืนกลิ่นหอมสดชื่นให้กับบรรยากาศภายในห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่นในบ้านเพื่อให้เรากับน้องหมาอยู่ด้วยกันอย่างสบายใจ ไร้กลิ่นกวนใจได้อีกด้วยค่ะ 
 
     ส่วนเพื่อนๆ คนไหนสนใจเลี้ยงสุนัขมีกลิ่นตัวน้อยอาจลองหันมาเลี้ยงสุนัขบอสตัน เทอร์เรีย ไชนีส เครสเต็ด ดัลเมเชียน เยอรมัน พินเชอร์ ไบเซนจิ ไซบีเรียน ฮัสกี้ พุดเดิ้ล หรือ บิชอง ฟริเซ่ ดูก็ได้นะคะ แต่บอกไว้เลยนะคะว่า ถ้าไม่ดูแลความสะอาด ก็ไม่อาจเลี่ยงการเกิดกลิ่นของสุนัขเช่นกันค่ะ ^^   
 
 

บทความโดย : Dogilike.com