ทุกวันนี้มีกระแสดราม่า(เรื่องราว)หมา ๆ ให้เราได้ยินได้ฟังกันอยู่แทบจะทุกวัน ล่าสุดกับเรื่องราวการสูญเสียน้องหมาสุดรักของนางเอกสาวชื่อดัง "อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ" โดยคุณอั้มสูญเสีย "กัปตัน" น้องหมาพันธุ์ชิสุตัวโปรดที่เลี้ยงดูมาอย่างดีจนมีอายุถึง 17 ปี โดยขณะที่เจ้ากัปตันจากไป ในวันที่ 14 เม.ย. คุณอั้มอยู่ระหว่างการท่องเที่ยวที่ปารีส และเมื่อได้รับข่าวร้ายทำให้คุณอั้มตัดสินใจบินกลับเมืองไทยด่วนในวันที่ 15 เม.ย. เพื่อกลับมาจัดงานศพ

     ด้วยความรัก ความผูกพันที่คุณอั้มมีให้กับน้องหมาสุดรักที่เป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัวจึงทำให้การสูญเสียในครั้งนี้ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อคุณอั้มกลับถึงเมืองไทยจึงได้จัดพิธีศพให้กับน้องกัปตันเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งในพิธีศพได้มีการนิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีกรรมทางศาสนาให้กับน้องกัปตันด้วย ... ซึ่งเมื่อข่าวนี้ได้เผยแพร่ออกไปในโลกโซเชียล ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวดราม่า

     หลังจากภาพถูกเผยแพร่ออกไป เหล่าแฟนคลับของคุณอั้มต่างก็เข้ามาแสดงความเสียใจ ในขณะที่มีคนอีกกลุ่มหนึ่งแสดงความเห็นถึงการนิมนต์พระมาสวดศพให้กับน้องหมาว่า "เหมาะสมแล้วหรือที่จะให้พระมาสวดศพให้หมาเทียบเท่ากับสวดศพให้คน" รวมไปถึง "การจัดพิธีศพให้หมาแบบนี้เป็นการอวดร่ำอวดรวยฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็นเกินไปหรือเปล่า" หรือ "เวอร์เกินไปหรือเปล่าที่ต้องทำถึงขั้นบินกลับมาจากต่างประเทศเพื่อมาจัดงานศพให้หมา"

เมื่อชาวเน็ตเปิดประเด็นดราม่า ...

     เมื่อเกิดกระแสดราม่าด่าทอถึงสิ่งที่คุณอั้มทำให้น้องกัปตัน แน่นอนว่าเหล่าแฟนคลับของคุณอั้มและคนรักน้องหมา ต่างก็ออกมาแสดงความคิดเห็นคัดค้านและตำหนิกลุ่มคนที่ด่าว่าคุณอั้มในทางเสียหายว่า ถ้าหากไม่ใช่คนรักคนเลี้ยงน้องหมาจริง ๆ คงไม่เข้าใจถึงความผูกพันที่มีให้กับน้องหมาที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่สัตว์เลี้ยงแต่เป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัว นอกจากนี้ ในเรื่องของการนิมนต์พระมาสวดศพให้น้องหมานั้น ในหลายวัดก็มีบริการรับฌาปณกิจน้องหมา ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หากน้องหมาที่รักมากเสียชีวิตแล้วจะจัดพิธีกรรมทางศาสนาให้

กลุ่มคนรักน้องหมาออกมาตอบโต้ชาวเน็ตที่เปิดประเด็นดราม่า

     จากกระแสดราม่านี้ เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความคิดที่หลากหลายในมุมมองที่แตกต่างระหว่างกลุ่มคนที่รักและเลี้ยงน้องหมากับกลุ่มคนทั่วไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถตัดสินด้วยคำว่า "ถูก" หรือ "ผิด" ได้ เพราะเนื่องจากมองในมุมที่แตกต่างกัน

     สำหรับกลุ่มคนทั่วไปที่ไม่ได้มีความรู้สึกร่วมในการมีสัตว์เลี้ยง หรือชื่นชอบในการเลี้ยงน้องหมา อาจจะมองว่าการเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงเทียบเท่ากับคน เช่น พาไปนั่งรถท่องเที่ยว พักรีสอร์ทดี ๆ กินอาหารดี ๆ พาไปอาบน้ำเสริมสวยในร้านกรูมมิ่ง พาไปว่ายน้ำ หรือแม้กระทั่งเมื่อน้องหมาเสียชีวิตแล้วก็มีการจัดพิธีทางศาสนาให้ ฯลฯ เป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมายขนาดนี้เพื่อสัตว์เลี้ยง ค่าใช้จ่ายที่เสียไปกับกิจกรรมเหล่านี้น่าจะมีประโยชน์มากกว่าถ้านำไปทำอย่างอื่น ...

     ในขณะที่กลุ่มคนรักสัตว์ คนรักคนเลี้ยงน้องหมา กลับมีมุมมองที่ต่างออกไป เพราะคนกลุ่มนี้มองว่าสัตว์เลี้ยงหรือน้องหมาเปรียบเสมือนหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว เมื่อตัดสินใจเลี้ยงพวกเขาแล้วจะต้องให้ความรักและให้การดูแลเอาใจใส่อย่างเต็มที่ เรื่องของค่าใช้จ่ายต่าง ๆ นั้นจึงมีความสำคัญน้อยมากถ้าหากต้องแลกมาเพื่อสุขภาพที่ดี หรือความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รัก ถึงแม้บางครั้งจะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงก็เต็มใจที่จะจ่าย เพราะเขาเชื่อว่าการเลี้ยงดูที่ดีและการดูแลเอาใจใส่ให้ความรักอย่างเต็มที่นั้นจะทำให้สัตว์เลี้ยงมีความสุขและมีโอกาสที่จะอยู่กับเขาได้นานยิ่งขึ้น จนท้ายที่สุดแล้วเมื่อสัตว์เลี้ยงต้องจากไปเขาก็อยากที่จะทำให้สิ่งที่ดีที่สุดให้กับสัตว์เลี้ยงที่รักเป็นครั้งสุดท้าย

     เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่คนเราจะให้ความสำคัญในเรื่องที่แตกต่างกันไป 'สิ่งที่สำคัญและมีความหมายมากสำหรับคนหนึ่ง อาจไม่ใช่สิ่งสำคัญหรือมีความหมายอะไรกับอีกคนหนึ่งเลย' ... ดังนั้น กระแสดราม่าที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาตัดสินว่าสิ่งที่คุณอั้มทำนั้น ถูก หรือ ผิด ควร หรือ ไม่ควร เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงแค่สิ่งที่ดีที่สุดในโอกาสสุดท้าย ที่เจ้าของน้องหมาคนหนึ่งสามารถทำให้กับน้องหมาที่รักที่สุดและใช้ชีวิตร่วมกันอย่างผูกพันมากว่า 17 ปี ได้ก็เท่านั้น ...

คลิปบรรยากาศภายในงานศพน้องกัปตัน
 

บทความโดย: Dogilike.com
http://www.dogilike.com/

ภาพประกอบ :
แฟนเพจ ครอบครัวคนรักอั้ม
https://www.facebook.com/pages/ครอบครัวคนรักอั้ม/117045341664251