เพื่อน ๆ ชาว Dogilike ใครเป็นคอหนังบ้างคะ ... วันนี้มะเหมี่ยวมีภาพยนตร์ต่างประเทศที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับน้องหมามาแนะนำค่ะ ขอบอกว่าเด็ดมาก พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

     มะเหมี่ยวได้มีโอกาสดูตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง WHITE GOD เมื่อช่วงปลายปี 2014 ... โดยรู้ข้อมูลเบื้องต้นว่าเป็นภาพยนตร์สัญชาติฮังการี ของผู้กำกับที่มีชื่อว่า  กอร์เนล มุนดรักโซ (Kornél Mundruczó)  ที่มีดีกรีเป็นเจ้าของรางวัลยอดเยี่ยมในสาย Un Certain Regard (เป็นรางวัลหนังในสายผู้กำกับหน้าใหม่ ไปจนถึงหนังที่มีการเล่าเรื่องในรูปแบบที่แปลกใหม่) ของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมื่อคานส์ฝรั่งเศส ปี 2014

     ... ถึงแม้จะเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับน้องหมา แต่พอได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังเมืองคานส์มะเหมี่ยวก็แอบก็ปักธงเอาไว้ (ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ดูหนังแบบเต็มเรื่องเลย -_-) เลยว่า น่าจะไม่อิน เข้าไม่ถึง และอาจจะจับสาระอะไรจากหนังไม่ได้แน่ ๆ เพราะปกติแล้วหนังเมืองคานส์แต่ละเรื่องจะดูค่อนข้างยากและต้องดูแล้วตีความต่ออย่างซับซ้อน แต่พอได้ดูหนังแบบเต็ม ๆ ในรอบสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ที่ผ่านมา หนังกลับดูง่ายกว่าที่คิด มีการนำเสนอเรื่องราวแบบตรงไปตรงมา และเสียดสี "คน" และ "สังคม" ได้แสบสุด ๆ ไปเลยทีเดียว
 
     ก่อนอื่นขอพูดถึงประเด็นของชื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ที่มีความน่าสนใจมาก "WHITE GOD" ที่คนที่ยังไม่ได้ดูหนังแบบเต็ม ๆ ตั้งคำถามว่ามีความเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องยังไง ... กอร์เนล มุนดรักโซ เคยให้สัมภาษณ์ถึงความตั้งใจของการสร้างเรื่องนี้ว่า เขาต้องการสื่อถึงระบบชนชั้นวรรณะในสังคม การมีอภิสิทธิ์เหนือกว่าในเรื่องของชาติพันธุ์ เรื่องสีผิว คนชายขอบ คนกลุ่มน้อย ที่ไม่ได้รับความเท่าเทียม โดยใช้สุนัขเป็นสัญลักษณ์หรือตัวแทนในการเล่าเรื่องถึงการถูกกระทำอย่างโหดร้ายและทารุณ ดังนั้น คำว่า "WHITE GOD" น่าจะสื่อความหมายถึง คำเสียดสีถึงการเหยียดสีผิวโดยตั้งคำถามว่า "พระเจ้านั้นตัวขาวใช่ไหม" คนผิวสีจึงโดนกดขี่จากคนผิวขาวตลอดมาตั้งแต่ในอดีต นั่นเอง ...
 

เมื่อหมาปิดเมือง 'ล่า' มนุษย์

     WHITE GOD เป็นภาพยนตร์ที่พูดถึงเรื่องราวความผูกพันของ ลิลี่ เด็กหญิงที่อยู่ในช่วงวัยรุ่น กับ ฮาเกน น้องหมาพันธุ์ผสม ชีวิตของลิลี่มีฮาเกนอยู่เคียงข้างตลอดเวลา จนวันหนึ่งด้วยความจำเป็นบางอย่างลิลี่ต้องย้ายไปอยู่กับพ่อโดยพาฮาเกนไปอยู่ด้วย พ่อของลิลี่นั้นไม่เต็มใจที่จะต้อนรับฮาเกน ซ้ำร้ายลิลี่ยังโดนบังคับให้นำฮาเกนไปปล่อยเพราะ ฮาเกนเป็นน้องหมาพันธุ์ผสมไม่ใช้พันธุ์แท้ ถ้ายังเลี้ยงไว้อยู่ตามกฏหมายของประเทศฮังการีจะต้องโดนเก็บภาษีในราคาที่สูงมาก และถึงแม้ว่าลิลี่จะต่อต้านพ่อยังไงก็ตาม ในที่สุดพ่อของเธอก็จัดการโยนฮาเกนทิ้งไว้ข้างถนนอย่างไม่ไยดี โดยลิลี่ที่อยู่ในสภาพหัวใจแตกสลายให้สัญญากับตัวเองว่าจะต้องกลับมารับฮาเกนกลับบ้านให้ได้

     ในวันต่อมาลิลี่ก็ได้ออกตามหาฮาเกนทั้งด้วยความเป็นห่วงและโกรธแค้นพ่อ ในขณะเดียวกันนั้น ฮาเกนเองก็พยายามหาทางกลับบ้านเพื่อไปหาลิลี่ให้ได้เช่นกัน ... ซึ่งในช่วงเวลาที่ฮาเกนหาทางกลับบ้านนี้ เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่บีบคั้นอารมณ์ของคนดูมากที่สุด (ทำเอามะเหมี่ยวร้องไห้ขี้มูกโป่งเลยทีเดียว T T) เพราะหากเป็นในหนังน้องหมาฟิลกู๊ดทั่วไปการเดินทางกลับบ้านของน้องหมาที่พลัดพรากกับเจ้าของนั้นจะต้องเต็มไปด้วยเรื่องราาวชวนซึ้งใจในความพยายามและความซื่อสัตย์ของน้องหมา แต่สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับฮาเกนนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว ฮาเกนต้องเผชิญความโหดร้ายมากมายจาก 'มนุษย์' ต้องหนีการจับตัวของเจ้าหน้าที่รัฐที่คอยไล่จับหมาจรจัด ต้องเจอกับขอทานแก่หน้าซื่อใจคดที่หวังผลประโยชน์จากความซื่อสัตย์ของฮาเกน และสิ่งที่พรากเอาความศรัทธาในตัวมนุษย์ไปจากฮาเกนอย่างสิ้นเชิงก็คือ การที่เขาถูกมนุษย์เปลี่ยนสัญชาตญาณในการเพื่อนเป็นที่แสนดีของมนุษย์ให้เป็นสัตว์ที่โหดร้าย พร้อมที่จะพรากชีวิตของใครต่อใครได้ทุกเมื่อ!!!!!

     แน่นอนล่ะว่า เมื่อฮาเกนถูกหลอกลวง และถูกมนุษย์ทรยศต่อความไว้เนื้อเชื่อใจที่เขามีให้ ความโหดร้ายที่มนุษย์ทำก็เป็นเหมือนแรงผลักดันให้ฮาเกน (และเหล่าหมาจรจัดทั้งหลาย) ก่อการปฏิวัติ และปฏิบัติการล่าทุกคนที่ทำร้ายร่างกายและจิตใจของเขา ... นั่นอาจจะรวมไปถึงลิลี่ด้วย!!!!

     ขอเล่าให้ฟังแค่นี้ก่อนนะคะ เพราะถ้าเล่ามากกว่านี้ก็จะเป็นการสปอยล์กันจนหมดสนุก ...

 

คนรักหมาห้ามพลาด คนไม่รักหมายิ่งห้ามพลาดเข้าไปใหญ่!!!

     ในมุมมองของ Dogilike ถ้าเรามองในฐานะคนรักน้องหมาที่อยู่ในสังคมที่มีน้องหมาพันทางที่เห็นกันได้ตามท้องถนนทั่วไป ภาพยนตร์เรื่องนี้ช่วยให้เรามองเห็นถึงสภาวะจิตใจของต้องหมาพันทางที่หลายคนให้คุณค่าแตกต่างไปจากน้องหมาพันธุ์แท้ การถูกทิ้งขว้างอย่างไร้ค่า บางตัวเคยมีเจ้าาของแต่กลับถูกนำมาปล่อยทิ้งไว้จนกลายเป็นน้องหมาจรจัด การถูกทำร้ายทารุณ การน้องหมาแต่ละตัวพยายามหาทางเอาตัวรอดจากสภาวะกดดันต่าง ๆ มากมาย และสภาพชีวิตที่ต้องอยู่ในสถานพักพิงสัตว์ที่ไม่สามารถให้ความอบอุ่นได้เท่าครอบครัว WHITE GOD ได้สะท้อนภาพของน้องหมาที่น่าสงสารเหล่านี้ออกมาได้อย่างชัดเจนตรงไปตรงมา พร้อมกับตั้งคำถามว่า ในเมื่อพวกเขามีชีวิตที่ถูกตีค่าว่าไม่มีความสำคัญและเป็นส่วนเกินของสังคม จะถูกทำร้ายทารุณอย่างไรก็ได้ จะผิดไหมหากวันหนึ่งพวกเขาจะทรยศต่อคำว่า "เพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์" และหันกลับมาเอาคืนบ้าง

 

เกร็ดน่ารู้การถ่ายทำ

     ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง WHITE GOD ต้องกำกับสุนัขพันทางจากสถานสงเคราะห์ถึง 250 ตัวในเมืองบูดาเปสต์ เมืองหลวงของฮังการี  โดยมีเทเรซ่า มิเลอร์ (Teresa Miller) ครูผึกสุนัขชาวอเมริกาเป็นผู้ดูแลกำลังฝึกสุนัขที่แสดงนำ ก่อนหน้านี้เทเรซ่าเคยฝึกน้องหมาให้ในภาพยนตร์เรื่อง K-9 และพ่อของเธอคือครูฝึกสุนัขที่เคยทำงานฝึกน้องหมาให้กับภาพยนตร์เรื่อง บีโทเฟ่น และ เรื่อง เบ๊บ นั่นเอง  ส่วนฝูงน้องหมาบุกเมืองมี อาร์พาด ฮาเลชซ์ ( Árpád Halász) เป็นผู้ฝึก ส่วนน้องหมาที่แสดงเป็นฮาเก้น เป็นน้องหมาพี่น้อง 2 ตัวคือ ลุค (Luke) และ บอดี้ (Body) ทั้งคู่เป็นน้องหมาที่รับมากจากเว็บอุปการะสุนัขในอินเตอร์เนตในสหรัฐอเมริกาเมื่อพวกเขาอายุได้เพียง 9 เดือน ทั้ง 2 ตัวเป็นน้องหมาพันธุ์ผสมลาบราดอร์ และ ชาเป่ย (มีพันธุ์อื่น ๆ ผสมด้วยอีกนิด ๆ หน่อย ๆ ) หลังจากที่ภาพยนตร์เข้าฉาย น้องหมาจากสถานสงเคราะห์ที่ได้แสดงในเรื่องนี้ต่างก็โชคดีมีผู้อุปการะไปอยุ่ในครอบครัวที่อบอุ่นครบทุกตัว ส่วน ลุคกับบอดี้ก็ไปอยู่กับเทเรซ่าที่อเมริกา
 

เกร็ดกฏหมายเกี่ยวกับสุนัขฮังการี

     ในภาพยนตร์เรื่อง WHITE GOD มีการพูดถึงกฏระเบียบในช่วงต้นเรื่องว่า ถ้าสุนัขไม่มีเพดดิรี ไม่ได้เป็นสุนัขพันธุ์แท้ผู้เลี้ยงจะต้องเสียงค่าทำเนียบและขึ้นทะเบียนสุนัข (ซึ่งค่าธรรมเนียมน่าจะค่อนข้างสูงเพราะตัวละครพ่อยื้อที่จะไม่ยอมรับผิดชอบจ่ายจนต้องปล่อยสุนัขไว้ข้างทาง) แต่สำหรับกฏหมายเกี่ยวกับการเลี้ยงและคุ้มครองสุนัขจริง ๆ  ในประเทศฮังการี จะมีดังนี้นะคะ  

     สุนัขทุกตัวเมื่อมีอายุ 3 เดือนจะต้องขึ้นทะเบียนตามกฏหมายและต้องได้รับการฝังไมโครชิป ถ่ายพยาธิ และต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นปประจำทุกปี และสำหรับสุนัขสายพันธุ์อันตราย อย่างเช่น อเมริกันพิทบูลเทอร์เรีย หรือสุนัขพันธุ์ผสมอเมริกันพิทบูลเทอร์เรีย เป็นสุนัขที่ไม่ให้มีการนำเข้าหรือผสมพันธุ์ในประเทศฮังการี แต่สำหรับผู้ที่มีในครอบครองจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข ดังนี้

     1) เจ้าของจะต้องมีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป และไม่มีประวัติอาชญากรรม
     2) สุนัขจะต้องมีไมโครชิป
     3) เจ้าของจะต้องทำป้ายเตือนสุนัขอันตรายแขวนไว้ที่ประตูหน้าบ้านของเจ้าของสุนัข     
     4) สุนัขจะต้องมีตะกร้อครอบปากกันสุนัขกัดตลอดเวลาเมื่ออยู่ด้านนอกบ้าน

     - สุนัขจะต้องได้รับการดูแลอย่างดี พาไปออกกำลังกาย ที่อยู่อาศัยสะอาด  ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วน  ไม่เช่นนั้นจะถือว่าผิดกฏหมายคุ้มครองสัตว์
     - มีการเข้มงวดอย่างมากในการคัดเลือกสายพันธุ์ที่จะเลี้ยง และให้ความรู้แก่ผู้เลี้ยง เพื่อลดจำนวนสุนัขที่ไม่ต้องการ
     - มีองค์กรไม่แสวงผลกำไรใน บูดาเปสต์ เรียกว่า “Budadogs ” ก่อตั้งขึ้นโดยนักศึกษาสัตวแพทย์ชาวนอร์เวย์ เพื่อช่วยหาบ้านให้แก่น้องหมาไร้บ้านในเมืองบูดาเปสต์ไปสู่บ้านใหม่ที่นอร์เวย์ ซึ่งใน  5 ปีช่วยได้ 480 ตัว

     ‘Everything terrible is something that needs our love’ สิ่งที่ดุร้ายคือสิ่งที่ต้องการความรัก ... ไม่มีสิ่งใดที่ร้ายมาตั้งแต่กำเนิด ทุกสิ่งล้วนเลวร้ายจากการบ่มเพาะด้วยความเกลียดชัง และความรักเท่านั้นที่เยียวยาความร้ายกาจนั้นได้ นี่คือสิ่งที่เราได้รับหลังจากการดูภาพยนตร์เรื่องนี้จบ ทำให้เราต้องกลับมามองย้อนดูตัวเองว่าการที่น้องหมาเราก้าวร้าวนั้น อาจเป็นเพราะพวกเขาถูกทำร้ายมาก่อนหรือไม่ น้องหมาที่ถูกทอดทิ้งเร่ร่อนอยู่ข้างทางต้องเผชิญสิ่งใดบ้าง และมีความเจ็บปวดอย่างไร แล้วมีวิธีไหนที่เราจะสามารถช่วยเยียวยาความเจ็บปวดนั้นได้บ้าง?

     สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจอยากชมกันแบบเต็ม ๆ ติดตามกันได้วันที่ 15 ตุลาคมนี้เลยค่ะ สามารถเช็กรอบฉายและโรงภาพยนตร์ที่เข้าฉายได้ที่ www.facebook.com/HALfilm เลยค่ะ ห้ามพลาดนะคะ ขอบอก!!

 

ภาพประกอบ :
http://christandpopculture.com/seeing-and-believing-podcast-white-god-top-5-movies-2015/
http://www.close-upfilm.com/2015/08/white-god-15-home-ents-review/
http://www.theguardian.com/film/white-god
http://www.hollywoodreporter.com/review/white-god-feher-isten-cannes-705224