โดย: เว็บมาสเตอร์มะเหมี่ยว

จะเป็นยังไงเมื่อ ปั๊กสุดหล่อขอโกอินเตอร์ นั่งเครื่องบินไปนอร์เวย์

เปิดประสบการณ์เดินทางบนเครื่องบนครั้งแรกของน้องพะโล้ นั่งเครื่องบินรวดเดียว 17 ชั่วโมง จะเป็นยังไงบ้างไปติดตามกันค่ะ

24 พฤษภาคม 2559 · · อ่าน (17,334)
702

SHARES


702 shares

Dogilike.com :: จะเป็นยังไงเมื่อ ปั๊กสุดหล่อขอโกอินเตอร์ นั่งเครื่องบินไปนอร์เวย์


"อยากพาน้องหมาไปต่างประเทศ อยากรู้ว่าต้องทำยังไงบ้างคะ"

"มีสายการบินไหนไหนให้พาน้องหมาเดินทางไปด้วยได้บ้าง"

"จำเป็นต้องพาน้องหมาขึ้นเครื่อง ต้องเตรียมตัวอะไรบ้างคะ"


     ... คำถามนี้เป็นคำถามที่ถูกถามเข้ามาบ่อยมาก ๆ เพราะการพาน้องหมาเดินทางโดยเครื่องบินยังค่อนข้างเป็นเรื่องใหม่สำหรับผู้เลี้ยงน้องหมาในบ้านเรา ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักจะพาน้องหมาเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเกือบ 100% แต่ในการประเทศการพาน้องหมาขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางภายในประเทศนั้นเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก ๆ

     ส่วนตัวมะเหมี่ยวเองก็ยังไม่เคยพาน้องหมาเดินทางด้วยเครื่องบินเลยสักครั้ง ยอมรับว่ายังมีความกังวลหลายอย่าง ไหนจะเรื่องความปลอดภัย ความดันอากาศในคาร์โก้จะเป็นยังไง อากาศจะร้อนไหมน้องหมาจะอยู่ได้รึเปล่า ... ไหนจะเรื่องความรู้สึกน้องหมาอีกล่ะ เขาจะกลัวไหมนะถ้าไม่เห็นเจ้าของ เวลาเครื่องเทคออฟต้องตกใจมากแน่ๆ แล้วถ้าน้องหมาอึฉี่ล่ะจะทำยังไง ... นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องการเตรียมตัวนะคะ ไม่รู้เลยว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหนก่อนดี จะวางแผนยังไง สำหรับน้องหมาต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ... OMG!!! พอค่ะพอ เก็บกระเป๋าโยนขึ้นหลังรถขับวนไปค่ะ ง่ายกว่าเดินทางโดยเครื่องบินเยอะเลย!!

     ด้วยความที่คิดแบบนี้มาตลอดก็เลยไม่ได้พาน้องหมาเดินทางโดยเครื่องบินสักที และมะเหมี่ยวก็เชื่อค่ะว่า ไม่ใช่แค่มะเหมี่ยวคนเดียวที่คิดแบบนี้ ยังมีคนเลี้้ยงน้องหมาอีกหลายคนที่มีความกังวลเช่นนี้เหมือนกัน ... แต่ถ้าจำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศโดยที่ต้องพาน้องหมาไปด้วยจริง ๆ เราก็คงหลีกเลี่ยงการเดินทางโดยเครื่องบินไม่ได้ใช่ไหมล่ะคะ ถ้าอย่างนั้นก็คงถึงเวลาที่เราจะต้องมาหาข้อมูลกันแบบเจาะลึกแล้วล่ะค่ะว่าจะพาน้องหมาขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศต้องทำยังไงบ้าง และแน่นอนค่ะว่าคงไม่มีข้อมูลที่ไหนจะดีไปกว่าผู้ที่มีประสบการณ์พาน้องหมาเดินทางข้ามประเทศมาเล่าให้เราฟังแล้วล่ะค่ะ


Dogilike.com :: จะเป็นยังไงเมื่อ ปั๊กสุดหล่อขอโกอินเตอร์ นั่งเครื่องบินไปนอร์เวย์


     วันนี้ Dogilike จะพาทุกคนไปฟัง "คุณนาฏ" เล่าถึงประสบการณ์ในการพา "น้องพะโล้" น้องหมาปั๊กลูกรักเดินทางจากประเทศไทยไปยังประเทศนอร์เวย์โดยพะโล้ต้องนั่งเครื่องบินนานถึง 17 ชั่วโมงเลยทีเดียว ที่สำคัญนี่คือการเดินทางไกลครั้งแรกของพะโล้ด้วย!!! ... มาดูกว่าจะได้เดินทางต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง และระหว่างการเดินทางพะโล้ต้องเจอกับอะไรบ้าง ไปติดตามกันเลยค่ะ
 

Dogilike.com :: จะเป็นยังไงเมื่อ ปั๊กสุดหล่อขอโกอินเตอร์ นั่งเครื่องบินไปนอร์เวย์


เว็บมาสเตอร์เหมี่ยว :
     สวัสดีค่ะคุณนาฏ ดีใจจังที่ได้มีโอกาสได้มาคุยกัน แนะนำตัวให้เพื่อน ๆ ชาว Dogilike รู้จักกันหน่อยค่ะ

คุณนาฏแม่น้องพะโล้ :
     สวัสดีค่ะชื่อ ฑิฆัมพร คงจิตงาม เรียกว่า "นาฏ" ก็ได้ค่ะ แฟนชื่อ รูเน่อ ค่ะ เป็นชาวนอร์เวย์ ส่วนลูกหน้าดำของเราชื่อ พะโล้ เป็นเพศผู้ค่ะ อายุ 1 ขวบ 2 เดือน ดีใจเช่นกันค่ะที่ได้มีโอกาสมาเล่าเรื่องของเราให้เพื่อน ๆ Dogilike ฟัง ตื่นเต้นมากเลย


Dogilike.com :: จะเป็นยังไงเมื่อ ปั๊กสุดหล่อขอโกอินเตอร์ นั่งเครื่องบินไปนอร์เวย์


เว็บมาสเตอร์เหมี่ยว :
     เล่าถึงจุดเริ่มต้นให้ฟังหน่อยได้ไหมคะว่า อะไรที่ทำให้คุณนาฏตัดสินใจพาน้องพะโล้เดินทางไปนอร์เวย์

คุณนาฏแม่น้องพะโล้ :
     มันเป็นเรื่องของจังหวะชีวิตน่ะค่ะ พอดีคุยปรึกษากับแฟนว่าอนาคตเราจะอยู่ไหนกันดี จะย้ายไปอยู่นอร์เวย์หรือจะอยู่ไทยกันต่อไป พอดีว่าอยู่เชียงใหม่กันมา 4 ปีกว่าแล้วค่ะ และนึกถึงอนาคตเรื่องลูกและพะโล้ด้วย พอตกลงกันว่าจะย้ายกลับไปนอร์เวย์ แฟนก็เริ่มไปหาข้อมูลกฎระเบียบการนำเข้าสุนัขที่นั่นเลยค่ะ อีกทั้งการเดินทางที่สะดวกและง่ายที่สุดก็คือทางเครื่องบินค่ะ ซึ่งสำหรับแถวสแกนดิเนเวียนและแถบยุโรป การนำสุนัขขึ้นเครื่องบินเป็นเรื่องปกติ เค้าเดินทางกันเยอะค่ะ ในสนามบินที่ออสโล สุนัขเดินในสนามบินได้เลยนะคะ


Dogilike.com :: จะเป็นยังไงเมื่อ ปั๊กสุดหล่อขอโกอินเตอร์ นั่งเครื่องบินไปนอร์เวย์


ว็บมาสเตอร์เหมี่ยว :
     พอตัดสินใจว่าจะต้องพาน้องพะโล้ไปนอร์เวย์ด้วยแน่ๆ คุณนาฏเริ่มต้นวางแผนยังไงคะ ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยสิ

คุณนาฏแม่น้องพะโล้ :
     นาฏเริ่มต้นจากการหาข้อมูลก่อนเลยค่ะว่าประเทศที่เราจะพาสุนัขไปอยู่นั้นเค้ามีกฎระเบียบอะไรบ้าง ในส่วนของนาฎกับแฟนก็ไปหาข้อมูลเลยค่ะว่าจะต้องทำอย่างไรบ้างตามกฎระเบียบการนำสุนัขเข้าประเทศนอร์เวย์  โดยที่นี่เค้าจะเน้นเรื่อง
     1. ฝังไมโครชิฟ ที่จะต้องทำก่อนการตรวจเลือด และจะมีใบรับรองด้วยค่ะว่าน้องไมโครชิฟเลขอะไร ได้รับการฝังวันไหนค่ะ
     2. ตรวจเลือดพิษสุนัขบ้า (Rabies antibody titre) โดยการตรวจเลือดไม่ใช่แค่ส่งแลปที่ไหนก็ได้ ต้องเป็นแลปที่เค้ายอมรับด้วย ซึ่งเค้าก็มีรายชื่อแลป 2 ที่ที่เค้ายอมรับ พอดีว่าได้ใช้บริการฝังไมโครชิฟและตรวจเลือดพิษสุนัขบ้ากับโรงพยาบาลทองหล่อ สาขาเชียงใหม่ ซึ่งเค้าก็ส่งเลือดไปยังแลปที่มีรายชื่อดังกล่าวค่ะ ซึ่งต้องรอผลเลือดประมาณ 30-45 วันค่ะ
     3. หลังจากได้รับผลเลือดแล้ว จะต้องผ่านตามที่เค้ากำหนดด้วย ผลเลือดต้องเกิน 0.5 IU/ml ค่ะ พะโล้ได้ผลเลือด 1.73 IU/ml เลยผ่านมาได้แบบเฉียดฉิว ซึ่งถ้าไม่ผ่านเหมือนทิ้งเงินเลยนะค่ะ ราคาไม่ได้ถูกๆ ด้วย และก็ต้องฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าใหม่และรออีกประมาณ 1 เดือนเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันจึงสามารถเจาะเลือดส่งแลปใหม่อีกรอบ ซึ่งต้องชำระเงินใหม่อีกรอบค่ะ  และพอผลเลือดผ่าน เค้าจะมีวันที่แจ้งในเอกสารที่เค้าออกให้  เราก็นับไปค่ะว่าต้องอยู่ไทยอีกอย่างน้อย  90 วัน จึงจะสามารถเดินทางออกนอกประเทศไทยได้
     4. เรื่องการกินยาถ่ายพยาธิตัวตืดค่ะ (ที่นอร์เวย์อันนี้จะเน้นมาก ต้องกินภายใน  24 ชม.- 120 ชม. จนมาถึงที่นอร์เวย์ค่ะ) และคุณหมอต้องเขียนยี่ห้อ วันเวลาการกินในเอกสารด้วยค่ะ
     5. เรื่องใบรับรองสุขภาพ สมุดฉีดวัคซีนต่าง ๆ จากโรงพยาบาลต้องเตรียมให้พร้อมค่ะ
     6. เรื่องเอกสารการนำสัตว์ส่งออกนอกประเทศไทย พอดีนาฏอยู่เชียงใหม่ สามารถไปติดต่อด่านกักกันที่นั่นได้เลย ก็ไปติดต่อเรื่องเอกสารล่วงหน้าไว้ประมาณ 10 วันค่ะ
     7. นอกจากนี้เราก็ต้องเตรียมตัว ฝึกเค้านอนในบ็อกกลางคืน เอาของเล่นใส่เข้าไป ให้เค้าไปคาบมาเล่น หรือเข้าไปนอนเล่นเอง ให้เค้ารู้สึกว่าปลอดภัยมากขึ้นที่จะอยู่ไหนนั้น แต่ปกติที่บ้านเวลาจะไปเที่ยวข้างนอก ไปต่างจังหวัดจะให้เข้านั่งในบ็อกและวางหลังรถอยู่แล้ว เค้าจะนั่งในนั้นมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ได้พึ่งมาหัดช่วงสั้น ๆ ซึ่งคิดว่าเค้าน่าจะชินและรู้สึกปลอดภัย


Dogilike.com :: จะเป็นยังไงเมื่อ ปั๊กสุดหล่อขอโกอินเตอร์ นั่งเครื่องบินไปนอร์เวย์


เว็บมาสเตอร์เหมี่ยว :
     แล้วการเลือกสายการบินล่ะคะ ต้องวางแผนยังไง ดูเหมือนนี่จะเป็นปัญหาที่หลายคนกังวลมาก ๆ

คุณนาฏแม่น้องพะโล้ :
     ใช้เวลาวางแผนนานมากกกกก (กอ ไก่ล้านตัวได้มั้งคะ 555) ก่อนอื่นคือเราเช็กก่อนว่ามีสายการบินไหนที่บินตรงจากรุงเทพฯ ไปลงที่ออสโล ประเทศนอร์เวย์เลยบ้าง ซึ่งในบ้านเราก็จะมี 2 สายการบินคือ การบินไทยกับ Norwegian ซึ่ง Norwegian เค้าจะไม่รับสุนัขบินไฟล์ทไกล ๆ ขนาดนี้ เค้าจะรับแถวสแกนดิเนเวียน และยุโรปค่ะ ส่วนสาเหตุที่เราต้องเลือกไฟล์ทตรงไปลงออสโล เพราะว่าหากมีปัญหาอะไรติดขัดเรื่องเอกสาร หรืออะไรที่ไม่พร้อมและพะโล้ต้องถูกกักตัวที่นั่น อย่างน้อยมันก็ยังอยู่ในนอร์เวย์ค่ะ เราไปเยี่ยมเค้าได้ ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่ได้อยากให้มีปัญหาแบบนั้นเกิดขึ้น แต่เราก็ต้องคิดล่วงหน้าไว้ก่อนเพราะถ้าไปลงที่ประเทศอื่น มันจะลำบากที่จะไปหาเค้า ยุ่งยากไปกันใหญ่ค่ะ ... พอเงื่อนไขเป็นแบบนี้ การบินไทยก็คือคำตอบที่ดีที่สุดของเราค่ะ ตัดสินใจไม่ยาก ส่วนค่าใช้จ่ายในการโหลดพะโล้ใต้เครื่องบินจากไทยไปออสโล เค้าจะคิดเป็นเรทน้ำหนัก ช่วงน้ำหนัก 10-20 กิโลกรัม เค้าจะคิด 450 ดอลล่าร์ค่ะ ส่วนไฟล์ทภายในประเทศกับสายการบิน SAS เค้าคิดประมาณ  400 โครน(เงินนอร์เวย์) ในตอนจองตั๋วเครื่องบิน จะจองออนไลน์ไม่ได้ค่ะ เราจะต้องไปจองที่เคาเตอร์ ซึ่งเค้าจะเช็คให้ว่าไฟล์ทนี้สามารถนำสุนัขเดินทางไปได้ด้วยไหม เพราะไฟล์ทนึงเค้าจะจำกัดพื้นที่ไว้สำหรับ 1-2 ตัวเท่านั้น และบางไฟล์ทลำเล็กก็นำไปไม่ได้ค่ะ ต้องแจ้งขนาดของบ็อกและน้ำหนักสุนัขและบ็อกไว้ให้เค้าด้วยค่ะ นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่เค้าจะถามเรื่องเลขไมโครชิพ ผลเลือดพิษสุนัขบ้า และแจ้งเรื่องเอกสารคร่าว ๆ ที่เราจะต้องไม่ลืมค่ะตรงนี้สำคัญมากต้องจำให้ดีเลยนะคะ


Dogilike.com :: จะเป็นยังไงเมื่อ ปั๊กสุดหล่อขอโกอินเตอร์ นั่งเครื่องบินไปนอร์เวย์


เว็บมาสเตอร์เหมี่ยว :
     ทีนี้มาเล่าเรื่องการเตรียมตัวดูแลสุขภาพก่อนเดินทางดีกว่าค่ะว่า ก่อนจะพาพะโล้โกอินเตอร์ได้ ต้องดูแลอะไรยังไงบ้าง

คุณนาฏแม่น้องพะโล้ :
    
เรื่องสุขภาพ ช่วง 90 วันที่จะต้องอยู่ไทยหลังจากผลเลือดผ่าน จะระวังอย่างมากไม่ให้เค้าป่วยหนักเป็นอันขาด ต้องระวังทั้งเรื่องอุบัติเหตุ เรื่องเห็บ หมัด อากาศร้อน ๆ บ้านเรา หรือเรื่องอื่น ๆ ที่จะส่งผลหนัก ๆ ค่ะ จะระวังเป็นพิเศษเรื่องออกกำลังกายสร้างความแข็งแรง ปกติที่บ้านจะพาพะโล้ไปเดินเข้าห้องน้ำที่สวนในหมู่บ้านและวิ่งออกกำลังกายเบา ๆ เป็นประจำทุกวันเช้า-เย็น อยู่แล้ว ช่วยทำให้เค้าแอคทีฟ ปอดแข็งแรงค่ะ ... ส่วนในวันเดินทางจะให้อาหารเค้าเร็วขึ้นค่ะ ปกติจะให้ 9 โมงเช้ากับ 1 ทุ่ม โดยตอนเช้าก็ให้เร็วหน่อยสัก 8 โมงเช้า โดยจะให้ปริมาณอาหารปกติ พอช่วงบ่าย 3 โมงจะให้เค้าอีกมื้อแต่จะให้ปริมาณอาหารแค่ครึ่งเดียว เพราะต้องไปสนามบินประมาณ 18.30 ค่ะ จะต้องให้เค้าย่อย เข้าห้องน้ำ ขับถ่ายให้เรียบร้อยก่อนขึ้นเครื่องค่ะ
 

Dogilike.com :: จะเป็นยังไงเมื่อ ปั๊กสุดหล่อขอโกอินเตอร์ นั่งเครื่องบินไปนอร์เวย์


เว็บมาสเตอร์เหมี่ยว :
     นอกจากเรื่องของการวางแผนการเดินทาง เลือกสายการบิน แล้วก็การเตรียมตัวเรื่องสุขภาพแล้ว มีอะไรที่ต้องเตรียมเป็นพิเศษอีกไหมคะ

คุณนาฏแม่น้องพะโล้ :
     เดี๋ยวนาฏจะบรีฟให้นะคะ ลิสเอาไว้เป็นข้อ ๆ เลย เพื่อน ๆ จะได้เตรียมตัวได้ง่าย ๆ ตามขั้นตอนที่นาฏแนะนำค่ะ
     1. หาข้อมูลกฎระเบียบประเทศที่จะพาไปก่อนค่ะ จากนั้นเราก็ทำตามกฎที่เค้าบอกให้ครบถ้วน เราจะรีบไม่ได้ค่ะ ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือนเลย กว่าทุกขั้นตอนจะครบถ้วน ซึ่งจะต้องวางแผนยาว ๆ ให้ดีเลย และจะยุ่งยากไปอีกเพราะนาฏก็ต้องวางแผนเรื่องวีซ่าของตัวเองด้วย จะต้องได้ผลวีซ่าระยะเวลาพอ ๆ กับของพะโล้ ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนค่ะ ราบรื่นไปได้ด้วยดี
     2. ฝึกการอยู่ในบ็อกค่ะต้องให้เค้ารู้สึกปลอดภัยและเคยชินที่จะอยู่ในนั้นนาน ๆ ค่ะ เพราะไฟล์ทตั้งแต่จากเชียงใหม่ วันที่ 10 พ.ค. ตอน 20.30 กว่าจะได้ออกมาคือวันที่ 11 พ.ค. เวลา 13.00 (ตามเวลาในไทย) ถึงที่ออสโลซึ่งเค้าอยู่ในบ็อกนั่นไม่ได้ออกมาเลยไม่ต่ำกว่า 17 ชม. กว่าจะได้ออกมาได้ก็ต้องได้รับการตรวจเอกสารว่าถูกต้องครบถ้วนไหมจากสัตวแพทย์ที่สนามบินออสโลก่อนด้วยค่ะ พอทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ก็นำพะโล้ออกมาได้ พาเค้าไปเข้าห้องน้ำ ยืดเส้นยืดสายนิดหน่อย ก่อนที่จะพาไปเช็คอินขึ้นเครื่องลำที่ 3 ไปบ้านแฟนที่เมืองสตาวังเงร์โดยสารการบิน SAS ใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 1 ชม.ค่ะ
     3. การเลือกซื้อบ็อกก็ต้องแข็งแรงเหมาะกับการเดินทาง และต้องเหมาะสมกับขนาดของน้องด้วย พอดีแฟนไปหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตในการวัดขนาดตัวกับขนาดบ็อกด้วยค่ะว่าเหมาะสมไหม ที่บ้านเราเค้าไม่ค่อยเคร่งเรื่องนี้ แต่พอดีมีไฟร้ต่อจากออสโลไปบ้านแฟนที่สตาวังเงร์ด้วย โดยสายการบิน SAS ที่นี่เค้าจะเคร่งหน่อยค่ะ ถ้าเล็กเกินไปเค้าจะไม่อนุญาติให้นำสุนัขไปเลยค่ะ พะโล้นั่งเครื่องครั้งแรกในชีวิตก็ขึ้นเครื่อง 3 ลำเลยค่ะ ก็ไม่มีปัญหาเลย พอเจอกันเค้าก็ดีใจ ไม่หงอยเหงา ไม่ซึมอะไรเลย พลังเทอร์โบเหลือล้นทั้งวันเลยค่ะ จนถึงกลางคืน เพราะไฟล์ทถึงที่ออสโลช่วงเช้าประมาณ 7 โมงกว่าค่ะ

Dogilike.com :: จะเป็นยังไงเมื่อ ปั๊กสุดหล่อขอโกอินเตอร์ นั่งเครื่องบินไปนอร์เวย์

     4. การเตรียมตัวของน้องกับบ็อกเดินทาง แฟนไปหาคลิปมาค่ะ
          - ต้องปูแผ่นรองฉี่ไว้ภายในบ็อกค่ะจะได้ไม่เลอะเทอะถ้าน้องปวดฉี่
          - แขวนชามอาหารและขวดน้ำที่ใส่ภายในกรงไว้ค่ะ
          - แขวนถุงอาหารไว้กับบ็อกค่ะ พอถึงปลายทางเจ้าหน้าที่จะเอาให้น้องหมากินค่ะ
          - ใส่ปลอกคอให้น้องหมาพร้อมป้ายชื่อ
          - นาฏจะเขียนโน๊ตใส่ไปในถุงอาหารด้วยค่ะ ว่าน้องเป็นยังไง ไม่ดุ ชอบเล่นมาก และเค้าไม่ชอบอากาศร้อนๆ ได้โปรดวางเค้าในที่ที่มีอากาศเย็นสบายค่ะ ปั๊กเค้าจะมีปัญหาเรื่องอากาศร้อน หายใจลำบากอยู่แล้ว เราต้องระวังอย่างมากตอนที่ยังไม่ได้ออกไทยค่ะ เพราะถ้ามาที่นี่อากาศร้อนไม่มีปัญหาเลย
          - การปิดประตูบ็อก จะใช้สายเคเบิลที่รัดสายไฟนั่นอะค่ะ ที่ไม่สามารถดึงออกได้ นอกจากจะตัดออก พอดีว่าแฟนจะเจาะรูเหนือประตูตรงบ็อกไว้ เพื่อจะได้ใช้สายเคเบิลรัดระหว่างประตูกับตัวบ็อก เพื่อป้องกันประตูเปิดเองโดยบังเอิญ และป้องกันสุนัขสูญหายค่ะด้วยค่ะ
          - ใส่เสื้อผ้าให้เค้า จะได้ไม่หนาว ของเล่นโปรดของเค้า และเสื้อตัวนึงที่มีกลิ่นเราค่ะ แฟนไปอ่านเจอมาว่าเค้าจะได้ไม่รู้สึกกังวลหรือกลัว เพราะว่ามีกลิ่นเจ้าของอยู่ในบ็อกกับเค้าค่ะ ซึ่งก็ได้ผลนะค่ะกับที่นอนใหม่เค้าที่นี่ด้วย ตอนแรกเค้าคงจะแปลกที่ไม่อยากนอนที่นอนใหม่ที่บ้าน อยากจะมานอนกับเรา พอเอาเสื้อตัวนั้นมาให้ เค้าก็หลับสบาย ไม่มากวนเลยค่ะ


Dogilike.com :: จะเป็นยังไงเมื่อ ปั๊กสุดหล่อขอโกอินเตอร์ นั่งเครื่องบินไปนอร์เวย์


เว็บมาสเตอร์เหมี่ยว :
    
วางแผนรัดกุมมาก ๆ เลยนะคะเนี่ย ทีนี้มาพูดถึงเรื่องความรู้สึกกันบ้างดีกว่า กังวลบ้างไหมคะที่ต้องพาน้องพะโล้เดินทางครั้งแรกไกลขนาดนี้

คุณนาฏแม่น้องพะโล้ :
     ก็มีกังวลแน่นอนค่ะ จะถามพนักงานที่เกทว่าเค้าโหลดน้องแล้วใช่ไหม ไม่ลืมตกหล่นน้อง เพราะน้องต้องไปไฟร้เดียวกับเรา กลัวเค้าจะมีปัญหาเรื่องอากาศหายใจ จะแจ้งกับพนักงานบนเครื่องบินให้เน้นย้ำกับกัปตันอีกครั้งว่าไม่ลืมน้องหมาของเรานะค่ะ ไม่ลืมที่จะปรับเรื่องอุณหภูมิและอากาศที่เหมาะสมกับเค้า  และก็กลัวเค้าจะเสียงดังตอนเครื่องเทคออฟกับแลนดิ้งด้วย ก็ภาวนาให้เค้าปลอดภัย ไม่ช็อคตกใจหรือเป็นอะไรไปค่ะ


Dogilike.com :: จะเป็นยังไงเมื่อ ปั๊กสุดหล่อขอโกอินเตอร์ นั่งเครื่องบินไปนอร์เวย์
Dogilike.com :: จะเป็นยังไงเมื่อ ปั๊กสุดหล่อขอโกอินเตอร์ นั่งเครื่องบินไปนอร์เวย์
 

เว็บมาสเตอร์เหมี่ยว :
    
ถึงช่วงที่ตื่นเต้นมากที่สุดแล้ว เล่าเหตุการณ์วันเดินทางจริงให้ฟังหน่อยสิคะ เป็นยังไงบ้าง

คุณนาฏแม่น้องพะโล้ :
     วันที่เดินทางก็วุ่นวายเตรียมตัวเหมือนกันค่ะ ต้องไปเช็คอินก่อนปกตินิดนึงด้วย เพราะต้องชั่งน้ำหนักน้องพร้อมชำระเงิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลานานมากในตรงนั้น ซึ่งถ้าเราไปช้าอาจส่งผลตอนขึ้นเครื่องได้ค่ะ พอเราเช็คอินเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลา บอร์ดดิ้งที่เค้าเตอร์จะปิด เค้าจะให้น้องหมาเราไปเดินเล่น เข้าห้องน้ำก่อนก็ได้ และเค้าจะนัดเวลาให้มาส่งน้องค่ะ ซึ่งตอนที่เอาน้องไปส่ง ก็มีเจ้าหน้าที่มารับและไปพร้อมกับสายพานกระเป๋าค่ะ ในตอนนั้นแฟนบอกว่า เราจะต้องห้ามทำเสียงเศร้า ห้ามแสดงว่าเรากังกวลให้เค้าเห็นเป็นอันขาด เพราะเค้าจะรับรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้น ก็เลยบอกเค้าแค่ว่าพรุ่งนี้เจอกันนะครับ ทำเสียงปกติ และคุยสอบถามเจ้าหน้าที่ค่ะ ก็ยากนะที่จะไม่กังวลแต่เราต้องทำแบบนั้นเพื่อเค้าด้วย ตอนที่เครื่องเทคออฟและแลนดิ้งก็ภาวนาให้เค้าอย่าเป็นอะไรไปเลย พอไปถึงที่สุวรรณภูมิ เจอเจ้าหน้าที่ที่เกทก็สอบถามเค้า ให้เค้าติดต่อพนักงานขนสัมภาระว่าน้องเป็นอย่างไรบ้าง ถ้ามีอะไรฉุกเฉินก็แจ้งได้เลย และน้องพร้อมโหลดขึ้นเครื่องไหม ไม่ลืมน้องค่ะ ตลอดเวลาบนไฟล์ทไปออสโลตรงยาวกว่า 11 ชม. ก็ภาวนาให้เค้านอนหลับสบาย ไม่กังวล ตกใจช็อคค่ะ และพอได้เจอกันที่สนามบินออสโล ก็พาเค้าไปที่จุดตรวจของสัตว์เลี้ยง จะมีสัตวแพทย์ประจำสนามบินมาตรวจเอกสารค่ะ และได้รับเอกสารยืนยันว่าโอเค ไม่มีปัญหา ก็สามารถนำพะโล้ออกมาจากโซนตรวจและนำเค้าออกมาจากบ็อกได้ค่ะ ซึ่งเค้าก็ดีใจเป็นอย่างมาก ไม่ได้หงอยเหงาหรือซึมอะไรเลย


Dogilike.com :: จะเป็นยังไงเมื่อ ปั๊กสุดหล่อขอโกอินเตอร์ นั่งเครื่องบินไปนอร์เวย์
Dogilike.com :: จะเป็นยังไงเมื่อ ปั๊กสุดหล่อขอโกอินเตอร์ นั่งเครื่องบินไปนอร์เวย์


เว็บมาสเตอร์เหมี่ยว :
     เดินทางถึงที่หมายแล้ว พะโล้เป็นยังไงบ้างคะ

คุณนาฏแม่น้องพะโล้ :
     ตอนแรกก็กังวลว่าเค้าจะหงอย ซึม แต่เปล่าเลย ทุกอย่างปกติดี เค้าร่าเริง ดีใจเป็นอย่างมาก มาถึงบ้านก็มีงีบหลับ พอช่วงบ่ายแก่ ๆ ครอบครัวแฟนมาต้อนรับเป็น 10 คน เค้าก็ดีใจทักทายทุกคน เล่นกับเด็ก ๆ ร่าเริงปกติทุกอย่าง ตกกลางคืนก็ง่วงนอนเหนื่อยปกติ กินได้ปกติ เช้ามาก็ตื่นปกติค่ะ เรายังประหลาดใจกันเลยค่ะ


Dogilike.com :: จะเป็นยังไงเมื่อ ปั๊กสุดหล่อขอโกอินเตอร์ นั่งเครื่องบินไปนอร์เวย์


เว็บมาสเตอร์เหมี่ยว :
     สุดยอดเลยค่ะ! ในฐานะที่มีประสบการณ์ในการพาน้องหมาเดินทางไกลขนาดนี้ มีอะไรจะแนะนำเพื่อน ๆ ที่มีแผนจะเดินทางข้ามทวีปบ้างคะ

คุณนาฏแม่น้องพะโล้ :
     ต้องเตรียมตัวให้พร้อมค่ะ ตามรายละเอียดด้านบนเลย นาฏแจ้งไว้อย่างละเอียดเลย อยากฝากคนที่มีน้องหมา เมื่อต้องย้ายที่อยู่  มีลูกน้อยคนใหม่ หรือว่าจะเรื่องใดก็ตาม ได้โปรดอย่าทิ้งเค้าเลยค่ะ ทุกอย่างย่อมมีทางออก เค้าก็คือส่วนหนึ่งในครอบครัวเหมือนกัน นาฏกับแฟนไม่เคยคิดทิ้งเค้าให้อยู่ไทยเลยแม้จะย้ายมาอยู่ไกลถึงขนาดนี้ ทิ้งเค้าไม่ลงจริง ๆ ค่ะ เราเตรียมตัว วางแผนทุกอย่าง อ่านเยอะมาก เพื่อที่จะไม่ให้มีปัญหาสำหรับเค้า เพราะว่าเราสองคนรักเค้ามากจริง ๆ ค่ะ เราสามารถทำทุกอย่างให้เค้าได้ค่ะ นาฏได้ทำเพจส่วนตัวให้น้องไว้เผื่อท่านใดที่ชอบน้องพะโล้และการใช้ชีวิตที่ต่างจากเมืองไทย และวิวสวย ๆ ที่นั่น สามารถติดตามน้องได้ที่ www.facebook.com/palogointer ขอบคุณมากค่ะ


Dogilike.com :: จะเป็นยังไงเมื่อ ปั๊กสุดหล่อขอโกอินเตอร์ นั่งเครื่องบินไปนอร์เวย์

Dogilike.com :: จะเป็นยังไงเมื่อ ปั๊กสุดหล่อขอโกอินเตอร์ นั่งเครื่องบินไปนอร์เวย์

Dogilike.com :: จะเป็นยังไงเมื่อ ปั๊กสุดหล่อขอโกอินเตอร์ นั่งเครื่องบินไปนอร์เวย์


     ต้องชื่นชมคุณนาฏและคุณรูเน่อมาก ๆ เลยนะคะ ที่ใส่ใจกับรายละเอียดในการเดินทางของน้องพะโล้เป็นอย่างดี แถมยังมีการวางแผนที่เป็นขั้นตอนก็เลยทำให้การเดินทางครั้งนี้ราบรื่น พะโล้ได้โกอินเตอร์แบบปลอดภัยหายห่วงกลายเป็นน้องหมาปั๊กสุดหล่อประจำเมืองสตาวังเงร์ไปแล้ว ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนคิดว่าอยากพาน้องหมาเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศล่ะก็ ลองนำคำแนะนำจากประสบการณ์ของคุณนาฏไปปรับใช้ดูนะคะ มะเหมี่ยวว่าจะช่วยให้เรามีแนวทางในการวางแผนพาน้องหมาเดินทางได้รัดกุมรอบคอบยิ่งขึ้นค่ะ และการวางแผนที่ดีนี่ล่ะค่ะที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่าง ๆ ที่เรากังวัลได้ แล้วทีนี้การพาน้องหมาขึ้นเครื่องบินก็จะไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอีกต่อไปค่ะ ^^



 

บทความโดย: Dogilike.com
http://www.dogilike.com/

ขอบขอบคุณ ประสบการณ์จากคุณนาฏแม่น้องพะโล้ เจ้าของแฟนเพจ www.facebook.com/palogointer ค่ะ