โดย: Tonvet
4 สิ่งที่คนเลี้ยงเฟรนช์บูลด็อกจะต้องเจอ
คิดจะเลี้ยงสุนัขพันธุ์เฟรนช์บูลด็อก ควรต้องเตรียมใจไว้ก่อน มาดูกันดีกว่าว่า จะต้องเจอกับอะไรบ้าง...
7 พฤศจิกายน 2559 · · อ่าน (294,797)
เชื่อว่าสุนัขพันธุ์ เฟรนช์บูลด็อก (French bulldog) คงเป็นหนึ่งในสุนัขที่ใครหลายคนในที่นี้ ต่างก็ใฝ่ฝันอยากจะมีเลี้ยงเอาไว้ที่บ้านสักตัว คิดดูสิ..สุนัขอะไรจะมีรูปร่างกลม ๆ ป้อม ๆ ขาสั้น ๆ หน้าแบน ๆ ใบหูโตตั้งอย่างกับค้างคาว เวลาเดินสะโพกก็จะส่ายไปมา มันช่างน่ารักชะมัดเลยว่าไหม ใครที่ไหนก็ต้องหลงรักเป็นธรรมดาใช่ไหมล่ะ
ปี ค.ศ. 1880 ปารีส เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมของชาวอเมริกาผู้มั่งคั่ง และเมื่อมีข่าวสุนัขพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น ต่างก็ต้องการอยากจะไปดูด้วยตาตนเอง และสิ่งที่พวกเขาได้พบ คือ สุนัขพันธุ์ เฟรนช์ บูลด็อก สุนัขพันธุ์นี้มาจากอังกฤษ ความจริงอเมริกามีอิทธิพลในการเลือกเพาะพันธุ์นี้ขึ้นมาให้มีลักษณะอย่าง เฟรนช์ บูลด็อก ในปัจจุบันได้รับการยอมรับที่สามารถให้พัฒนาให้มีหัวอย่างมาสตีฟ ขากรรไกรเป็นรูปสี่เหลี่ยม ลำตัวกะทัดรัด และที่สำคัญคือ ที่ใบหูเหมือนค้างคาวอย่างที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้
เฟรนช์ บูลด็อก เป็นสุนัขพันธุ์เล็กน้ำหนักไม่เกิน 28 ปอนด์ หน้าเหมือนบูลด็อกทั่วไป แต่มีความเป็นมิตรชอบทำตัวเป็นเจ้าของบ้านมากกว่าเป็นผู้อารักขา พร้อมที่เป็นมิตรกับคนแปลกหน้าเสมอไม่ว่าจะเป็นคนแก่ เด็ก แมว และสัตว์อื่น ๆ มีนิสัยขี้เล่น ร่าเริ รักเด็ก มีขนาดใกล้เคียงกับปั๊ก (Pug) และ บอสตัน เทอร์เรีย (Boston Terrier)
แต่เพื่อน ๆ รู้ไหมครับ ว่าภายใต้ความน่ารักอย่างนี้ กลับมีอะไรมากมายซ่อนอยู่ วันนี้ผมจะพาเพื่อน ๆ ไปดูกันว่า สิ่งที่คนเลี้ยงสุนัขพันธุ์เฟรนช์บูลด็อกสามารถประสบพบเจอได้นั้น มีอะไรกันบ้าง...
1. ชอบนอนกรน
ใครที่คิดจะเลี้ยงสุนัขพันธุ์เฟรนช์บูลด็อก ต้องทำใจไว้อย่างหนึ่งเลยครับ คือปัญหา "นอนกรน" ยิ่งหากเลี้ยงน้องหมาไว้ร่วมห้องเดียวกัน เวลาที่น้องหมานอน เราอาจจะได้ยินเสียงกรนดังลั่นห้องกันเลยทีเดียว หลายคนอาจคิดว่า การที่น้องหมานอนกรนเป็นเรื่องน่ารัก แต่จริง ๆ แล้วการนอนกรนจัดเป็นความผิดปกติอย่างหนึ่งเลยครับ เรามักจะพบบ่อยในสุนัขที่เป็นโรคกลุ่มอาการสุนัขพันธุ์หน้าสั้น แล้วเจ้าหมาเฟรนช์บูลด็อกก็จัดเป็นหนึ่งในนั้น บางตัวมีปัญหาเรื่องระบบการหายใจติดตัวมาแต่กำเนิด มีเพดานอ่อนยื่นยาว มีท่อลมมีขนาดเล็กแต่กำเนิด เวลาหายใจก็จะหายใจเสียงดัง เหนื่อยง่าย ออกกำลังกายได้ไม่นาน ยิ่งหากตัวไหนมีน้ำหนักมากหรืออ้วนร่วมด้วยแล้ว ก็ยิ่งมักจะนอนกรนให้เห็นได้ง่ายและรุนแรงกว่า เพื่อน ๆ ที่คิดจะเลี้ยสุนัขพันธุ์นี้หรือมีน้องหมาพันธุ์นี้ที่บ้านนอนกรนอยู่ ก็อยากให้พาไปพบคุณหมอเพื่อตรวจร่างกายและขอคำแนะนำสักหน่อยนะครับ อย่ามัวแต่ถ่ายคลิป แล้วเอามาโชว์อย่างเดียวล่ะ...ว่าแต่!! ดู ๆ ไปก็แอบขำเหมือนกันนะ
2. ไม่ค่อยทนสภาพอากาศร้อน
ด้วยความที่เฟรนช์บูลด็อกเป็นสุนัขที่มีหน้าสั้น บางตัวอาจมีปัญหารูจมูกตีบแคบ คือ เราจะเห็นว่า ที่ปลายจมูกหรือปีกจมูกนั้นเกิดการตีบแคบ ทำให้การหายใจทำได้ไม่สะดวก เวลาอยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนมาก ๆ ก็มักจะหอบหรืออ้าปากหายใจ ทำให้ไม่ทนต่อสภาพอากาศที่ร้อนได้นาน บางตัวมีปัญหาอื่น ๆ เช่น อ้วน ท่อลมตีบแคบ มีเพดานอ่อนของช่องปากยื่นยาว ฯลฯ ร่วมด้วย ก็ยิ่งทำให้น้องหมามีปัญหาเรื่องการหายใจเข้าไปอีก คนที่เลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้จึงจำเป็นต้องเลี้ยงในที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่พาไปออกกำลังกายหนัก ๆ ในวันที่มีอากาศร้อน หรืออยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้เกิด ภาวะลมแดด หรือ ฮีทสโตรก (Heat stroke) จนทำให้ร่างกายมีอุณภูมิสูงเกินไป ยิ่งถ้าหากอุณหภูมิร่างกายสุนัขสูงเกินกว่า 106 องศาฟาเรนไฮท์ อาจทำให้สุนัขถึงแก่ความตายได้เลยครับ
3. ช่างเจรจา
สมัยก่อนคนโบราณจะมีสำนวนเปรียบเปรยคนที่ช่างเจรจา คนที่พูดเก่งหรือพูดไม่ยอมหยุดว่า "พูดเป็นนกแก้วนกขุนทอง" เพราะสัตว์เลี้ยงทั้งสองชนิดนี้เป็นที่รู้กันดีว่า มักจะมีพฤติกรรมชอบเลียนเสียงคน ใครเลี้ยงก็มักจะนำมาฝึกให้พูดตาม พอพูดได้ก็พูดไม่ยอมหยุดจนเป็นที่มาของสำนวนดังกล่าว แต่เชื่อได้เลยครับว่า ถ้าคนสมัยนั้นได้รู้จักกับเฟรนช์บูลด็อกแล้วก็ คงได้เปลี่ยนสำนวนเป็น "พูดเป็นเฟรนช์บูลด็อก" แน่ ๆ เพราะน้องหมาพันธุ์นี้มีนิสัยพูดเก่งมาก ไม่ว่าเจ้าของจะคุยอะไรกัน ก็ต้องมีเจ้าเฟรนช์บูลด็อกพูดแทรกขึ้นมาทุกที บางตัวเจ้าของร้องเพลงอยู่หรือที่เปิดเพลงทิ้งไว้ นางก็ร้องตามได้เฉยเลย บางตัวไม่ต้องฝึก สามารถพูดหรือร้องตามได้เอง บางตัวก็เถียงเก่งด้วยนะ เจ้าของพูดคำ เจ้าเฟรนบลูด็อกก็เถียงคำเอากับมันสิ แต่อย่าถามเลยนะครับว่าพูดอะไรมา อันนี้ก็ไม่เข้าใจที่นางพูดออกมาเหมือนกัน ก็มีเจ้าของบางคนที่เห็นในความสามารถของน้องหมาเฟรนช์บูลด็อกว่าพูดเก่ง จัดแจงสอนให้พูดตามภาษาคนไปเลยก็มี ทั้งหมดนี้ผมไม่ได้กล่าวเกินจริงนะครับ หากไม่เชื่อ..เพื่อน ๆ ลองค้นหาคำว่า "French bulldog talking" กันดูได้ ว่าแล้วเราไปดูน้องเฟรนช์บูลด็อกพูดกันเลยครับ..
4. มักมีปัญหาคลอดยาก
เฟรนช์บูลด็อกขึ้นชื่อนักขึ้นชื่อหนาเรื่องที่มักมีปัญหาคลอดยาก อาจเป็นเพราะได้รับอานิสงฆ์มาจากสุนัขพันธุ์อิงลิชบลูด็อกที่มีอยู่ในสายเลือดแต่อดีต ด้วยโครงสร้างของตัวลูกที่มีขนาดหัวโต ประกอบกันตัวแม่สุนัขเฟรนช์บูลด็อกบางตัวอาจมีเชิงกรานแคบ ทำให้ไม่สามารถคลอดลูกได้เองตามธรรมชาติ จำเป็นจะต้องผ่าคลอดช่วยเอาลูก ๆ ออกมา ใครก็ตามที่เตรียมจะสร้างครอบครัวให้กับเจ้าเฟรนช์บูลด็อก อาจต้องพาสุนัขที่กำลังตั้งท้องไปตรวจกับคุณหมอ เพื่อประเมินความเสี่ยงภาวะคลอดยากดังกล่าว โดยอาจจะพาไปถ่ายภาพรังสี (เอ็กซเรย์) ดูเมื่อสุนัขมีอายุการตั้งท้องได้ 42-45 วัน ถ้าคุณหมอแจ้งว่า มีความเสี่ยงที่จะคลอดยาก ก็คงต้องจองคิวเตรียมตัวผ่าคลอดเอาไว้ได้เลยครับ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงสุนัขพันธุ์เฟรนช์บูลด็อกจะต้องพบเจอได้อย่างแน่นอน ซึ่งจะเจอมากเจอน้อยก็แล้วแต่บุญพาวาสนาส่ง เอาเป็นว่าอยากให้ทุกคนทำใจยอมรับกันไว้บ้าง บางอย่างก็ถือเป็นความผิดปกติที่ติดตัวมาแต่กำเนิด เป็นข้อจำกัดในสุนัขแต่ละพันธุ์ที่ต้องมี สุนัขพันธุ์เฟรนช์บูลด็อกก็เช่นกัน อะไรที่เราพอจะช่วยแก้ไขได้ ก็อยากให้ช่วยทำกันไป เพราะการเลี้ยงสุนัขด้วยคามเข้าใจ เป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงทุกคนควรกระทำครับ
www.dogilike.com/breeds/26/
hookedinamsterdam.wordpress.com/2008/07/21/pregnant-mama/
www.frenchbulldogbreed.net/french-bulldog/french-bulldog-hot-weather.html
คลิปวีดิโอ :
www.youtube.com/watch?v=06rCpqwkcDw
SHARES