อย่างที่เราทราบกันดีว่าในยุคที่ผู้คนใช้ชีวิตในโลกไซเบอร์พอ ๆ กันใช้ชีวิตอยู่ในโลกของความเป็นจริง การเลือกสินค้าต่าง ๆ ในโลกออนไลน์สามารถทำได้ง่ายมาก ๆ ไม่เว้นแม้กระการซื้อสัตว์เลี้ยง ซึ่งสามารถซื้อได้จากเว็บไซต์ต่างๆ บอร์ดสัตว์เลี้ยง แฟนเพจเฟสบุ๊ค และอินสตาแกรม และถึงแม้ว่าเราจะตรวจเช็คความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์หรือฟาร์มน้องหมาดีแล้ว (สามารถอ่าน ข้อควรระวังและการเลือกซื้อน้องหมาผ่านอินเทอร์เน็ต ได้ที่นี่) แต่นั่นก็ยังไม่สามารถการันตีได้ว่าคุณจะได้น้องหมาที่มีสุขภาพแข็งแรงจริง ๆ

     วันนี้ Dogilike จึงมีวิธีในการตรวจเช็คสุขภาพลูกหมาตัวใหม่ก่อนพากลับบ้านมาฝากค่ะ ไปดูกันดีกว่าค่ะว่าต้องระวังเรื่องอะไรบ้าง

 

ในวันนัดรับลูกหมา ให้นัดรับที่ฟาร์มหรือบ้านของเจ้าของเดิมเพื่อเช็กลักษณะการเลี้ยงน้องหมา

     เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะใช้ในการเช็กได้ว่าลูกหมาของเราจะมีสุขภาพดีหรือไม่ การสำรวจตรวจดูลักษณะการเลี้ยงของเจ้าของเดิมจะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการเลี้ยงลูกหมาว่ามากน้อยแค่ไหน มีการจัดสัดส่วนที่อยู่อาศัยของสุนัขเป็นระเบียบเรียบร้อยหรือไม่ ดูแลทำความสะอาดบริเวณคอก กรง เบาะนอนของน้องหมาเป็นประจำหรือเปล่า และที่สำคัญคือ เราต้องตรวจสอบดูด้วยว่า บ้านที่เราจะซื้อลูกสุนัขนั้นคล้ายกับโรงงานผลิตลูกสุนัขหรือ Puppy mills ไหม (อ่านบทความ รู้จักไหม? Puppy mills โรงงานนรกผลิตลูกสุนัข!! ได้ที่นี่) เพราะการสังเกตในส่วนนี้จะทำให้เราสามารถประเมินและมั่นใจได้ว่า ลูกหมาถูกเลี้ยงดูและเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่สะอาดและดี ซึ่งจะส่งผลให้ลูกหมาแข็งแรง มีสุขภาพจิตที่ดีนั่นเองค่ะ
 

ขอสมุดประวัติการฉีดวัคซีน

     ก่อนจะพาลูกหมากลับบ้าน สิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ การถามหาประวัติการฉีดวัคซีนของลูกหมาว่า ลูกหมาเคยได้รับการฉีดวัคซีนและการถ่ายพยาธิมาบ้างแล้วหรือเปล่า หรือยังขาดการฉีดวัคซีนอะไรอยู่บ้าง และอย่าลืมขอใบประวัติการฉีดวัคซีนและถ่ายพยาธิมาจากเจ้าของลูกหมาเพื่อที่เวลาเราพาลูกหมากลับบ้านจะได้ง่ายต่อการดูแลสุขภาพ และเพื่อให้สัตวแพทย์ตรวจเช็คและจัดโปรแกรมการทำวัคซีนให้กับลูกสุนัขในอนาคตต่อไปได้ค่ะ

 

ตรวจสอบใบเพดดิกรี

      ในกรณีที่น้องหมามีใบเพดดิกรี ใบเพ็ดดิกรีของลูกหมาที่จะสามารถบอกถึงบรรพบุรุษ (พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ทวด) ซึ่งแสดงจะถึงคุณภาพของลูกหมา ที่ได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ทำให้เราทราบถึงลักษณะเด่น ด้อย มาจากบรรพบุรุษได้โดยละเอียด รวมไปถึงโรคต่างพันธุกรรมต่าง ๆ ที่อาจถูกถ่ายทอดมาทางสายเลือดด้วยและยังได้รู้ว่า ลูกหมาที่เรากำลังจะซื้อเกิดจากากรผสมแบบใด (ผสมสายเลือดชิด การผสมในสายเลือด หรือการผสมข้ามสายเลือด) เพื่อง่ายต่อการคัดเลือกการผสมพันธุ์ของลูกหมาในอนาคต  (อ่านบทความ ชวนคนรักสุนัข มารู้จักใบเพ็ดดีกรีให้มากขึ้น)


     และนอกเหนือจากการเช็กจากข้อมูลในข้างต้นแล้ว ยังสามารถเช็กได้วิธีการดูสุขภาพน้องหมาเบื้องต้นดังนี้ค่ะ
 

วิธีตรวจสุขภาพลูกหมาด้วยการ “สังเกต”    

     1. สังเกตภาพรวมของลูกหมา ... ถ้าหากลูกหมาป่วยเรามักจะสังเกตพบว่า จะมีอาการซึม ไม่ร่าเริง ไม่วิ่งเล่นหรือทำกิจกรรม
     2. สังเกตอวัยวะของลูกหมา ...  ให้สังเกตไปตามแต่ละอวัยวะ ลูกหมาผอมหรืออ้วน ผิวหนังและขนของลูกหมาเป็นอย่างไร มีบาดแผล มีการบวมตรงไหนบ้าง มีเห็บ มีหมัดหรือไม่ ลูกหมามักเป็นโรคไรขี้เรื้อนเปียกแบบเฉพาะที่ ซึ่งจะมีอาการขนร่วงเป็นหย่อม ๆ ที่บริเวณใบหน้า หัว รอบ ร่วมกับ มีเม็ดตุ่ม มีตุ่มหนอง อาจพบสะเก็ดรังแค เกิดคราบสะเก็ดแห้งกรัง ร่วมด้วยได้ ให้เราไล่ดูผิวหนังให้ทั่วทั้งร่างกายเลยนะคะ
     3. สังเกตดวงตา จมูก หู และช่องปาก ... ลูกหมาที่ป่วยจะมีขี้ตาเกรอะกรัง ตาขาวแดง เยื่อบุตาบวมแดง กระจกตาขุ่น อาจพบแผลหลุมที่ตาดำ บางตัวหรี่ตา มีน้ำตาไหลมาก ตาแฉะ ตาโปน ฯลฯ โดยให้ลองสังเกตเทียบความผิดปกติกับดวงตาอีกข้างหนึ่งของลูกหมาก็ได้ค่ะ แล้วก็ไล่ดูอวัยวะต่าง ๆ ทั้งจมูก หู ช่องปาก จมูกของลูกหมาที่ปกติจะต้องไม่แห้ง ไม่มีน้ำมูกแฉะ ไม่มีเลือดกำเดาไหล ไม่หายใจแรง อาจมีความชื้นบ้างเล็กน้อย เพราะน้องจะระบายความร้อนโดยการหายใจ ให้ลองเปิดปากลูกหมาดู เพื่อสังเกตช่องปากและฟัน
     4. สังเกตการเคลื่อนไหวของลูกสุนัข ... ลูกหมาพันธุ์ใหญ่มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับการเจริญของกระดูกผิดปกติ เนื่องจากมีการเจริญเติบโตที่รวดเร็ว หากมีความผิดปกติจะเดินยกขา วางน้ำหนักลงเท้าไม่สมบูรณ์ เดินเซ เดินวน เดินเอียง เดินชนสิ่งของ ไม่ลุก ลุกลำบาก ทรงตัวไม่อยู่ หรือขาอ่อนแรง ซึ่งอาจมีความผิดปกติทางระบบประสาทร่วมด้วยได้ในบางกรณีค่ะ

 

วิธีตรวจสุขภาพลูกหมาด้วยการ “ดม”  

     กลิ่นปาก กลิ่นตัว หรือแม้แต่กลิ่นหู สามารถบอกความผิดปกติของลูกหมาได้นะคะได้ น้องหมาที่เป็นโรคช่องหูอักเสบหรือโรคผิวหนังอักเสบจากการติดเชื้อยีสต์หรือแบคทีเรียจะมีกลิ่นตัวหรือกลิ่นหูรุนแรงเฉพาะ ส่วนกลิ่นปากจะเกิดจากการหมักหมมของเศษอาหาร คราบน้ำลาย อาจเป็นสาเหตุของโรคปริทนต์ตามมาได้เช่นกัน

 

วิธีตรวจสุขภาพลูกหมาด้วยการ “ฟัง”    

     ถ้าน้องหมามีเสียงไอ เสียงจาม นั่นคือสัญญาณถึงความเจ็บป่วยในระบบทางเดินหายใจ ลักษณะของเสียงไอก็ใช้แยกโรคบางโรคได้เช่นกัน เช่น หากสุนัขไอเสียงแบบก้องกังวานคล้ายเสียงห่านร้อง อาจบ่งบอกถึงความเสี่ยงของการเป็นโรคหลอดลมตีบแคบได้ (ชมคลิปที่ https://youtu.be/jeBomm7kGuw) เสียงกรนขณะหายใจ หรือหายใจเสียงดัง อาจบ่งบอกว่ามีอะไรไปขัดขวางทางเดินหายใจ หรือในกรณีที่ลูกหมาอ้วนอาจส่งผลต่อการหายใจทำให้หายใจเสียงดังได้ จำเป็นต้องลดน้ำหนัก ลูกหมาที่มีปัญหาที่กล่องเสียง หรือเพดานอ่อนยื่นยาว ส่งผลให้เกิดเสียงหายใจผิดปกติได้เช่นกัน นอกจากนี้เสียงร้องคราง อาจบ่งบอกถึงความเจ็บปวดได้ ส่วนใหญ่สาเหตุของความเจ็บปวดในลูกสุนัขมักเกิดจากอุบัติเหตุ หรือได้รับพิษจากสัตว์หรือแมลงค่ะ
 
 

วิธีตรวจสุขภาพลูกหมาด้วยการ “จับ”    

     เราสามารถใช้การสัมผัสอย่างการลูบคลำในการเช็กความผิดปกติของร่างกายลูกหมาได้ค่ะ ความผิดปกติภายนอกอาจบ่งบอกถึงความผิดปกติภายในร่างกายได้ เช่น ถ้าต่อมน้ำเหลืองโต เราสามารถคลำพบได้ การที่ต่อมน้ำเหลืองโต บ่งบอกถึงการอักเสบและติดเชื้อของร่างกายได้ ฯลฯ ลูกหมาที่เป็นฝีที่ผิวหนัง ก็สามารถคลำพบลักษณะจะเป็นก้อนได้เช่นกัน นอกจากนี้เราสามารถตรวจวัดชีพจร โดยใช้นิ้วมือกดไปยังบริเวณโคนขาหนีบด้านในของขาหลัง ตรงกลางร่องขาหนีบด้านใน เราจะสัมผัสสัญญาณชีพจรได้ ชีพจรลูกสุนัขปกติจะเท่ากับ 80-160 ครั้งต่อนาที

     ก่อนรับลูกหมากลับมาบ้าน เพื่อน ๆ ควรเช็กสุขภาพของลูกหมาให้ดีนะคะ เพราะหลายครั้งหลังจากรับน้องหมากลับบ้านแล้วมักพบว่าน้องหมามีอาการป่วย บางตัวโชคร้ายถึงขั้นเสียชีวิต ถ้าเพื่อน ๆ ไม่อยากเสี่ยงกับเหตุการณ์แบบนี้ แนะนำให้พิจารณาเลือกฟาร์มหรือร้านขายน้องหมาที่ได้คุณภาพ และมีการเลี้ยงดูที่ได้มาตรฐาน พร้อมทั้งตรวจสอบทุกภาพน้องหมาให้ดีเพื่อให้มั่นใจว่าแข็งแรงดีทั้งร่างกายและจิตใจค่ะ


 

บทความโดย : Dogilike.com
http://www.dogilike.com