โดย: Tonvet

8 เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับน้องหมาชิบะ

รวมเรื่องราวเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์ชิบะ ในบางมุมที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน

13 มีนาคม 2560 · · อ่าน (11,053)

ถ้าจะให้พูดถึงสุนัขสัญชาติญี่ปุ่นที่หลายคนคุ้นหน้าตามากที่สุด คงจะหนีไม่พ้นสุนัขพันธุ์ชิบะอินุ (Shiba-inu) กันอย่างแน่นอน ด้วยความน่ารักและฉลาด ทำให้สุนัขพันธุ์นี้ได้รับความนิยมนำมาเลี้ยงมากที่สุดในหมู่สุนัขญี่ปุ่นด้วยกัน อีกทั้งยังมีกระแสความโด่งดังจากสุนัขพันธุ์นี้ในโลกโซเชียลมาให้เห็นกันอยู่ตลอด ๆ ทำให้เรารู้สึกเหมือนไม่เคยจะห่างกับสุนัขพันธุ์ไปไหนเลย แต่นอกจากความน่ารักแล้ว สุนัขพันธุ์นี้ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่หลายคนยังไม่เคยรู้มาก่อน วันนี้ผมจะพาทุกคนไปเรียนรู้เรื่องราวบางมุมที่น่าสนใจเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์ชิบะอินุกันครับ

1 ชิบะ ชื่อนี้มีที่มา

คำว่า "ชิบะ" เป็นภาษาญี่ปุ่นซึ่งมีความหมายอยู่ด้วยกัน 2 ความหมาย คือ เล็ก กับ พุ่มไม้ ซึ่งคนญี่ปุ่นได้นำคำนี้มาใช้เรียกสุนัขพันธุ์หนึ่ง ที่มีสีขนสีแดงคล้ายสีของใบไม้พุ่ม ตามลักษณะเวลาที่ชิบะออกล่าสัตว์ มันจะนอนหมอบทำตัวเล็ก ๆ และคอยซุ่มเนียนไปพื้น ทำตัวคล้ายกับไม้พุ่มดังกล่าว โดยเยื่อที่มันออกล่ามันจะเป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็ก เช่น นก หนู หรือสัตว์ป่าขนาดเล็กต่างๆ นอกจากล่าสัตว์ตัวเล็ก ๆ เก่งแล้ว ชิบะยังมีความสามารถในการสะกดรอยตามได้เก่งอีกด้วย

2 ชิบะ สุนัขที่ตัวเล็กสุดในแดนปลาดิบ

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ให้กำเนิดสุนัขหลายพันธุ์ หนึ่งในนั้นคือ สุนัขพันธุ์ชิบะ ซึ่งเป็นสุนัขที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดานิปปอนอินุด้วยกัน โดยมีขนาดตัวเฉลี่ยสูงเพียง 1 ไม้บรรทัดเท่านั้น (ประมาณ 30-40 เซนติเมตร) และมีน้ำหนักเมื่อโตเต็มวัยเฉลี่ยอยู่ที่ 8-10 กิโลกรัม ในขณะที่สุนัขเพื่อนร่วมชาติพันธุ์อื่น ๆ จะมีขนาดตัวใหญ่กว่า มีความสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 50-60 เซนติเมตร เลยที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นสุนัขพันธุ์อากิตะอินุ หรือฮอกไกโดอินุ ก็ตาม

3 ชิบะ เคยเกือบสูญพันธุ์มาแล้ว

ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ความสนใจในการเพาะพันธุ์สุนัขชิบะลดน้อยลงไป เนื่องด้วยประเทศกำลังเผชิญกับความทุกข์ยากจากภัยสงครามที่ประทบมายังปัญหาทางเศรษฐกิจและเรื่องปากท้อง จนสุนัขได้รับความละเลยลงไป ไม่มีการพัฒนาและขยายพันธุ์ จนเหลือเพียง 3 สายเลือดเท่านั้น คือ San In Shiba จากจังหวัดทตโตะริและจังหวัดชินามิ Mino Shiba จากจังหวัดไอจิ และ Shiba Shu Shiba จากจังหวัดนากาโน่ ทำให้ชิบะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ในเวลาอันใกล้ จนภายหลังจึงได้รับการพัฒนามาต่อ และถูกนำออกจากญี่ปุ่นไปสู่สหรัฐอเมริกาครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1954 ด้วยความน่ารักชิบะจึงกลายเป็นที่นิยมต่อมาจนถึงในปัจจุบัน

4 ชิบะ สุนัขรักสะอาด

คงจะมีสุนัขเพียงไม่กี่พันธุ์ในโลกที่ชื่นชอบการเลียขนตัวเองเหมือนกับที่แมวชอบทำ สุนัขพันธุ์ชิบะเป็นหนึ่งในสุนัที่ขึ้นชื่อเรื่องความรักสะอาด ไม่ชอบเดินไปในที่เปียกหรือที่สกปรก หากขนของตัวเองเกิดสกปรก ก็มักจะเลียขนของตัวเองเพื่อความความสะอาด เราจึงไม่จำเป็นต้องอาบน้ำให้ชิบะบ่อยนัก เฉลี่ยเพียงเดือนละ 1-2 ครั้งก็พอ แต่ควรแปรงขนให้เป็นประจำ เนื่องจากเป็นสุนัขขนหนา 2 ชั้น จึงมีการผลัดขนบ่อย

5 ชิบะ นักกินผักตัวยง

สุนัขเป็นสัตว์ที่กินได้ทั้งสัตว์และพืช หากแต่สุนัขบางตัวนั้นชื่นชอบการกินผักเป็นพิเศษ เหมือนกับแม่และลูกสุนัขพันธุ์ชิบะในคลิปเหล่านี้ ที่ชื่นชอบการกินผักมาก ถึงขั้นบุกตะลุยลงไปในไร่ เคี้ยวผักกรุบกรอบด้วยความสนุกสนานกันเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้พืชและผักบางชนิดนั้นไม่เหมาะที่จะให้สุนัขกิน เพราะอาจเป็นอันตรายได้ ซึ่งได้แก่ หัวหอม กระเทียม อะโวคาโด (ผล ใบ เมล็ด) ลูกจันทน์เทศ มันฝรั่งดิบ องุ่น และถั่วแมคคาเดเมีย เป็นต้น

6 ชิบะ ไม่ชอบสัตว์ตัวเล็ก

เนื่องจากชิบะถูกเพาะพันธุ์มาเพื่อช่วยสะกดรอย และคอยช่วยล่าสัตว์ที่มีขนาดเล็ก สัญชาตญานในการจู่โจมสัตว์ที่ตัวเล็กกว่าจึงอาจติดตัวมาด้วย ดังนั้นเจ้าของไม่ควรปล่อยชิบะให้อยู่ตามลำพังกับสัตว์ตัวเล็ก ๆ หากไม่ได้รับการฝึกให้อยู่ร่วมกันหรือมีความคุ้นชินเคยคุกคลีกับสัตว์เหล่านี้มาก่อน ไม่เช่นนั้นอาจเกิดโศกนาฏกรรมที่ไม่คาดฝันขึ้นได้

7 ชิบะ สุนัขที่เรียกน้ำตาคนทั่วโลกมาแล้ว

ภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงของสุนัขหลายเรื่อง นำเรื่องจากของสุนัขพันธุ์ชิบะมาสร้าง อย่างเช่น เรื่อง A Tale of Mari and Three Puppies ซึ่งอ้างอิงจากเรื่องจริงในหมู่บ้านที่เกิดแผ่นดินไหวชูเอ็ทสึ จังหวัดนีงาตะ มีสุนัขชื่อ มาริ ที่ออกลูกมาสามตัว แล้วต้องดูแลลูกน้อยท่ามกลางภัยพิบัติของธรรมชาติ ในขณะที่ผู้คนต่างหมดหวังกับเหตุการณ์ดังกล่าว แล้วต้องอพยพหนีตายกันออกมา แต่การที่มาริอยู่สู้เลี้ยงลูกท่ามกลางความหายนะ ทำให้ผู้คนต่างได้กำลังใจกลับมา ทั้งยังสะท้อนถึงความผูกพันธ์ของเจ้าของเด็กน้อยที่มีต่อเจ้ามาริด้วย

8 ชิบะ มีโรคส่วนตัว(ไม่)น้อย

ปัญหาสุขภาพในสนัขพันธุ์ชิบะก็มีโรคประจำตัวอยู่ด้วยกันหลายโรค เช่น โรคต้อหิน โรคข้อสะโพกเสื่อม โรคลมชัก โรคฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ และโรคภูมิแพ้ผิวหนัง ซึ่งเจ้าของควรต้องศึกษาเรื่องโรคประจำพันธุ์เหล่านี้ให้ดีก่อนที่จะนำชิบะมาเลี้ยง ซึ่งสุนัขแต่ละตัวอาจเป็นโรคเหล่านี้ได้ต่างกัน บางตัวมีอาการรุนแรง ซึ่งหากมีประวัติป่วยเป็นโรคเหล่านี้แล้ว จะไม่แนะนำให้ใช้เป็นพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ต่อไป

โอ๊ย..น่ารักสุดสุดไปเลย ยิ่งได้รู้ที่มาและนิสัยความชอบส่วนตัวของสุนัขพันธุ์นี้แล้ว ผมยิ่งอยากจะรับมาเลี้ยงไว้สักตัวเลยที่เดียว สุนัขแต่ละพันธุ์ล้วนมีเอกลักษณ์และที่มาที่ไปไม่เหมือนกัน หากเราเลี้ยงสุนัขพันธุ์ไหนแล้วก็ควรต้องศึกษากันไว้ให้ดีก่อน หวังว่าคงจะได้ความรู้เกี่ยวกับสุนัขพันธุ์ชิบะอินุมากขึ้นนะครับ

บทความโดย: Dogilike

www.dogilike.com

รูปภาพประกอบ:

http://www.pbh2.com/wordpress/wp-content/uploads/2013/11/shiba-inu.jpg

http://25.media.tumblr.com/06d7e398400c2efca6fec7b183e47e86/tumblr_mivq3s8prb1rkn5ozo1_1280.jpg

http://www.shibainuadvice.com/wp-content/uploads/2014/11/shedding-shiba-inu1.jpg

https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/f9/1c/58/f91c58719d930c89e3b84324c6609aca.jpg