ทุกวันนี้หลายคนอาจจะเคยเห็นน้องหมาสวมบทเป็นดารานักแสดงในภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง แต่หากย้อนไปในอตีดคงต้องยกให้เจ้าแบรล์ สุนัขเพศผู้พันธุ์คอลลี ที่เป็นดาราสุนัขตัวแรกของโลก ซึ่งรับบทแสดงเป็น Rover ในภาพยนตร์เรื่อง “Rescued by Rover” หนังเงียบที่ออกฉายในปี ค.ศ. 1905 ความยาว 6 นาทีครึ่ง กำกับโดยคุณ Cecil Hepworth ผู้เป็นเจ้าของของมันเอง โดยเป็นเนื้อเรื่องที่พูดถึงสุนัขตัวหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดคอยปกป้องเด็กน้อยคนหนึ่ง ที่ถูกหญิงแปลกหน้าขโมยไปจากครอบครัว โดยมันออกตามหาและนำพาเด็กน้อยมาคืนกับครอบครัว...ไม่อยากสปอยมากไปกว่านี้แล้ว เราไปดูกันเลยดีกว่าครับ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

     หลายคนคงรู้จักสุนัขตัวนี้เป็นอย่างดี เพราะเป็นสุนัขตัวแรกที่ถูกส่งไปยังอวกาศ เดิมทีไลก้าเป็นสุนัขเร่ร่อน แต่ได้ถูกนำมาฝึกเพื่อใช้ทดลองศึกษาทางด้านอวกาศของสหภาพโซเวียต มันได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีเฉกเช่นเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง ไลก้าได้ถูกส่งไปกับยานอวกาศและได้ตายลง เพราะความร้อนภายในยานที่สูงมากเกินไป เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรเท่านั้น “ไลก้าเป็นสุนัขที่เงียบและน่ารัก ก่อนที่จะเริ่มภารกิจดังกล่าวผมพาไลก้ากลับไปเล่นกับลูก ๆ ของผมที่บ้าน ผมอยากทำสิ่งดี ๆ ให้กับมันบ้าง เพราะเวลาของมันเหลือไม่มากนัก” ดร.วลาดิมีร์ ยาซดอฟสกี้ ระบุไว้ในหนังสือเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการอวกาศของสหภาพโซเวียต ในปี ค.ศ. 2008  อนุสาวรีย์ของไลก้าได้รับการเปิดอย่างเป็นทางการตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์วิจัยของกองทัพในกรุงมอสโก ซึ่งเป็นสถานที่ในการวางแผนส่งไลก้าขึ้นสู่ห้วงอวกาศเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1957 เป็นรูปเจ้าไลก้าขณะยืนอยู่บนจรวด หากไม่มีก้าวเล็ก ๆ ของไลก้า ในวันนั้น ก็คงไม่มีก้าวอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์บนดวงจันทร์

 

 

 

 

 

 

 

     ในปี ค.ศ. 1966 การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจัดขึ้นที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แต่เรื่องที่ไม่คาดขวัญก็เกิดขึ้น เมื่ออยู่ดี ๆ ถ้วยจูลส์ ริเมต์ (Jules Rimet) ซึ่งเป็นถ้วยรางวัลที่จะมอบให้กับทีมที่เป็นผู้คว้าแชมป์กลับหายไป หลังจากการนำไปจัดแสดงในงานนิทรรศการเพื่อให้ผู้สนใจเข้าชม ทามกลางความตกใจและความเสียหน้าของเจ้าภาพก็ปรากฎฮีโร่สี่ขาขึ้น นั่นคือ "เจ้าพิกเกิ้ล" นั้นเอง โดยหลังจากที่ถ้วยจูลส์ ริเมต์ได้หายไปร่วม 7 วัน ก็ได้มีการแจ้งพบถ้วยจูลส์ ริเมต์ ได้ถูกทิ้งเอาไว้ในพุ่มไม้ของสวนแถบชานเมืองทางตอนใต้ของลอนดอน และผู้ค้นพบถ้วยรางวัลนี้ก็เป็นสุนัขของคู่สามีภรรยาเดวิดและเจน คอร์เบต  แต่หลายปีต่อมาถ้วยใบนี้ก็ถูกขโมยไปอีกครั้งในปี ค.ศ. 1983 ขณะที่จัดแสดงอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของสหพันธ์ฟุตบอลที่ริโอ เดอจาเนโร ประเทศบลาซิล และการโดนขโมยไปในครั้งนี้ ก็ทำให้ถ้วยจูลส์ ริเมต์หายไปตลอดกาลจนปัจจุบันก็ยังไม่พบอีกเลย

 

 

 

 

 

 

 

     เรื่องราวของสุนัขตัวเล็ก ๆ ที่กลายเป็นตำนาน เมื่อโรคคอตีบระบาดหนักที่เมืองนอม (Nome) รัฐอลาสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้คนได้บาดเจ็บและล้มตายลงเรื่อย ๆ เพราะไม่มียารักษา ตอนนั้นการขนส่งต่าง ๆ หยุดชะงักเนื่องจากสภาพอากาศอันเลวร้ายอย่างที่สุด เบลโตและกลุ่มน้องหมาลากเลื่อนได้ถูกรับเลือกให้ทำภารกิจเดินทางไปรับยา (เซรุ่ม) ซึ่งยาจะถูกส่งมายังเมือง Nenana ซึ่งเป็นสถานีปลายทางรถไฟ โดยอยู่ห่างจากเมือง Nome หลายร้อยกิโลเมตร จึงต้องส่งคณะเดินทางไปรับยาโดยใช้วิธีการเดินทางด้วยฝูงสุนัขลากเลื่อน พวกเขาใช้เวลาเดินทางถึง 5 วันครึ่ง จึงกลับมาถึงเมือง Nome อย่างปลอดภัยในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1925 โดยมี Gunnar Kaasen (กันเนอร์ คาเซ็น) เป็นผู้นำเซรุ่มไปถึงเมืองนอมน์เป็นคนแรกในปี และมี  Balto เป็นจ่าฝูงของทีมสุนัขลากเลื่อน เรื่องราวนี้กลายเป็นตำนานและได้รับการเล่าขานต่อกันมา และถูกนำไปสร้างเป็นการ์ตูนแอนิเมชันเรื่องแรก ๆ ที่เกี่ยวกับน้องหมาชื่อว่า Belto ด้วย และเพื่อเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น จึงได้มีการจัดการแข่งขันสุนัขลากเลื่อนขึ้นทุกปี ซึ่งในปัจจุบันก็ยังคงจัดขึ้นเช่นเดิม

 

 

 

 

 

 

     เจ้าบ็อบบี้ หรือชื่อเต็ม ๆ ก็คือ Greyfriars Bobby เป็นสุนัขพันธุ์ Skye Terrier ที่โด่งดังในเรื่องของความซื่อสัตย์ แม้อาจจะไม่คุ้นชื่อในบ้านเราเท่าไร แต่ถ้าถามชาวเมืองเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์แล้ว เชื่อว่าหลายคนคงจะทราบถึงเรื่องราวของมันเป็นอย่างดี สุนัขตัวนี้โด่งดังจากความซื่อสัตย์ที่มีต่อเจ้านายของมัน หลังจากที่คุณ John Gray ผู้เป็นเจ้านายได้เสียชีวิตลงด้วยโรควัณโรค ในปี ค.ศ. 1858 ร่างของเขาถูกฝังอยู่ที่ Greyfriars Kirkyard ในเมืองเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์  ทุก ๆ วันเจ้าบ็อบบี้จะมาเฝ้าหลุมศพเจ้านายและหาอาหารกินแถว ๆ นั้นเป็นเวลานานถึง 14 ปี จนกระทั่งเจ้า Bobby ตายไปในปี ค.ศ. 1872 โดยร่างของมันได้รับการอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้ฝั่งอยู่ตรงบริเวณด้านในของประตูทางเข้าสุสาน ซึ่งไม่ไกลจากหลุมฝังศพเจ้านานของมันเท่าไร และมีการสร้างอนุเสาวรีย์ของเจ้าบ็อบบี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงด้วย ซึ่งตั้งอยู่หน้าร้าน Bobby's Bar ที่ตั้งชื่อตามเจ้าบ็อบบี้ด้วย

 

 

 

 

 

 

 

     สุนัขซื่อสัตย์ผู้โด่งดังจากประเทศญี่ปุ่น ที่มารอรับเจ้านายที่ล่วงลับไปแล้วทุกวันที่สถานีรถไฟชิบุยะ จนกระทั่งเจ้าฮาจิโกะตายไปในปี ค.ศ. 1935 ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1923 ในจังหวัดอากิตะ  ศาสตรจารย์เอซะบุโระ อุเอะโนะ ก็ได้รับสุนัขอายุ  2 เดือนตัวหนึ่งมาเป็นสมาชิกและตั้งชื่อมันว่า ฮาจิโกะ ทุก ๆ วัน ฮาจิโกะจะไปส่งเจ้านายที่สถานีรถไฟเพื่อไปทำงาน และรอรับที่สถานีรถไฟเมื่อถึงเวลากลับบ้าน แต่แล้วในวันที่ 25 พฤษภาคม 1925 เจ้านายของมันได้เสียชีวิตในมหาวิทยาลัยด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตกอย่างกระทันหัน แต่ฮาจิโกะ หมาผู้ซื่อสัตย์ก็ยังมารอที่สถานีรถไฟเช่นเดิม โดยไม่รู้เลยว่า เจ้านายของมันไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว แม้ภรรยาของอาจารย์เจ้าของฮาจิโกะจะพามันไปอยู่บ้านอื่น แต่ทุกครั้งที่หนีออกมาได้ มันจะวิ่งไปรอที่สถานีรถไฟตามเดิม เพื่อรอเจ้านายของมัน ข่าวความซื่อสัตย์ของฮาจิโกะเป็นเรื่องโด่งดังไปทั่วประเทศ ทุกคนต่างยกย่องฮาจิโกะว่าเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์

 

 

 

 

 

 

 

     เป็นสุนัขฮีโร่ที่สร้างวีรกรรมสุดประทับใจจากประเทศฟิลิปปินส์  หลังจากที่มันเอาชีวิตเข้าแลกโดยเข้าไปขวางรถจักรยานยนต์ที่ขับมาด้วยความเร็วสูง และกำลังพุ่งเข้าชน 2 เด็กหญิงชาวฟิลิปปินส์ ทำให้ซี่ล้อรถบดขยี้จมูกของมันจนกรามบนแหลกละเอียด แต่มันก็ยังมีชีวิตอยู่ต่อ แม้วันที่เกิดเหตุสัตวแพทย์ตัดสินใจจะใช้วิธีการุณยฆาตมันก็ตาม แต่เจ้าของได้ขอชีวิตมันไว้ แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น "กาบัง" รอดตาย กลับมามีชีวิตปกติ ร่าเริง เหมือนสุนัขปกติทั่วไป แถมในเวลาต่อมามันยังมีลูก ๆ น่ารักอีกหลายตัวด้วย วีรกรรมของกาบังเป็นที่โจษจันไปทั่วโลก มีสื่อมวลชนหลายสำนักรายงานข่าวเกี่ยวกับมัน มีผู้คนมากมายสมทบทุนช่วยให้มันมีชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งนี้ แม้ว่าบาดแผลที่บริเวณใบหน้าของมันจะหายดีแล้ว แต่ก็ยังกังวลกันว่า มันอาจจะติดเชื้อได้ จึงจำเป็นต้องดูแลอย่างใกล้ชิด โดยองค์กรความร่วมมือเพื่อสวัสดิภาพสัตว์ มีการระดมทุน เพื่อจะพาเจ้ากาบังและครอบครัวไปรักษาตัวที่ประเทศอเมริกา ที่โรงพยาบาลสัตวแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเดวิส ซึ่งอาจมีการเตรียมทำจมูกใหม่ให้เจ้ากาบัง สุนัขฮีโร่ตัวนี้ด้วย

 

บทความโดย : Dogilike.com

www.dogilike.com

https://i1.wp.com/nerdnomads.com/wp-content/uploads/Hachiko.jpg?h=600

http://www.vickiwongandhachi.com/uploads/3/9/0/1/3901140/7691667_orig.png

http://assets.atlasobscura.com/media/W1siZiIsInVwbG9hZHMvcGxhY2VfaW1hZ2VzL2UwMjhhYTJkODRhMTNjMjEzM19iYWx0bzAyLmpwZWciXSxbInAiLCJ0aHVtYiIsIngzOTA-Il0sWyJwIiwiY29udmVydCIsIi1xdWFsaXR5IDkxIC1hdXRvLW9yaWVudCJdXQ

https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/7/7f/BobbyDog.JPG/512px-BobbyDog.JPG

http://cdn.history.com/sites/2/2016/03/GettyImages-2642588.jpg

https://www.spaceanswers.com/wp-content/uploads/2015/03/Screen-Shot-2015-03-19-at-15.12.09.png

http://cbsnews1.cbsistatic.com/hub/i/r/2013/06/06/c25bb996-d253-11e2-a43e-02911869d855/resize/620x465/3b349834b8ed9de67fcbf83179a12d9b/003_kabang08.jpg