เป็นประเด็นร้อนกันมาตั้งแต่เมื่อวานกับเหตุการณ์สุดสุเทือนใจ "หมาไซบีเรียนถูกขับรถทับต่อหน้าเจ้าของ" โดยคลิปเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิดและภาพน้องหมาโชคร้ายตัวนี้ถูกเผยแพร่ในโลกโซเชียลในวงกว้าง แน่นอนว่างานนี้มีเสียงวิพากย์วิจารย์มากมายจากชาวเน็ตถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรียกง่าย ๆ ว่าเกิดกระแสดราม่ารุนแรงถึงขั้นที่สื่อใหญ่ ๆ หยิบเอาไปเป็นประเด็นข่าวหน้าหนึ่งเลยทีเดียว

     และจากคลิปภาพเหตุการณ์ การให้สัมภาษณ์ของผู้ขับรถชนน้องหมา เจ้าของน้องหมา รวมไปถึงความคิดเห็นของชาวโซเชียล ทำให้เราได้เห็นถึงมุมมองและแง่คิดที่น่าสนใจและมีประโยชน์หลาย ๆ อย่างจากดราม่านี้ ... วันนี้ Dogilike ก็เลยขอรวบรวมเอาข้อคิดที่น่าสนใจสำหรับคนเลี้ยงน้องหมาที่ได้จากเหตุการณ์น่าสลดที่เกิดขึ้นกับน้องหมาไซบีเรียนตัวนี้มาฝากทุกคนค่ะ
 

1. น้องหมาของเราไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน และทุกคนบนโลกไม่ได้รักสัตว์ ...

     ถ้าหากดูภาพเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิด ชาวโซเชียลส่วนใหญ่ลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า "ลุงคนขับตั้งใจเร่งเครื่องชนน้องหมาแน่นอน!" ซึ่งเมื่อเจ้าของน้องหมาตามกลับไปต่อว่าคนขับเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงได้รับคำตอบว่า "ใครใช้ให้หมามาอยู่กลางถนน!!" นอกจากนี้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์และเป็นชาวบ้านในระแวกนั้นได้ให้ข้อมูลว่าน้องหมาตัวนี้ไม่ใช่ตัวแรกที่โดนลุงคนดังกล่าวขับรถชน

คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันที่ 4 กรกฎาคม 2560 (คลิกที่ภาพเพื่อรับชม)

คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันที่ 6 มกราคม 2560 (คลิกที่ภาพเพื่อรับชม)
ซึ่งเป็นตรงกับการให้การของชาวบ้านในระแวกนั้นว่าก่อนหน้านี้ผู้ขับมีพฤติกรรมชอบขับรถชนหมามาก่อนแล้ว

     ต้องยอมรับความจริงแบบไม่อิงโลกสวยเลยนะคะว่า ในโลกนี้มีทั้้งคนที่รักน้องหมามาก และคนที่ไม่รักน้องหมาและอาจจะไม่มีเมตตากับสัตว์ใด ๆ ในโลกนี้เลย ดังนั้นเราจึงไม่สามารถไปคาดหวังได้เลยว่าคนกลุ่มนี้จะมีเมตตาจิตเห็นคุณค่าของชีวิตน้องหมาของเรา เขาสามารถที่จะทำอะไรก็ได้โดยที่ไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่ทำนั้นผิดบาป หรือไร้มนุษยธรรม  นอกจากคาดหวังไม่ได้แล้ว เรายังบังคับความรู้สึกนึกคิดและพฤติกรรมของพวกเขาไม่ได้ เราไม่รู้เลยว่าน้องหมาจะต้องเสี่ยงอันตรายจากคนประเภทนี้เมื่อไหร่ตอนไหน ดังนั้นเจ้าของอย่างเรามีหน้าที่ป้องกันน้องหมาทุกวิถีทางให้ห่างจากอันตรายของคนประเภทนี้ค่ะ

 

2. ไม่ใส่สายจูงให้น้องหมาเวลาออกจากบ้าน เท่ากับ 'ยื่นความตาย' ให้น้องหมา ...

     การใส่สายจูงให้น้องหมาทุกครั้งเมื่อพาออกนอกบ้าน เป็นสิ่งที่เรารณรงค์กันมาอย่างต่อเนื่อง เราพูดถึงประโยชน์ของการใส่สายจูงเสมอว่า สายจูงเหมือนเชือกวิเศษที่จะช่วยให้คนรักน้องหมาสามารถปกป้องชีวิตน้องหมาให้อยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย เจ้าของสามารถควบคุมได้ เกิดเหตุการณ์อะไรจะได้ช่วยได้ทันเวลา แถมยังป้องกันน้องหมาสร้างความเดือนร้อนให้ผู้คนในสังคม

     ความคิดที่ว่าน้องหมาเชื่อง ไม่จำเป็นต้องใส่สายจูงก็ไม่วิ่งไปไหน ถ้าหากพูดกันอย่างตรงไปตรงมานั่นเท่ากับว่า เจ้าของน้องหมามีความประมาทตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว เพราะการที่น้องหมาเชื่องไม่ได้แปลว่าจะไม่มีอันตรายมาถึงตัวน้องหมา เหตุการณ์หรืออันตรายที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้กับน้องหมาทุกเมื่อ และเมื่อเกิดขึ้นแล้วความสูญเสียนั้นก็ประเมินค่าไม่ได้ และที่สำคัญกว่านั้น เราไม่สามารถเรียกชีวิตน้องหมาที่เรารักคืนกลับมาได้ด้วย จะโทษใครก็โทษไม่ได้นอกจากโทษตัวเองที่ประมาท ดังนั้น ถ้ารักน้องหมาจริง ต้องใส่สายจูงให้น้องหมาทุกครั้งที่พาเขาออกจากบ้านนะคะ

 

3. ต้องศึกษาเพื่อรู้จักนิสัยประจำสายพันธุ์ของน้องหมาที่เลี้ยง ช่วยลดความเสี่ยงปัญหาต่าง ๆ ได้

     ในกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น น้องหมาผู้โชคร้ายเป็นน้องหมาสายพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วน้องหมาสายพันธุ์นี้มีนิสัยร่าเริง ขี้เล่น อยากรู้อยากเห็น ไวต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ  และรักอิสระ ถ้าใครที่ติดตามข่าวน้องหมาหลงทางหรือหายออกจากบ้านบ่อย ๆ จะพบว่า มีน้องหมาไซบีเรียนหายไปจากบ้านเยอะมาก บางตัวหลุดไปก่อความวุ่นวายให้กับเพื่อนบ้าน บางตัวหลุดออกไปเจอรถชนพิการหรือเสียชีวิต ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นพฤติกรรมตามธรรมชาติของน้องหมาสายพันธุ์นี้ที่ผู้เลี้ยงต้องรู้ ต้องศึกษา ต้องเข้าใจ และต้องหาวิธีป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการเกิดอันตรายต่อตัวน้องหมา และเกิดความเดือดร้อนต่อผู้อื่นในสังคม

     ซึ่งจากในคลิปการปล่อยให้น้องหมาไซบีเรียนอยู่นอกเหนือสายจูงและนั่งอยู่กลางถนนนั้นถือว่า มีความเสี่ยงสูงมากที่น้องหมาอาจจะเตลิดหนีไป หรืออาจได้รับอุบัติเหตุต่าง ๆ ได้ ดังนั้น หากคิดจะเลี้ยงน้องหมาสายพันธุ์นี้และพาออกจากบ้าน วิธีการเซฟน้องหมาที่ปลอดภัยที่สุดคือการให้อยู่ภายใต้สายจูงที่แน่นหนา และอยู่ใกล้กับตัวผู้เลี้ยงตลอดเวลา อย่างน้อยหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเจ้าของจะได้อยู่ใกล้ชิดและมีโอกาสช่วยชีวิตน้องหมาได้สูงกว่าการปล่อยให้อยู่นอกสายจูงค่ะ ไม่เพียงแค่นั้นยังลดความเสี่ยงที่น้องหมาต้องตกเป็นจำเลยสังคมเพราะก่อความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นอีกด้วยล่ะค่ะ

 

4. การตั้งใจทำร้ายสัตว์มีความผิดทางกฎหมาย แต่การปล่อยปะละเลยสัตว์ให้อยู่พ้นความดูแลของเจ้าของ ก็ผิดกฎหมายเช่นกัน

     จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าความคิดเห็นส่วนใหญ่เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นไปในทิศต่างเดียวกันคือ ต่อว่าคนขับรถชนน้องหมาว่ามีจิตใจโหดร้าย ไม่มีจิตเมตตา ไม่มีสามัญสำนึกของความเป็นคน ไม่เห็นคุณค่าชีวิตของสัตว์ หากพิจารณาเหตุการณ์นี้ตามข้อกฎหมายแล้ว พฤติกรรมจงใจทำให้สัตว์ได้รับความเป็นปวดทางกาย , เจ็บปวดทางใจ , ทุพพลภาพ หรือตาย มีความผิดในฐานทารุณกรรมสัตว์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ...

     ส่วนในด้านของเจ้าของน้องหมานั้นถึงแม้จะเป็นผู้สูญเสียแต่ก็มีความผิดเช่นกันนะคะ!! เพราะหากดูจากภาพเหตุการณ์จะพบว่านาทีที่เกิดเหตุนั้น น้องหมานั่งอยู่กลางถนนโดยไม่ใส่สายจูง ซึ่งหากพิจารณาไปที่กฎหมายเกี่ยวกับเจ้าของสัตว์เลี้ยงก็จะพบว่า พฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายมีความผิดในฐาน ละทิ้งสัตว์ให้พ้นความดูแลของตัวเอง ยกเว้นโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้อื่นดูแล (มาตรา 23) มีโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท และหากสัตว์มีโอกาสไม่ได้รับการดูแลหรืออาจถูกทารุณกรรมอีก ศาลอาจตัดสินไม่ให้เจ้าของครอบครองสัตว์นั้นอีกเลย

     เห็นไหมคะว่า นอกจากเจ้าของจะต้องสูญเสียน้องหมาซึ่งเป็นที่รักแล้ว ยังเข้าข่ายมีความผิดทางกฎหมายอีกด้วย ... เจ็บซ้ำเจ็บซ้อนจริง ๆ กับเหตุการณ์นี้ ถ้าไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกซ้ำ ๆ กับน้องหมาที่เรารัก มาร่วมกันแก้ปัญหาที่ต้นเหตุกันนะคะ

 

5. ถึงจะเป็นแค่น้องหมา แต่ก็มีหนึ่งชีวิตเท่ากับคน โปรดเมตตาพวกเขาบ้าง

     ถึงแม้เราจะรู้ดีว่าไม่สามารถคาดหวังให้ใครมามีเมตตา รักและสงสารน้องหมาตาดำ ๆ ได้ แต่ก็มีอีกหลายวิธีที่จะสามารถจัดการกับน้องหมาได้โดยที่ไม่ต้องทำร้ายพวกเขา เช่น ถ้ามองเห็นว่ามีน้องหมาอยู่กลางถนน เพียงแค่บีบแตรให้พวกเขารู้สึกตัว พวกเขาก็จะหลบเข้าข้างทาง , ถ้าเพื่อนบ้านทำน้องหมาหลุด อย่าทำร้ายน้องหมา ให้แจ้งเพื่อนบ้านให้มาจัดการกับน้องหมาของเขาเอง , หากพบหมาไม่มีเจ้าของก่อความเดือดร้อน ให้แจ้งเจ้าหน้าที่เขตหรือเทศบาลที่เกี่ยวข้องมาจัดการ เป็นต้น การทำร้ายน้องหมาไม่เพียงไม่ช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วยังเป็นการทารุณกรรมให้น้องหมาได้รับความเจ็บปวด บางตัวต้องถึงแก่ชีวิต ... ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการสร้างบาปกรรมให้ติดตัวของผู้กระทำไปตลอดชีวิต และไม่เพียงแค่นั้นพฤติกรรมทารุณกรรมสัตว์นั้นยังผิดกฎหมายอีกด้วย
 

คลิปบทสัมภาษณ์ของลุงขับรถทับน้องหมา ... (คลิกที่ภาพเพื่อรับชม)

6. ไม่อยากให้น้องหมาตกเป็น "เหยื่อ" ต้องเริ่มจากเลี้ยงน้องหมาอย่างมีจิตสำนึก

     หลาย ๆ ดราม่าเกี่ยวกับน้องหมานั้นสุดท้ายแล้วสุดจบของเรื่อง น้องหมามักกลายเป็นเหยื่อ กลายเป็นผู้รับเคราะห์จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น สำหรับในกรณีของน้องหมาไซบีเรียนตัวนี้ ไม่ว่าความผิดจะเกิดจากฝ่ายผู้ขับชนหรือฝ่ายเจ้าของน้องหมาก็ตาม แต่ผู้ที่โชคร้ายและกลายเป็นเหยื่อในเหตุการณ์นี้คือ "น้องหมา" ที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร ... เหตุการณ์เศร้าสลดแบบนี้คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นบ่อย ๆ แน่นอน ดังนั้น เราคนรักน้องหมา เรามาเริ่มป้องกันปัญหาเหล่านี้กันตั้งแต่ต้นดีกว่าค่ะ เริ่มจากการรักและเลี้ยงน้องหมาอย่างถูกวิธี เลี้ยงในบริเวณที่มีรั้วรอบขอบชิด ให้อาหารและดูแลสุขภาพน้องหมาอย่างสม่ำเสมอถูกต้องตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ ฝึกให้น้องหมาเชื่อฟังคำสั่งพื้นฐาน รู้จักรอ รู้จักการเดินภายใต้สายจูง เจ้าของใส่สายจูงให้น้องหมาทุกครั้งที่พาออกนอกบ้าน เก็บทำความสะอาดของเสียทุกครั้งที่น้องหมาขับถ่าย ไม่พาน้องหมาไปในสถานที่เสี่ยงและสถานที่ที่ห้ามน้องหมาเข้าเพื่อเป็นการเคารพกฎของสังคมและมีมารยาทต่อผู้อื่น ด้วยวิธีการง่าย ๆ เพียงเท่านี้ น้องหมาของเราก็จะสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้โดยที่ไม่สร้างความเดือดร้อนและละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น หากเราอยากให้สังคมส่วนใหญ่ยอมรับการใช้ชีวิตร่วมกับน้องหมาในพื้นที่สาธารณะ การรู้จักสร้างจิตสำนึกดีที่ของผู้เลี้ยงเป็นจุดสำคัญและจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดที่จะช่วยพัฒนาให้สังคมของคนเลี้ยงน้องหมาเป็นที่ยอมรับได้ค่ะ
 

     ... ทางทีมงาน Dogilike ขอเป็นอีกหนึ่งเสียงในการต่อต้านการใช้ความรุนแรงกับสุนัขและสัตว์ทุกชนิด และประณามการกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ไร้เมตตาต่อสัตว์ และขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอให้วิญญาณของน้องหมาไซบีเรียนผู้โชคร้ายไปสู่สุขคตินะคะ

     ท้ายที่สุด อยากฝากให้ผู้เลี้ยงทุกคนรวมกันปลุกจิตสำนึกในการเลี้ยงน้องหมาอย่างมีความรับผิดชอบต่อสวัสดิภาพความปลอดภัยของตัวน้องหมา และสังคมส่วนรวม รักน้องหมาด้วยการเลี้ยงและดูแลน้องหมาอย่างถูกวิธี เพื่อที่ทั้งน้องหมาและผู้คนที่อยู่ร่วมกันในสังคมจะได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขค่ะ



 

บทความโดย : Dogilike.com
www.dogilike.com

ภาพประกอบและวิดีโอ :
stories.barkpost.com/dog-strangled-in-elevator/
www.facebook.com/True4UNews/posts/1924952987718596
www.facebook.com/queentogetherisone/videos/pcb.1005335542902947/1005334696236365/?type=3&theater
www.facebook.com/queentogetherisone/videos/pcb.1006956436074191/1006954622741039/?type=3&theater