เมื่อพูดถึง "การทำดีเพื่อพ่อ" หลายคนจะนึกถึงเรื่องของการทำกิจกรรมจิตอาสาต่าง ๆ การทำบุญทำทาน บริจาคสิ่งของ หรือการจัดโครงการเพื่อการกุศล แต่จริง ๆ แล้วการทำความดีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลนั้น สามารถทำได้หลากหลายวิธีเลยทีเดียวค่ะ ... สำหรับคนรักน้องหมาอย่างพวกเรา การทำความดีเพื่อพ่อนั้นอาจจะไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่หรือต้องลงทุนลงแรงมากมาย เพียงแค่น้อมนำเอาแนวพระราชดำริ คำสอนต่าง ๆ เกี่ยวกับความเมตตาต่อสัตว์ และการเลี้ยงสุนัขมาใช้ก็ถือว่าเป็นการทำความดีเพื่อพ่อของเราได้เหมือนกันค่ะ

     และวันนี้ Dogilike ก็ได้รวบรวมเอาบทสัมภาษณ์ของเหล่าเจ้าของเซเลปน้องหมาชื่อดังเกี่ยวกับแรงบันดาลและแบบอย่างในการเลี้ยงสุนัขที่ได้จากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาฝากค่ะ
 

>> คุณกาย เจ้าของน้องควิ้นท์ (Facebook Fanpage Captain Quint's Family)

     คุณกาย คือหนึ่งในคนเลี้ยงสุนัขที่ได้ติดตามเรื่องราวของคุณทองแดงและเหล่าสุนัขทรงเลี้ยงของ ในหลวง ร.9 มาโดยตลอด และรู้สึกประทับใจในเรื่องราวความผูกพันที่พระองค์ท่านทรงมีให้กับสุนัขทุกตัวที่พระองค์ท่านเลี้ยง

     "พวกเราหลายคนน่าจะเคยรู้มาบ้างแล้วว่าในหลวง ร.9 ของเราทรงเลี้ยงสุนัข หลายคนน่าจะรู้จักคุณทองแดง สุนัขที่ในหลวงท่านเลี้ยง และพาไปไหนมาไหนด้วยเสมอ แต่ถ้าได้เคยอ่านเรื่องของสุนัขทรงเลี้ยงในวัง เราจะรู้ว่าพระองค์ท่านไม่ได้มีสุนัขเพียงตัวเดียว พระองค์ท่านทรงเลี้ยงสุนัขหลายสิบตัวในวัง มีทั้งที่มีคนนำมาถวาย และทรงช่วยรับสุนัขจรจัดมาเลี้ยง แรงบัลดาลใจที่เราได้จากท่านคงเป็นในมุมของความผูกพันต่อสุนัขเลี้ยงของท่าน สุนัขในบ้านของเรา เราไม่เคยมองว่าเขาเป็นสุนัข แต่เขาคือส่วนหนึ่งในครอบครัวของเรา เวลาเห็นเขายิ้ม เขาหัวเราะ เราก็มีความสุข แต่ในทางกลับกัน เวลาเขาป่วย เขาเจ็บ เราก็จะเครียด จะเจ็บไปกับเขาด้วย"

     นอกเหนือจากความประทับใจแล้วคุณกายยังได้นำเอาหลักปฏิบัติเกี่ยวกับการเลี้ยงสุนัขอย่างมีความรับผิดชอบมาใช้ด้วย และไม่เพียงนำมาใช้กับสุนัขของตัวเองเพียงเท่านั้น ยังเผยแพร่หลังคิดนี้สู้คนเลี้ยงหมาคนอื่น ๆ ผ่านทางแฟนเพจอีกด้วย

     "ในวันที่เราตัดสินใจเราเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของเรา เราคิดแล้วคิดอีกก่อนตัดสินใจรับเขามา เราต้องมั่นใจว่าเราสามารถดูแลเขาได้ตลอดทั้งชีวิตของเขา เขาเป็นภาระที่เราจะไม่สามารถหลีกเลี่ยง หรือโยนไปให้ใครได้ ในวันที่เรามีเขา เขาก็จะมีแค่เรา

     ถ้าพูดในมุมของเพจสุนัข ที่เราถือว่าเป็นสื่อตัวหนึ่งที่มีคนตามเราอยู่ สิ่งที่เราพูด เราทำ ทุกอย่างมันเป็นสิ่งสาธารณะที่หลายคนอาจทำตาม ฉะนั้นก่อนที่เราจะเขียนอะไร ทำอะไร เราต้องคิดแล้วคิดอีก ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีให้เขาปฏิบัติตามได้ ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่ถูกเชิญไปเป็นแขกรับเชิญในงานน้องหมาต่างๆ เรามักจะพูดเสมอถึงเรื่องความรับผิดชอบของเจ้าของสุนัขที่มีต่อสุนัขของเขา และสังคม ทำอย่างไรให้สังคมเปิดกว้าง และยอมรับกลุ่มคนเลี้ยงสุนัขอย่างเราได้มากขึ้น"

>> คุณนัท เจ้าของน้องทองเอก (Facebook Fanpage Thongakemastiff)

 

     คุณนัท หรือที่เพื่อน ๆ น้อง ๆ ในกลุ่มคนรักสุนัขเรียกว่า "พี่นัท พ่อทองเอก" ได้เล่าให้ฟังถึงแรงบันดาลใจในการเลี้ยงสุนัขที่ได้จาก ในหลวง ร.9 ว่า ครั้งหนึ่งขณะที่กำลังหาพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่เก้าเพื่อจะเก็บไว้และพิมพ์เพื่อจะอัญเชิญไปประดับที่ร้าน ก็ได้เจอกับพระบรมฉายาลักษณ์หนึ่งที่รู้สึกประทับใจ เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ในขณะที่ ในหลวง ร.9 กำลังประทับทอดพระเนตรการแข่งเรือที่อ่างเก็บน้ำเขาเต่าโดยมีคุณทองแดงหมอบเฝ้าอยู่หน้าพระที่นั่ง

     "สิ่งหนึ่งที่พ่อทองเอกสังเกตุเห็นคือในพระหัตถ์ของพระองค์คือสายจูงคุณทองแดง ทำให้หวนนึกถึงและพยายามหาพระบรมฉายาลักษณ์ที่มีคุณทองแดงตามเสด็จในที่ต่าง ๆ ปรากฎว่าสิ่งที่พ่อทองเอกเห็นคือคุณทองแดงจะอยู่ในสายจูงทุกครั้งที่ตามเสด็จออกมายังที่ที่ชุมชน ทั้ง ๆ ที่คุณทองแดงได้ชื่อว่าเป็นสุนัขที่เรียบร้อยและได้รับการฝึกมาอย่างดี"

     คุณนัทได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการให้สุนัขใช้สายจูงว่า ตามมารยาทและหลักสากล (บางประเทศเป็นกฎหมาย) การนำสุนัขออกในที่สาธารณะสุนัขจะต้องอยู่ในสายจูงเสมอ นอกจากในบริเวณที่จัดไว้ให้เฉพาะ แต่สำหรับในประเทศไทยก็ยังมีคนเลี้ยงหมาหลาย ๆ คนไม่ปฎิบัติตาม การให้สุนัขอยู่ในสายจูงมีประโยชน์มากมาย เช่น เราสามารถควบคุมสุนัขไม่ให้ไปรบกวนคนอื่นได้ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะรักสุนัข

     "ถ้าจะถามว่า ในหลวงรัชกาลที่เก้าทรงเป็นแบบอย่างเรื่องอะไรบ้าง? พ่อทองเอกคงตอบได้ไม่หมด แต่อยากจะยกตัวอย่างเรื่องการทรงใช้สายจูง เพราะทำให้เห็นว่าถึงแม้เรื่องเล็ก ๆ พระองค์ท่านก็เป็นแบบอย่างให้เราได้ จึงอยากขอบันทึกไว้เพื่อระลึกถึงพระองค์ท่านในเดือนแห่งความโศกเศร้าของคนไทยทุกคน"
 

>> คุณณัฐ เจ้าของน้องบูตะ (Facebook Fanpage French Buta)

 

     คุณณัฐ เป็นคนเลี้ยงสุนัขอีกหนึ่งคนที่ได้น้อมนำเอาหลักการเลี้ยงสุนัขแบบให้ทั้งความรัก ความใส่ใจ และรับผิดชอบต่อสังคมของ ในหลวง ร.9 มาปรับใช้ในการเลี้ยงสุนัขของตนเองเสมอมา

     "ภาพที่ติดตาผมคือภาพในหลวงก้มทาแป้งให้คุณทองแดงครับ ผมรู้สึกได้ถึงการเป็นตัวอย่างที่ดี ไม่ใช่แค่เลี้ยงแต่ไม่ใส่ใจ ไม่ดูแลครับ แต่สิ่งที่ในหลวงทำคือตัวอย่างของคนรักสุนัขครับ ยังมีอีกภาพที่ประทับใจคือ ในหลวงใช้สายจูงจูงคุณทองแดงเวลาเสด็จไปข้างนอกทุกที่ นอกจากดูแลและใส่ใจแล้ว พระองค์ท่านยังมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมด้วย ทรงเป็นตัวอย่างที่ดีของคนรักหมาจริง ๆ "

     นอกจากการที่ในหลวง ร.9 จะเป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่รักสัตว์แล้ว คุณณัฐยังเล่าถึงอีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่ได้รับจากพระองค์ท่านว่า ท่านคือตัวอย่างที่ดีที่ทำให้ประชาชนเห็นคุณค่าของสุนัขจรจัด

     "ผมว่าท่านทำให้พวกเราเห็นคุณค่าของหมาจรจัด พวกเขาไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ถูกมองข้ามหรือจะไปรังแกอะไรเขาก็ได้ ถ้าได้รับโอกาสดี ๆ เขาก็จะเป็นสุนัขที่ดีได้ แต่ถ้าเราไม่สามารถเลี้ยงได้ก็อย่าไปรังแกเขา ถ้าเรามีเหลือหรือเพียงพอที่จะแบ่งก็ควรแบ่งปันให้กับพวกเขาบ้าง"
 

>> คุณต้นปาล์ม เจ้าของน้องข้าวโพด (Facebook Fanpage ข้าวโพดเป็นหมาตัวหนึ่ง)

 

     คุณต้นปาล์ม ได้เล่าถึงแรงบันดาลใจที่ได้จากในหลวง ร.9 เกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์ว่า นอกเหนือจากพระองค์จะมีพระเมตตาคอยห่วงใยประชาชนของพระองค์แล้ว พระองค์ยังเผื่อแผ่ความเมตตาไปยังสัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ โดยเฉพาะสุนัขที่พระองค์ท่านทางโปรดเป็นอย่างมาก

     "ภาพที่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจคือ ไม่ว่าจะทรงงานหนักแค่ไหนพระองค์ท่านก็ยังสละเวลาส่วนพระองค์ให้กับสุนัขทรงเลี้ยง และสุนัขจรตามโครงการต่าง ๆ ที่ได้สร้างเอาไว้ เช่น โครงการศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน สิ่งเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจให้ผมกลับมามองตัวเองเสมอว่า ไม่ว่าเราจะเหนื่อยแค่ไหนแต่เราต้องไม่ละเลยหน้าที่ที่เราต้องดูแลสุนัขที่เราเลี้ยง แล้วก็จะทำให้ดีอย่างสม่ำเสมอ พระองค์เป็นตัวอย่างที่ดีในการแบ่งเวลาให้กับสัตว์เลี้ยง เพราะผมเห็นภาพของพระองค์กับสัตว์เลี้ยงในอิริยาบถต่าง ๆ ที่ดูแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นแล้วก็เป็นแบบอย่างที่ดีมาก ๆ เพราะการให้ความใกล้ชิดกับสุนัขนอกจากจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ให้แก่กันแล้ว ความใกล้ชิดยังทำให้ได้สังเกตอารมณ์ ได้ฝึก ได้เล่นด้วยกัน เพราะน้องหมาก็เหมือนกับคนที่ต้องการความรัก ต้องการการดูแลเอาใจใส่ สมมุติวันหนึ่งเกิดความผิดปกติกับสุนัข เขาอาจะไม่สบาย เราก็จะรู้ได้ทันทีจากการที่ผิดแปลกไปจากเดิม สิ่งนี้คือสิ่งที่ผมยึดตามแนวปฏิบัติของในหลวง ร.9 มาโดยตลอด และอยากให้คนอื่น ๆ นำไปปรับใช้กันด้วยครับ"

     ส่วนในเรื่องของการทำความดีตามรอยในหลวง ร.9 คุณต้นปาล์มได้เล่าถึงแนวทางการทำดีตามแบบฉบับคนเลี้ยงสุนัขว่า สิ่งที่ง่ายที่สุดที่คนเลี้ยงสุนัขทุกคนสามารถทำได้ก็คือเลี้ยงสุนัขของตัวเองให้ดี ไม่ให้สิ่งที่เรารักไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น

     "ง่าย ๆ เลยก็คือให้คิดอยู่เสมอว่าเลี้ยงอย่างไรให้มีความรับผิดชอบครับ อย่างผมในฐานะที่เราทำแฟนเพจเป็นสื่อกลางของชุมชนคนรักสุนัข มีแฟนเพจที่มีคนติดตาม ถ้ามีโอกาสก็จะสอดแทรกสาระความรู้ รวมไปถึงการเตือนภัย ประกาศรับบริจาคเลือด ตามหาสุนัขหาย ซึ่งในหลาย ๆ เคสถ้าเราแชร์ไปแล้วสุนัขได้รับความช่วยเหลือเราก็จะรู้สึกดีมาก ๆ เป็นความรู้สึกที่คนรักสุนัขได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน"
 

>> คุณจั๋ม เจ้าของน้องน้ำเมี่ยง (Facebook Fanpage น้ำเมี่ยง แฟมิลี่ - nammieng family)

 

     คุณจั๋ม ได้เล่าถึงความรู้สึกเกี่ยวกับในหลวง ร.9 และสุนัขทรงเลี้ยงว่า แรกเริ่มตนเองไม่ได้เป็นคนเลี้ยงสุนัขมาก่อนจึงไม่เข้าใจความรักที่พระองค์ท่านมอบให้แก่คุณทองแดง แต่เมื่อได้เลี้ยงสุนัขเองจึงได้เข้าใจอย่างซาบซึ้งถึงความรักอันยิ่งใหญ่ที่ในหลวง ร.9 ทรงมีให้กับคุณทองแดง และสุนัขทรงเลี้ยง

     "ผมทราบว่าในหลวง ร.9 ทรงจดจำชื่อและน้ำหนักของสุนัขทรงเลี้ยงได้ทุกตัว นั่นแสดงถึงความเอาใจใส่ที่พระองค์ทรงมอบให้แก่สุนัขทรงเลี้ยง ผมจึงได้ยึดถือนำเอาความใจใส่นี้มาปฏิบัติแก่สุนัขที่เลี้ยงโดยเมื่อเราเอาใจใส่พวกเขา พวกเขาก็จะมอบความรักความซื่อสัตย์ตอบกลับมา"

     และสำหรับในฐานนะของผู้ที่ทำแฟนเพจซึ่งเป็นสื่อเกี่ยวกับสุนัข คุณจั๋มบอกว่า การทำความดีที่สามารถทำได้ก็คือ การนำเสนอแง่มุมความน่ารักมีประโยชน์ของสุนัขให้คนทั่วไปได้รับรู้และเป็นช่องทางในการช่วยเหลือสุนัข

     "ในฐานะที่เป็นคนเลี้ยงสุนัขและในฐานะที่เป็นคนไทยที่เกิดภายใต้ร่มพระบารมีในหลวง ร.9 สิ่งที่ผมพอจะกระทำได้คือการนำเสนอแง่มุมที่แสนน่ารักของสุนัขให้คนทั่วไปได้เล็งเห็น บางครั้งก็ช่วยกระจายข่าวสารสุนัขพลัดหลงเพื่อให้ได้พบกับเจ้าของลดปัญหาสุนัขจรจัดให้แก่สังคม และหมั่นกระทำความดีช่วยเหลือสังคมเป็นกิจวัตร เริ่มจากเรื่องเล็กเรื่องน้อยเช่นการเก็บขยะตามท้องถนนสาธารณะ หรือการสอดส่องเป็นหูเป็นตาผู้กระทำผิดกฏหมาย ถึงสิ่งที่เราทำจะเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ จุดหนึ่ง แต่หากเรามีความสามัคคีกันช่วยเหลือสังคมเชื่อว่าบ้านของพ่อหลังนี้จะทวีความงดงามยิ่งขึ้น"


     ... การทำความดี ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะไหน ประกอบวิชาชีพอะไร เราก็สามารถทำได้หากเรามีความตั้งใจที่ดี บางครั้งอาจจะไม่ต้องเริ่มจากสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่เริ่มจากจุดที่ง่ายที่สุดคือ "ตัวของเราเอง" ตั้งใจและรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองให้ดี และเผื่อแผ่ความรักความหวังดีต่อคนรอบข้าง ช่วยเหลือผู้อื่นทุกครั้งที่มีโอกาส เพียงแค่นี้ก็ถือว่าเป็นการทำความดีเพื่อพ่อของเราได้แล้วล่ะค่ะ

 

บทความโดย : Dogilike.com