ทุกโศกนาฏกรรมนำมาซึ่งความสูญเสีย ไม่ชีวิตก็ทรัพย์สิน หลาย ๆ เหตุการณ์สำคัญของโลกนั้น ไม่เพียงแต่มนุษย์เท่านั้นที่ต้องเผชิญหน้ากับความเลวร้าย ยังมีสุนัขเพื่อนผู้ซื่อสัตย์ของเราที่ร่วมชะตากรรมอยู่ด้วย ซึ่งพวกเราก็มักจะลืมที่จะพูดถึง แต่กลับให้ความสำคัญกับเรื่องราวของมนุษย์ผู้ทุกข์ยากเสียมากกว่า ซึ่งแน่นอนว่าสุนัขก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างจากเราเลย และในหลาย ๆ เหตุการณ์เราก็มองข้ามชีวิตน้อย ๆ เหล่านี้ไปด้วยซ้ำ วันนี้เราจะไปย้อนรอยเหตุการณ์สำคัญที่จัดว่าเป็นโศกนาฏกรรมที่โด่งดังของโลก ตามไปดูเรื่องราวของชีวิตน้อย ๆ ของน้องหมาที่อยู่ในเหตุการณ์เหล่านั้นกัน ว่าจะโศกเศร้าหรือประทับใจอย่างไรนั้นบ้าง... ตามไปดูกันเลยครับ

 

 

 

 

 

 

     คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักเรือไททานิค หลายคนคงพอทราบเรื่องราวของเรือลำนี้ว่าเป็นอย่างไร แต่จะมีใครรู้บ้างว่า โศกนาฏกรรมนี้มีน้องหมาร่วมชะตากรรมด้วย  ซึ่งมีทั้งตัวที่ตายและตัวที่รอดจากเหตุการณ์นี้ ย้อนไปในปี ค.ศ. 1912 เรือลำใหม่ที่ทันสมัยที่สุดแห่งยุค ซึ่งมีฉายาว่า "เรือที่ไม่มีวันจม" ได้แล่นออกจากอังกฤษมุ่งหน้าสู่สหรัฐอเมริกา โดยมีผู้โดยสารและลูกเรือร่วม 2,200 คน และมีสุนัขเดินทางมาด้วย 12 ตัว ประกอบไปด้วยสุนัขหลากหลายพันธุ์ ทั้งเชาว์เชาว์  เยอรมันแชฟเพิร์ด ปักกิ่ง ปอมเมอเรเนียน  นิวฟาวแลนด์ รวมไปถึงเฟรนช์บูลด็อก ซึ่งสุนัขแต่ละตัวก็เป็นระดับแชมป์และมีมูลค่ามหาศาลเลยทีเดียว สุนัขเหล่านี้เป็นของบรรดาเศรษฐีที่เดินทางมากับเรือลำนั้น แน่นอนว่ามันต่างได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเฉกเช่นเจ้านายของมัน 

 

 

 

 

     แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อเรือได้แล่นชนกับภูเขาน้ำแข็ง และกำลังจะอัปปางลงในไม่ช้า ท่ามกลางความสับสนอลหม่าน เวลานั้นต่างคนก็คงต้องเอาชีวิตตัวเองให้รอด ซ้ำร้ายด้วยจำนวนเรือช่วยชีวิตที่ไม่พอ ทำให้ต้องช่วยผู้หญิงและเด็กก่อน ไม่มีที่พอให้กับคนส่วนใหญ่ และแน่นอนว่ามันย่อมไม่มีที่สำหรับสุนัขเหล่านั้น จากข้อมูลที่ได้รับการยืนยันและเพิ่งมีการเปิดเผยเมื่อไม่นานมากนี้ มีเพียงสุนัข 3 ตัวเท่านั้นที่รอดชีวิตมาจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดย 2 ใน 3 ตัว เป็นสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนหนึ่งตัว อีกตัวเป็นน้องหมาพันธุ์ปักกิ่ง โดยเจ้าของได้ซ่อนพวกมันไว้ในเสื้อโค้ท ไม่ก็ผ้าห่มคลุมตัว แล้วพามันลงเรือช่วยชีวิตมาด้วยกัน ส่วนสุนัขที่เหลือนั้นไม่รอด ในจำนวนนี้มีสุนัข 2 ตัว ซึ่งเป็นสุนัขของคุณวิลเลียม เออร์เนส คาร์เตอร์ เป็นผู้นำอุตสาหกรรมถ่านหิน เจ้าหมาผู้โชคร้ายไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นเรือไปพร้อมกับลูก ๆ ของเขา มันถูกทิ้งให้ตายไปพร้อมกับการจมลงของเรือไททานิค เช่นเดียวกับผู้โดยสารและลูกเรืออีกกว่า 1,500 ชีวิต ที่ต้องจากโลกนี้ไปในโศกนาฏกรรมคืนวันนั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

     เป็นเวลามากกว่า 30 ปีแล้ว ที่เมืองพริเพียต แคว้นเคียฟ ทางตอนเหนือของยูเครนใกล้ชายแดนเบลารุสในปัจจุบันได้ถูกทิ้งให้เป็นเมืองร้าง หลังจากที่โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลระเบิดขึ้นในปี ค.ศ. 1986 ซึ่งผลของการระเบิดนี้ทำให้เกิดขี้เถ้าปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีพวยพุ่งขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ปกคลุมทางตะวันตกของสหภาพโซเวียต ยุโรปตะวันออก และพื้นที่โดยรอบ จนทำให้ต้องทำการอพยพประชากรมากกว่า 336,431 คน ออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วนในทันทีเพื่อเอาตัวรอด สำหรับในเหตุการณนี้ ในขณะที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นนั้น มีผู้เสียชีวิตทันที 31 คน และมีคนงานที่เสียชีวิตภายหลังตามมาอีกประมาณ 50 คน สาเหตุจากการป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวกับรังสี มีการประมาณกันไว้ว่า เหตุการณ์นี้อาจทำให้มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งจากการสัมผัสกัมมันตรังสีสูงถึง 4,000 คน แม้ยังไม่มีจำนวนตัวเลขของสัตว์เลี้ยงที่ได้รับผลกระทบแน่ชัด และไม่มีสุนัขตัวไหนเสียชีวิตทันทีที่เกิดเหตุการณ์ระเบิดดังกล่าว แต่ผลของการอพยพประชากรออกจากพื้นที่อย่างรีบร้อน ก็ทำให้สุนัขจำนวนไม่น้อยถูกทิ้งไว้ให้ต้องเผชิญหน้ากับกัมมันตภาพรังสีแต่เพียงลำพัง ซึ่งผลของมันก็ทำให้สัตว์เลี้ยงจำนวนไม่น้อยที่เกิดขึ้นมาภายหลัง เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติ เช่น แขนขาหายไปหรือเกินมา ตา หัว หรือซี่โครงขาดหายไป หรือกะโหลกผิดรูป เป็นต้น 

 

 

 

 

     แน่นอนว่าสุนัขที่ถูกทิ้งไว้เหล่านี้บางส่วนต้องถูกกำจัด เพราะรัฐบาลมีคำสั่งห้ามนำสัตว์ทั้งหลายออกนอกพื้นที่เด็ดขาด แต่มีบางส่วนที่หนีเอาตัวรอดไปได้ อาศัยอยู่ในป่าและมีชีวิตต่อมา ต่างออกลูกออกหลานเพิ่มจำนวนขึ้นอีกนับร้อยตัวในเวลาต่อมา สุนัขเหล่านี้ส่วนมากอายุสั้น และมีปัญหาสุขภาพ โชคยังดีที่ในเวลาต่อมามันได้รับการดูแลจาก มูลนิธิ CFF (Clean Future Fund) ซึ่งได้จัดตั้งคลีนิคเฉพาะกิจขึ้นมา ณ เมืองร้างแห่งนี้ เพื่อคอยดูแลรักษา ฉีดวัคซีน ทำหมันให้ แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ทำให้สุนัขได้รับผลกระทบเช่นกัน แม้บางตัวจะรอดชีวิตแต่ก็เหมือนกับตายทั้งเป็นจากผลพวงของกัมมันตภาพรังสีที่ตามมา

 

 

 

 

 

 

     ในวันที่  11 กันยายน ค.ศ. 2001 หลังเครื่องบินพุ่งชนตึกเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ ปฏิบัติการกู้ภัยได้เริ่มต้นขึ้น มีการนำสุนัขตำรวจและสุนัขกู้ภัยจำนวนเกือบ 300 ตัว มาใช้ช่วยค้นหาผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ในซากปรักหักพังและค้นหาระเบิด สุนัขตัวหนึ่งชื่อ ซีเรียส ถูกส่งไปในแทบจะทันทีที่เกิดเหตุการณ์เครื่องบินชนตึกแรก ในขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น เครื่องบินอีกลำก็พุ่งมาชนยังตึกที่ 2 ทำให้ตึกเกิดการถล่มลงมา มันเสียชีวิตในเหตุการณ์วันนั้นทันที เป็นสุนัขตำรวจเพียงตัวเดียวที่เสียชีวิตในโศกนาฏกรรมวันนั้น ในขณะที่สุนัขอีกตัวชื่อ อะพอลโล ได้ถูกส่งไปทำหน้าที่เช่นกัน แต่มันก็เกือบเอาตัวไม่รอดจากการถูกไฟไหม้และปูนหล่นทับ ส่วนตัวอื่น ๆ ที่เหลือต่างก็ทำหน้าที่กันอย่างหนัก เพื่อช่วยเหลือชีวิตคนที่ติดอยู่ที่ซากตึก บางตัวทำงานต่อเนื่องยาวถึงวันละ 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว ตลอด 2 สัปดาห์ มันสามารถช่วยชีวิตคนออกมาได้หลายคนเลยทีเดียว แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปมากถึง 3,000 คนก็ตาม ผ่านมาเกือบ 20 ปี สุนัขกู้ภัยทุกตัวในวันนั้นต่างก็ลาจากโลกนี้กันไปหมดแล้ว โดยสุนัขตัวสุดท้ายชื่อว่า บริตทานี เป็นสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ เพิ่งจะตายไปเมื่อปี ค.ศ. 2016 มีการจัดพิธีอำลาอย่างสมเกียรติ โดยมีธงชาติคลุมร่างไว้ ทุกคนต่างอาลัยและจะไม่มีวันลืมวีรกรรม และความเสียสละของสุนัขเหล่านี้

 

 

 

 

 

 

 

     ในเหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิถล่มญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ. 2011 เป็นภัยธรรมชาติครั้งสำคัญของโลกที่คร่าชีวิตคนและสัตว์จำนวนมาก สุนัขและแมวตายเกลื่อนเมือง หลังเกิดเหตุสึนามิถล่มญี่ปุ่น มีการพบซากสุนัขจำนวนมากจากการออกสำรวจภายหลังเหตุการณ์สงบ เป็นที่น่าสลดใจอย่างมาก เพราะสุนัขบางส่วนถูกทิ้งไว้ เนื่องจากเจ้าของของมันอาจเสียชีวิตไปแล้ว แต่ในระหว่างการค้นหาผู้รอดชีวิตนั้น ทีมสำรวจก็ได้พบกับภาพประทับใจ เป็นเรื่องราวที่โด่งดังไปทั่วโลกในตอนนั้น เมื่อมีสุนัขสีขาวสลับน้ำตาลตัวหนึ่งรอดชีวิต มันวิ่งตรงเข้ามาหาพวกเขา และส่งเสียงเห่า ก่อนจะวิ่งกลับไปนั่งข้าง ๆ สุนัขอีกตัวหนึ่งที่คาดว่าอาจจะได้รับบาดเจ็บ เพื่อขอความช่วยเหลือ ท่าทีและสายตายังจะดูหวาดกลัวต่อสิ่งที่เกิดขึ้น  แต่ก็แสดงให้เห็นน้ำใจของสัตว์ที่กำลังเผชิญชะตากรรมไม่ต่างจากมนุษย์ มันได้รับการช่วยเหลือทั้งสองตัว และถูกส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลสัตว์ เหตุการณ์นี้มีสุนัขจำนวนมากที่ยังรอคอยการช่วยเหลือ หนึ่งในนั้นก็มีสุนัขตัวหนึ่งที่ลอยอยู่กลางทะเลบนซากหลังคาบ้านที่ถูกกระแสน้ำพัดไป มันได้รับการช่วยเหลือหลังจากติดอยู่นาน 3 สัปดาห์ โดยเจ้าหน้าที่ต้องโรยตัวจากเฮลิคอปเตอร์ลงไปช่วยมันขึ้นมา หลังจากได้รับการช่วยเหลือ ได้ถูกส่งไปอยู่ในบ้านพักสัตว์ชั่วคราวเพื่อรอพบเจ้าของ และในที่สุดก็ได้กลับไปอยู่กับเจ้าของอีกครั้ง มันชื่อว่า เจ้าบัน อายุ  2 ปี ตอนที่ได้เจอเจ้าของมันกระดิกหางได้ความดีใจ ในเหตุการณ์ครั้งนี้มีสุนัขได้รับการช่วยชีวิตราว 250 ตัวเท่านั้น หลาย ๆ ชีวิตต่างสูญสิ้นไปเช่นเดียวกับคนอีกราว 10,000 ราย ที่ต้องสูญหายและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ในวันนั้น

https://images.foxtv.com/static.fox10phoenix.com/www.fox10phoenix.com/content/uploads/2019/09/932/524/Riley911RescueDog__Banner__Getty.jpg?ve=1&tl=1

https://media2.s-nbcnews.com/j/streams/2013/September/130910/8C8940205-tdy-911-hero-dogs-1.fit-760w.jpg

https://thumbs-prod.si-cdn.com/rT0357ZepCdWdpax0jta-Eg-QmU=/fit-in/1600x0/https://public-media.si-cdn.com/filer/18/41/1841dd2e-716e-4c1f-9921-2c49b2d64018/titanic-dogs-hmed.png

https://rmstitanichotel.co.uk/wp-content/uploads/2018/08/Dogs-being-walked-on-the-ship-300x215.jpg

https://www.khaosod.co.th/online/2016/04/14615325371461532633l.jpg

http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2011/03/A10346415/A10346415-131.jpg