เท่ สุขุม มีความเป็นนักล่าสูง นี่คือคำจำกัดความของ "Wolfdog" ...

     เจ้า Wolfdog หรือที่หลายคนเคยได้ยินกันในชื่อ Wolf-Dog Hybrid หรือ Wolf Hybrid น้องหมาสายพันธุ์นี้เป็นลูกผสมระหว่างน้องหมาบ้าน (ส่วนใหญ่จะเป็น ไซบีเรียนฮัสกี้ , เยอรมันเชพเพิร์ด) กับหนึ่งในสี่สายพันธุ์หมาป่า Gray Wolf, Red Wolf, Eastern Wolf และ Ethiopain Wolf

    น้องหมาสายพันธุ์นี้เริ่มมาได้รับความนิยมมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งก็มาจากกระแสซื้อมาเลี้ยงตามกระแส Direwolf หรือ หมาป่าโลกันตร์ จากซีรีย์เรื่อง Game of Throne ซึ่งราคาค่าตัวของเจ้า Wolfdog ก็ต้องบอกเลยว่าคนที่กระเป๋าไม่หนักพอไม่มีทางเลี้ยงได้แน่ เพราะค่าตัวของพวกเค้าเริ่มต้นที่หลักแสนขึ้นไป!!! นี่ยังไม่รวมค่าเลี้ยงดูต่าง ๆ อีกนะคะ เรียกง่าย ๆ ว่าต้องมีเงินนั่นแหละถึงจะเลี้ยงได้

     ฟังมาถึงตรงนี้คิดว่าเจ้า Wolfdog ต้องชีวิตดีแน่ ๆ เพราะใครที่คิดจะเลี้ยงก็ต้องมีเงินถุงเงินถัง ย้านต้องมีฐานะ  Wolfdog จะต้องถูกเลี้ยงแบบกินหรูอยู่ดี แต่จริง ๆ แล้วใครจะคิดคะว่าในแต่ละปีมี  Wolfdog เป็นจำนวนมากถูกนำมาทิ้งหรือประกาศหาผู้ดูแลใหม่เพราะเจ้าของที่ซื้อพวกเขามาเลี้ยงไม่สามารถดูแลพวกเค้าได้!!

     อ้าว! ทำไมกลายเป็นแบบนี้ล่ะ?

     ปัญหาใหญ่ที่ทำให้เจ้า Wolfdog ถูกทิ้งก็เพราะ ผู้ที่ซื้อน้องไปเลี้ยงไม่ได้ศึกษาข้อมูลสายพันธุ์และทำความเข้าใจกับนิสัยตามธรรมชาติของ Wolfdog ให้ดี ส่วนใหญ่แล้วเมื่อซื้อไปเลี้ยงแล้วไม่สามารถฝึกให้เชื่องได้เหมือนกับน้องหมาบ้านพันธุ์อื่น ๆ  แถมการเลี้ยงน้องหมาพันธุ์นี้ยังต้องใช้พลังงานในการดูแลเป็นอย่างมาก เพราะด้วยขนาดตัวที่ใหญ่กว่าปกติ แถมยังแรงเยอะทำให้ไม่สามารถพาไปวิ่งเล่นได้ การฝึกการควบคุมก็ลำบาก สุดท้ายแล้วจากน้องหมาราคาหลักแสน ก็กลายเป็นหมาถูกทิ้งซะงั้น

     Shy Wolf Sanctuary คือหน่วยงานที่รับดูแล Wolfdog โดยเฉพาะ หน้าที่หลักก็คือรับภาระดูแล  Wolfdog ที่เจ้าของดูแลไม่ไหวประมาณ 60 เคสต่อปีเลยทีเดียว ... ในเคสที่เจ้าของนำมามอบให้หน่วยงานดูแลยังไม่เท่าไหร่ แต่มีเจ้าของ  Wolfdog บางคนที่เลือกที่จะปล่อยพวกเขาออกจากบ้าน ให้หากินเองเพราะคิดว่าพวกเค้ามีสัญชาตญาณการเอาตัวรอดแบบหมาป่า สามารถล่าได้ น่าจะใช้ชีวิตเองได้ ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมา เพราะ Wolfdog ถูกเลี้ยงโดยคนมาตั้งแต่เกิด ไม่เคยต้องหากินเอง นั่นทำให้พวกเค้าไม่มีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดตามธรรมชาติ

     "ยูกิ" คือหนึ่งใน Wolfdog ที่ถูกเจ้าของส่งตัวให้มูลนิธิดูแลสัตว์จรจัดดูแล เพราะว่าไม่สามารถเลี้ยงต่อไปได้ เมื่อต้องเปลี่ยนจากบ้านมาอยู่ที่มูลนิธิ ยูกิไม่สามารถเข้าฝูงกับน้องหมาตัวอื่นได้แถมยังมีปัญหาเรื่องขาดสารอาหาร แต่ก็ยังเป็นโชคดีที่ทางมูลนิธิตัดสินใจส่งตัวยูกิไปให้ Shy Wolf Sanctuary ดูแลต่อเพราะหากปล่อยไว้ยูกิอาจจะไม่มีชีวิตรอด

     หน่วยงาน Shy Wolf Sanctuary รีบส่งผู้เชี่ยวชาญไปรับตัวยูกิมาดูแลทันที ซึ่งเมื่อตรวจเช็ก DNA ของยูกิแล้วก็พบว่า ยูกิเป็น Wolf-Dog Hybrid ที่ยังคงมีความเป็นสัตว์ป่าในตัวสูง โดยมีถึง 87.5% หมาป่าสีเทา , 8.6% ไซบีเรียนฮัสกี้ , 3.9% เยอรมันเชพเพิร์ด ซึ่งผู้เชี่ยวชาญก็ได้ให้ข้อสังเกตว่าสำหรับยูกิถึงแม้จะถูกผสมพันธุ์มาอย่างยาวนานหลายรุ่นแต่ทั้งทางสัญชาตญาณและทางร่างกายก็ยังคงเป็นสัตว์ป่ามากกว่า  Wolfdog ตัวอื่น ๆ สังเกตได้ง่าย ๆ เลยคือ ในหนึ่งวันต้องกินเนื้อสดวันละหลายกิโลกรัมไม่งั้นจะป่วยได้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเจ้าของเดิมถึงดูแลยูกิไม่ไหว และทำไมก่อนหน้าที่จะมาอยู่ที่ Shy Wolf Sanctuary ยูกิถึงมีภาวะขาดอาหาร เพราะเจ้าหน้าที่ที่ดูแลไม่เข้าใจว่าร่างกายของยูกิต้องการอาหารประเภทไหน ทำให้ยูกินได้รับอาหารที่ไม่เหมาะสม ได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ

     หลังจากที่ย้ายมาอยู่ที่ Shy Wolf Sanctuary ยูกิก็มีพฤติกรรมที่อ่อนโยนขึ้นอย่างหน้าเหลือเชื่อ เชื่อฟังผู้ดูแลมาก และแทบไม่แสดงความดุร้ายให้เห็นเลย

     ปัจจุบันถึงแม้ยูกิจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่เรื่องราวของยูกิได้ถูกเผยแพร่ จนในตอนนี้ยูกิได้กลายเป็นตัวแทนของ Wolfdog ที่ถูกทิ้งและได้รับโอกาสในการมีชีวิตใหม่ในบ้านที่เข้าใจพวกเค้า เรื่องราวของยูกินได้กลายเป็นสิ่งที่้ใช้เตือนสติผู้ที่อยากเลี้ยงน้องหมาสายพันธุ์  Wolfdog เพื่อให้ตระหนักว่าน้องหมาสายพันธุ์นี้ไม่ใช่น้องหมาธรรมดาทั่วไป การนำพวกเขามาเลี้ยงโดยขาดความพร้อมความเข้าใจอาจจะทำให้น้องหมาได้รับความทรมาน และเจ้าของเองก็อาจจะไม่มีความสุขในการได้อยู่ร่วมกับน้องหมาด้วย


 

บทความโดย : Dogilike.com
www.dogilike.com/

ข้อมูลอ้างอิงบางส่วน :
www.facebook.com/shywolfsanctuaryeducationandexperiencecenterinc/