โดย: Tonvet

12 คำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ที่คนรักสุนัขสนใจมากที่สุดในปี 2012

ไขข้อข้องใจคำถามเกี่ยวกับสุขภาพของน้องหมาที่คนสนใจมากที่สุดในรอบปี

19 ธันวาคม 2555 · · อ่าน (21,375)
60

SHARES


60 shares

Dogilike.com :: 12 คำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ที่คนรักสุนัขสนใจมากที่สุดในปี 2012


     ใกล้จะเข้าสู่ปีใหม่เข้าไปทุกทีแล้วนะครับ ตลอดช่วงปีที่ผ่านมาผมพบปะกับเจ้าของและน้องหมามากมายทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ มีคำถามมากมายจากคนผู้รักสุนัขแวะเวียนเข้ามาสอบถามข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพแทบทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นทางเว็บไซต์ Dogilike.com , Dogilike Facebook fanpage หรือแม้แต่การสอบถามในช่วงเวลาของการทำงานก็ดี แต่ละคนก็มีข้อสงสัยแตกต่างกันไป ขึ้นกับช่วงเวลาและสถานการณ์การณ์ต่างๆ ซึ่งวันนี้ มุมหมอหมา ได้รวบรวมนำ  "12 คำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ที่คนรักสุนัขสนใจมากที่สุดในปี 2012" มาฝาก ส่วนจะมีคำถามอะไรบ้าง และจะใช่คำถามที่เพื่อนๆ กำลังสงสัยอยู่บ้างหรือไม่ มาดูกันครับ
 

1.    น้องหมาตัวเหม็น เกาคัน และขนร่วงเป็นย่อมๆ เกิดจากสาเหตุใด


     เชื่อได้ว่าในชีวิตการเลี้ยงสุนัข ต้องมีอย่างน้อยสักครั้งล่ะที่เคยประสบกับปัญหานี้ เพราะเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ซึ่งอาการดังกล่าวเป็นหนึ่งในกลุ่มอาการของโรคผิวหนัง ซึ่งอาจพบอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ผิวหนังแดงอักเสบ มีเม็ดตุ่ม มีสะเก็ดรังแค ฯลฯ บางรายอาจขนร่วงทั้งตัวเลยก็มี ซึ่งสาเหตุของอาการดังกล่าวก็มีมากมายครับ เช่น ไรขี้เรื้อนแห้ง ไรขี้เรื้อนเปียก ไรในหู เชื้อราหรือยีสต์ เชื้อแบคทีเรีย สาเหตุจากฮอร์โมนต่างๆ สาเหตุจากภูมิแพ้ต่างๆ ขาดสารอาหารบางอย่าง ฯลฯ แต่ละสาเหตุมีแนวทางการรักษาและระยะเวลาการรักษาที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรพาไปตรวจกับคุณหมอ เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง และรีบทำการรักษาแต่เนิ่นๆ ครับ
 

Dogilike.com :: 12 คำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ที่คนรักสุนัขสนใจมากที่สุดในปี 2012


2.    น้องหมาเป็นโรคขี้เรื้อนเปียกรักษาอย่างไร


     โรคนี้ก็จัดเป็นโรคสุดฮิตติดอันดับในน้องหมาตลอดกาลโรคหนึ่งครับ สำหรับโรคขี้เรื้อนเปียกหรือโรคขี้เรื้อนขุมขนนี้ มีสาเหตุมาจากตัวไร Demodex spp. หากเป็นแบบเฉพาะที่ 90% สามารถหายได้เอง อีก 10% อาจพัฒนาไปเป็นแบบกระจายทั่วตัว การรักษาหากเป็นแบบเฉพาะที่นั้นส่วนใหญ่จะใช้วิธีการฟอกด้วยแชมพูที่มีส่วนผสมของ Benzoyl peroxide ร่วมกับยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียหากพบการติดเชื้อ หรือยาแก้คันถ้ามีอาการ ส่วนการรักษาหากเป็นแบบกระจายทั่วตัว ต้องใช้การจัดการหลายด้าน ได้แก่

     -    ใช้ยาฆ่าตัวไร เช่น ฉีดพ่น Amitraz สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง (ควรตัดขนให้สั้นเพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้ดี) ป้อนยา Ivermectin วันละครั้ง ป้อนยา Milbemycin oxime วันละครั้ง หรือหยอดหลังด้วย Moxidectin ทุก 1-2 สัปดาห์ อย่างใดอย่างหนึ่ง
     -    กินยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน
     -    อาบน้ำด้วยแชมพูที่มีส่วนผสมของ Benzoyl peroxide
     -    ปรับอาหารเพื่อเพิ่มสารอาหารบำรุงผิว
     -    หากมีปัจจัยอื่นโน้มนำให้รักษาที่สาเหตุ เช่น ทำหมันหากมีปัญหามาจากฮอร์โมน
 

Dogilike.com :: 12 คำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ที่คนรักสุนัขสนใจมากที่สุดในปี 2012


3.    อยากทราบวิธีกำจัดเห็บ


     ปัญหาเรื่องเห็บเป็นปัญหาโลกแตกที่พบได้ทั้งปี เห็บไม่เพียงเป็นปรสิตคอยดูดกินเลือดน้องหมาเท่านั้น ยังเป็นพาหะนำโรคร้ายอย่างโรคพยาธิในเม็ดเลือดมาด้วย การกำจัดเห็บเจ้าของหลายคนมักเน้นกำจัดแต่เพียงบนตัวสุนัข แต่แท้จริงแล้ว หากจะปราบเห็บกันจริงจัง ต้องเน้นตามสิ่งแวดล้อมมากกว่า ทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่นอนของน้องหมา บนพื้นทั้งในบ้านและนอกบ้าน โดยเน้นตามที่น้องหมาอยู่ ด้วยยาฆ่าเห็บทั้งแบบผงหรือน้ำ นำมาผสมกับน้ำฉีดพ่นตามที่ต่างๆ และต้องป้องกันน้องหมาออกไปวิ่งเล่นบริเวณที่มีเห็บชุก เพื่อไม่ให้รับเห็บเพิ่มมาอีก ส่วนบนตัวอาจใช้วิธีการฉีดยา หยอดหลัง หรือสวมปลอกคอป้องกันก็ได้ ซึ่งควรป้องกันเป็นประจำทุก 1-2 เดือน

 

4.    ขอคำแนะนำเกี่ยวกับการทำหมันสุนัข


     การทำหมันถือเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ดีที่สุด นอกจากช่วยควบคุมประชากรสุนัขแล้ว ยังเป็นวิธีการใช้ป้องกันโรค เช่น โรคมดลูกอักเสบเป็นหนอง โรคมะเร็งเต้านม โรคต่อมลูกหมากโต โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคติดต่อจากการสืบพันธุ์ ฯลฯ และยังช่วยลดปัญหาพฤติกรรมให้น้องหมาได้ด้วย เพราะฉะนั้นการทำหมันจึงเป็นสิ่งที่ “ต้องทำ” โดยเฉพาะน้องหมาตัวผู้ที่เป็นอัณฑะทองแดง ปัจจุบันมีงานวิจัยหลายฉบับ ออกมาสนับสนุนให้ทำหมันน้องหมาก่อนเป็นสัดครั้งแรกหรือก่อนเข้าสู่ช่วงวัยเจริญพันธุ์ โดยแนะให้ทำตั้งแต่ช่วงอายุ 4 เดือนขึ้นไป ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคตามที่กล่าวไปข้างต้นได้

     และเนื่องจากการทำหมันจำเป็นต้องมีการวางยาสลบและผ่าตัด ดังนั้นก่อนทำหมันน้องหมาต้องได้รับการตรวจร่างกายและตรวจเลือดเพื่อประเมินสภาพก่อน หากร่างกายพร้อมคุณหมอจึงจะนัดวันและเวลาเพื่อมาผ่าตัดทำหมันต่อไป ซึ่งก่อนวันผ่าตัด เจ้าของควรทำความสะอาดตัวน้องหมาให้เรียบร้อย งดน้ำก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง และงดอาหารทุกชนิดอย่างน้อย 6-12 ชั่วโมง
 

Dogilike.com :: 12 คำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ที่คนรักสุนัขสนใจมากที่สุดในปี 2012


     หลังผ่าตัดต้องระมัดระวังเรื่องการดูแลแผล ควรหมั่นสังเกตแผลเป็นประจำ แผลที่ดีต้องไม่มีรอยช้ำ ไม่มีเลือดหรือหนองซึมออกมาจากบาดแผล ดูแลเรื่องความสะอาดของแผล ห้ามแผลเปียก ห้ามน้องหมาเลียแผล แต้มยาเบตาดีนวันละครั้ง และควรห้ามไม่ให้น้องหมาวิ่งเล่น กระโดด หรือเห่ามากเกินไป ที่สำคัญต้องป้อนยาตามคำแนะนำของคุณหมอโดยเคร่งครัด ไปตรวจแผลตามวันที่คุณหมอนัดทุกครั้ง และพาไปตัดไหมหลังจากผ่าตัดแล้ว 7-10 วันครับ (อ่านข้อมูลเพิ่มเติม...คลิก)
 

5.    จะทราบได้อย่างไรว่าน้องหมาเป็นสัด


     เรื่องการเป็นสัดก็ยังมีคนสนใจเข้ามาถามอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะเจ้าของมือใหม่ ตามปกติสุนัขเพศเมียจะเป็นสัดครั้งแรก เมื่ออายุ 6-10 เดือน โดยน้องหมาพันธุ์เล็กมักจะเป็นเร็วกว่าพันธุ์ใหญ่ และจะเป็นสัดเรื่อยไปปีละ 1-2 ครั้ง ช่วงที่เป็นสัดหรือระยะเอสตรัส (Estrus) เป็นระยะที่ตัวเมียยอมรับการผสม เจ้าของหลายคนมักจะเข้าใจผิดว่า ช่วงที่มีเลือดออก คือ ระยะเป็นสัด แต่แท้จริงช่วงดังกล่าว คือ ระยะก่อนเป็นสัดหรือโปรเอสตรัส (Proestrus)  ช่วงนี้ร่างกายจะได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมนเอสโตรเจน เกิดการบวมของอวัยวะเพศ เลือดจึงออก เพราะเส้นเลือดฝอยแตก ช่วงนี้ตัวผู้จะเข้ามาสนใจ แต่ตัวเมียยังไม่ยอมให้ผสม อาจมีพฤติกรรมก้าวร้าว โดยเฉลี่ยประมาณ 7-9 วัน จนผ่านเข้าสู่ระยะเป็นสัดที่ตัวเมียจะยืนนิ่งยอมรับการผสม
 

6.    จะรู้ได้ไงว่าน้องหมาตั้งท้อง


     ปกติสุนัขจะใช้ระยะเวลาตั้งท้องประมาณ 57-63 วันโดยเฉลี่ย วิธีการที่จะทราบได้ว่าน้องหมาตั้งท้องนั้น สามารถทำได้โดยการสังเกตการเปลี่ยนแลงทางสรีระและพฤติกรรม โดยเฉพาะช่วงสัปดาห์ที่ 5-8 ของการตั้งท้องจะพบว่า น้องหมาจะกินเก่งขึ้น ท้องขยายใหญ่ เต้านมเริ่มเต่ง หัวนมมีสีชมพู บางทีบีบมีน้ำนมไหล มีพฤติกรรมทำรัง ชอบคาบของไปซ่อนที่มุมเงียบ ตรงนี้อาจแยกยากกับหมาที่เป็นภาวะท้องเทียม เพราะมีอาการเหมือนกันทุกอย่าง แต่เราสามารถให้คุณหมอตรวจยืนยันด้วยการ คลำตรวจ เมื่อตั้งท้องได้ 30-35 วันขึ้นไป เอ็กซเรย์ จะทำเมื่อตั้งท้องได้ 42 วันหลังวันผสมขึ้นไป เพราะจะเห็นเมื่อลูกสร้างโครงกระดูกแล้ว อัลตร้าซาวด์ จะทำประมาณวันที่ 25 ขึ้นไป ซึ่งจะเห็นหัวใจลูกเต้นด้วย และตรวจฮอร์โมนรีแลคซิน (Relaxin) ที่สร้างจากรก โดยจะเจาะเลือดตรวจประมาณวันที่ 22-27 หลังจากวันผสม แต่หากเจ้าของไม่ทราบประวัติการผสม อาจจะนัดมาตรวจซ้ำอีก 1-2 สัปดาห์ เพื่อความแน่ใจครับ (อ่านข้อมูลเพิ่มเติม...คลิก)
 

Dogilike.com :: 12 คำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ที่คนรักสุนัขสนใจมากที่สุดในปี 2012


7.    น้องหมาท้องแก่ไม่ยอมคลอดทำอย่างไร


     มีคำถามเรื่องการตั้งท้องแล้วก็ต้องตามด้วยคำถามเรื่องคลอด ภาวะคลอดยากจัดเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่เจ้าของต้องรีบช่วยเหลือ เราสามารถทราบได้ว่าน้องหมาคลอดยากโดยการสังเกต  หากที่มีของเหลวสีเขียวไหลจากช่องคลอดนาน 2 ชั่วโมงแล้ว แต่ไม่มีการเบ่งลูกออกมา หรือน้องหมาพยายามเบ่งนานกว่า 2 ชั่วโมงแล้วหรือเบ่งแบบรุนแรงต่อเนื่องกันนานกว่า 30 นาที แล้วก็ยังไม่ลูกออกมา หรือระยะเวลาการเบ่งลูกตัวนี้ห่างจากลูกตัวที่แล้วนานกว่า 2 ชั่วโมง หรือพบอวัยวะของลูกโผล่ออกมาบางส่วนแล้วก็ยังไม่มีตัวลูกออกมา เหล่านี้ถือว่าเข้าข่ายภาวะคลอดยาก หากไม่ช่วยแม่หมาอาจจะอ่อนแรง หมดสติและช็อคได้

     วิธีการช่วยเมื่อเกิดภาวะคลอดยาก หากพบอวัยวะของลูกโผล่มาบางส่วน เจ้าของอาจช่วยดึงตัวลูกออกมาตามจังหวะแรงเบ่งของแม่ แต่ถ้าดึงแล้วลูกไม่ออกมา ก็อย่าฝืนออกแรงนะครับ เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ให้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วนจะดีกว่า ซึ่งคุณหมอจะทำการล้วงตรวจและถ่ายเอ็กซเรย์ เพื่อประเมินการคลอดยาก บางครั้งอาจต้องใช้การอัลตร้าซาวด์ร่วมด้วย หากลูกไม่ติดหรือผิดท่า อาจใช้การฉีดยาเร่งคลอด หากไม่ได้ผลก็จำเป็นต้องทำการผ่าคลอด โดยเราจะคำนึงถึงชีวิตของแม่หมาเป็นหลักครับ
 

Dogilike.com :: 12 คำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ที่คนรักสุนัขสนใจมากที่สุดในปี 2012



8.    น้องหมาไอเหมือนมีอะไรมาติดคอ จะช่วยเหลืออย่างไร


     อาการไอ เป็นการตอบสนองของร่างกายที่ต้องการจะขับอะไรบางอย่างออกมา แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ไอแบบแห้งๆ ไม่มีเสมหะกับไอแบบมีเสมหะ (มีเสลด) ซึ่งการที่น้องหมาไอเหมือนมีอะไรติดคอแบบนี้ จัดว่าเป็นการไอแบบมีเสมหะ ซึ่งเสมหะในสุนัขมักเหนียวข้นและจับตัวกันแน่น จำเป็นต้องอาศัยยาละลายเสมหะร่วมด้วย หรืออาจใช้วิธีพ่นยา ด้วยละอองที่มีอนุภาคขนาดเล็กคล้ายควัน เพื่อให้น้องหมาสูดดมเข้าไป โดยใช้น้ำเกลือเพียงอย่างเดียวหรือใช้ร่วมกับยาละลายเสมหะ เพื่อให้น้ำเกลือเข้าไปละลายเสมหะ และถูกขับออกมาจากการไอได้ง่ายขึ้น

     นอกจากนี้เจ้าของอาจช่วยน้องหมาทำการ "ตบอก (Coupage)" โดยทำฝ่ามือโค้งเป็นรูปถ้วย ตบลงบริเวณซี่โครงช่วงอกด้วยแรงที่พอเหมาะ ไล่จากส่วนท้ายไปต้น คล้ายการตีกลองด้วยมือ เพื่อให้น้องหมาได้ไอแล้วขับเสมหะออกมา ควรทำวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 5-10 นาที หรืออาจจะพาเดินเล่นเพื่อกระตุ้นให้ไอก็ได้ครับ
 

Dogilike.com :: 12 คำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ที่คนรักสุนัขสนใจมากที่สุดในปี 2012



9.    น้องหมามีบาดแผลจะดูแลอย่างไร


     บาดแผลในสุนัขเกิดได้จากหลายสาเหตุและก็มีรูปแบบของแผลแตกต่างกันออกไป แต่มีหลักในการดูแลแผลคล้ายๆ กันครับ

     -    เริ่มแรกต้องห้ามเลือดก่อนโดยใช้ผ้าก็อซหรือผ้าสะอาดกดที่แผลนาน 2-3 นาที ทำหลายๆ ครั้งจนกว่าเลือดจะหยุดไหล (ห้ามถูไปมา)
     -    จากนั้นโกนขนบริเวณบาดแผลและโดยรอบรัศมีแผล 2-3 นิ้ว ให้เรียบ
     -    ทำความสะอาดแผลด้วยสบู่หรือแชมพูฆ่าเชื้อ ถ้าไม่มีอาจใช้น้ำเกลือหรือน้ำสะอาดเฉยๆ ก็ได้ แต่ห้ามล้างด้วยแอลกอฮอล์ที่แผลโดยตรงเด็ดขาด
     -    ปล่อยน้ำไหลผ่านและถูแผลเบาๆ แล้วล้างให้สะอาดทำแบบนี้สัก 2-3 ครั้ง จากนั้นซับแผลให้แห้งแล้วแต้มด้วยยาเบาตาดีนหรือเจนเชียนไวโอเลต
     -    ปิดแผลด้วยผ้าก๊อสติดเทป หรือพันแผลไว้ก็ได้
     -    วันต่อมาให้ทำเช่นเดิมแต่อาจไม่จำเป็นต้องล้างและฟอกสบู่แล้ว ทำแบบนี้วันละ 1-2 ครั้ง
     -    จำไว้เสมอว่า ต้องห้ามไม่ให้น้องหมาเลียแผลเป็นอันขาด โดยสวมปลอกคอกันเลียป้องกัน
 

Dogilike.com :: 12 คำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ที่คนรักสุนัขสนใจมากที่สุดในปี 2012


     บาดแผลที่พบได้บ่อยในน้องหมาคงหนีไม่พ้นแผลจากการถูกกัด แผลแบบนี้มีรูเปิดแคบและค่อนข้างลึก จึงทำให้การทำความสะอาดแผล ตลอดจนการใส่ยาลงไปได้ไม่ทั่วถึง ซึ่งอาจจะพัฒนากลายเป็นฝีหรือมีหนองตามมาได้ หากเป็นแผลที่รุนแรงซับซ้อนควรพาน้องหมาไปให้คุณหมอทำแผลเบื้องต้นก่อนสัก 3-5 วันแรก ซึ่งอาจต้องรับยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยาแก้ปวด ลดอักเสบ และยาลดบวมร่วมด้วยครับ

 

10.    สงสัยน้องหมาเป็นโรคไตวายเรื้อรังต้องทำอย่างไร


     โรคไตวายเรื้อรัง เป็นโรคที่พบได้บ่อยในสุนัขสูงวัย ซึ่งเกิดจากการที่ไตเสื่อมสภาพและสูญเสียการทำหน้าที่ไปมากกว่า 75% ทำให้การขับของเสียมีปัญหา ส่งผลต่อค่าไตอย่าง ครีเอตินีน (Creatinine) และยูเรียไนโตรเจน (BUN) จะมีค่าสูงขึ้น น้องหมาจะมีอาการกินน้ำเยอะ ปัสสาวะเยอะ น้ำหนักลด ซีด อาเจียน มีกลิ่นปาก ฯลฯ  ในการตรวจเราจะต้องทำการตรวจค่าอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ค่าความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) รวมถึงการตรวจวิเคราะห์ปัสสาวะด้วย

     หากน้องหมาเป็นไตวายเรื้อรัง จะต้องได้รับน้ำเกลือทุกวัน เพื่อเพิ่มการกรองขับของเสียและลดภาวะร่างกายขาดน้ำ ตลอดจนการจัดการอื่นๆ เช่น การปรับอาหารเพื่อลดของเสียสะสมในร่างกาย ถ่ายเลือดหรือฉีดฮอร์โมนกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง (Erythropoietin) ปรับลดยาที่มีผลเสียต่อไต และเสริมยาที่ช่วยบำรุงการทำงานของไต ฯลฯ โรคนี้เกิดจากความเสื่อมไม่มีทางรักษาให้หายขาด เจ้าของบางคนไม่เข้าใจและไม่ยอมรักษาต่อเนื่อง เมื่อเห็นว่าอาการดีขึ้นแล้ว ค่าไตกลับมาปกติแล้ว ก็เลยไม่พามารักษาหรือติดตามโรคต่อเนื่อง จึงเป็นเหตุในน้องหมาเสียชีวิตได้ง่าย (อ่านข้อมูลเพิ่มเติม...คลิก)
 

Dogilike.com :: 12 คำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ที่คนรักสุนัขสนใจมากที่สุดในปี 2012



11.    น้องหมาเด็กสงสัยเป็นลำไส้อักเสบติดต่อจะทราบได้อย่างไร


     โรคลำไส้อักเสบติดต่อ ถือว่าเป็นโรคติดต่อสุดฮิตติดอันดับสำหรับลูกสุนัขเลยทีเดียว หลายตัวต้องจบชีวิตไปก็ด้วยโรคนี้  เจ้าของสามารถทราบได้จากการที่น้องหมามีอาการซึม เบื่ออาหาร อาเจียน ท้องเสีย ถ่ายออกมมีมูกเลือดและมีกลิ่นคาวมาก ฯลฯ เราสามารถยืนยันการติดเชื้อได้จากการตรวจแอนติเจนจากอุจจาระด้วยวิธี ELISA โดยใช้ชุดตรวจ Test kit CPV/CCV ซึ่งมีข้อดี คือ ความไวในการตรวจค่อนข้างสูง ใช้เวลาทราบผลไม่เกิน 15 นาที แต่มีความจำเพาะต่ำ เพราะไม่สามารถแยกเชื้อทีเกิดจากการทำวัคซีนได้ เพราะฉะนั้นเจ้าของที่เพิ่งพาน้องหมาไปฉีดวัคซีนไม่เกิน 12 วัน ควรแจ้งคุณหมอเรื่องวันที่ได้ทำวัคซีนด้วย ในทางตรงกันข้าม บางทีน้องหมาอาจจะป่วยจริงๆ แต่อาจตรวจไม่พบ เนื่องจากคุณหมอเก็บตัวอย่างอุจจาระที่มีเชื้อมาน้อยเกินไป หรือตรวจในช่วงที่มีเชื้อในอุจจาระน้อย จึงตรวจไม่พบเชื้อ ช่วงเวลาที่มีเชื้อในอุจจาระมากที่สุดและเหมาะสมในการตรวจที่สุด คือ 4-7 วันหลังจากติดเชื้อครับ (อ่านข้อมูลเพิ่มเติม...คลิก)

 

12.    น้องหมาซึม ไม่ค่อยกินอาหาร เกิดจากสาเหตุใด


     คำถามนี้เป็นคำถามยอดฮิตที่สุดในรอบปีก็ว่าได้ครับ เพราะน้องหมาที่ป่วยส่วนใหญ่ก็จะเริ่มจากอาการแบบนี้ แต่อาการซึม ไม่กินอาหารนี้ ความจริงแล้วเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เป็นอาการที่ไม่จำเพาะเจาะจง ไม่สามารถระบุสาเหตุความผิดปกติหรือโรคได้แน่ชัด จำเป็นต้องซักประวัติและทำการตรวจเพิ่มเติมอย่างละเอียดเสียก่อน เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาวินิจฉัยโรค แต่มีข้อสังเกตอยู่ครับ บางครั้งการที่น้องหมาเบื่ออาหารอาจไม่ได้มาจากสาเหตุของการป่วยก็ได้ เรื่องของช่วงวัย อุปนิสัยและพฤติกรรมก็มีส่วน ตรงนี้เจ้าของอาจให้เวลาสังเกตอาการต่อเนื่องไปอีกสัก 24-48 ชั่วโมง ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรรีบพาไปพบคุณหมอ เพราะการเจ็บป่วยไม่ได้มีแต่ทางกายเพียงอย่างเดียว น้องหมาก็ป่วยทางใจได้เช่นกัน และต่างจากคนตรงที่น้องหมาจะไม่แกล้งป่วย ดังนั้นหากน้องหมามีอาการซึม เบืออาหารจะต้องมีสาเหตุไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแน่นอนครับ
 

Dogilike.com :: 12 คำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ที่คนรักสุนัขสนใจมากที่สุดในปี 2012


     คงจะทำให้เพื่อนๆ ชาว Dogilike  คลายข้อสงสัยไปได้ไม่น้อยนะครับ กับ 12 คำถามเกี่ยวกับสุขภาพที่ มุมหมอหมา รวบรวมมา เน้นย้ำกันอีกครั้งครับ สำหรับเพื่อนๆ ชาว Dogilike ที่มีข้อสงสัยไม่ว่าจะเรื่องใดๆ เกี่ยวกับน้องหมาก็ตาม สามารถแวะเวียนเข้ามาสอบถามหรือจะช่วยกันเข้ามาแชร์ประสบการณ์ก็ได้ผ่านทาง “เว็บบอร์ด-ถามปัญหาของ Dogilike.com , หน้า Dogilike Facebook fanpage หรือสอบถามกับผมโดยตรงได้ที่ My family ของ Tonvet” ซึ่งทีมงาน Dogilike.com ตลอดจนสาวกชาว Dogilike ทุกคน ยินดีให้คำปรึกษาเสมอครับ และทั้งหมดนี้ก็คือ "12 คำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ที่คนรักสุนัขสนใจมากที่สุดในปี 2012" ครับ



 

บทความโดย: หมอต้น Dogilike.com
น.สพ.ธีรภาพ มุสิกานนท์
 
รูปภาพประกอบ:
www.oximunol.com
www.petyourdog.com
www.findavet.us
www.videojug.com
www.theanswervet.com
www.animalultrasoundclinic.blogspot.com
www.ashemergency.com
www.vetcare.net.nz
www.pet360.com
www.pawnation.com
www.improve.com